ประเทศที่กำลังตกเป็นเป้ารายต่อไปของรัสเซียอาจจะเป็น Moldova
เป็นเหตุให้สหภาพยุโรปยื่นมือมาเสนอความช่วยเหลือ
เพราะรัสเซียได้ประกาศว่าดินแดน Tranistria ซึ่งประกาศแยกตัวออกจากมอลโดวาจะได้รับการคุ้มครองจากมอสโก
เพราะคนเชื้อสายรัสเซียที่นั่นถูกข่มขู่คุกคามโดยรัฐบาลมอลโดวาที่มีผู้นำรัฐบาลสนับสนุนตะวันตกมากกว่ารัสเซีย
ไมอา ซานดู ประธานาธิบดีของประเทศนี้ยอมรับว่า ขณะนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้
มอลโดวาเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด 15 สาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต
เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายและมอลโดวาได้เอกราช รัสเซียได้สนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในทรานส์นีสเตรีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูมิภาคที่พูดภาษารัสเซีย
ประเทศนี้เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดของยุโรป
เมื่อวันที่ 22 เมษายน รัสตัม มินเนคาเยฟ นายพลชาวรัสเซีย ประกาศว่าทหารรัสเซียที่ควบคุมยูเครนอยู่วันนี้จะเปิดเส้นทางสู่ทรานส์นีสเตรีย
โดยอ้างว่าคนที่พูดภาษารัสเซียกำลังถูกกดขี่
เป็นเสียงเตือนภัยอันตรายดังขึ้นในเมืองคีชีเนา เมืองหลวงของมอลโดวาทันที
“นี่เป็นคำพูดที่น่ากังวล” ประธานาธิบดีแซนดูให้สัมภาษณ์ The Economist “หลังจากที่เราได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน”
อีก 3 วันต่อมาความกังวลที่ว่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดการระเบิดขึ้นที่ตึกทำการของกระทรวงความมั่นคงของรัฐที่ควบคุมโดยรัสเซียในเมืองติราสโปล เมืองหลวงที่ประกาศตนเองของพวกแบ่งแยกดินแดน
วันรุ่งขึ้น เสาอากาศอีก 2 จุดในเมืองนั้นถูกระเบิดทิ้ง
เป็นเสาอากาศที่ใช้ในการส่งสัญญาณวิทยุของรัสเซียในเมือง Maiac ที่อยู่ใกล้กันนั้น
ไม่มีใครอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นักวิเคราะห์ตะวันตกอ้างว่า รัสเซียมีประวัติของการ “สร้างสถานการณ์” หรือที่เรียกว่า “False Flag” ("ชักธงปลอม") ที่เป็นการจัดฉากเพื่ออ้างเป็นสาเหตุในการก่อเหตุโจมตีทางทหารได้
ประธานาธิบดียูเครนชี้นิ้วกล่าวว่า นั่นคือฝีมือของมอสโก
หน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครน ซึ่งปฏิบัติงานในทรานส์นีสเตรียอ้างว่า ได้พบแผ่นพับจำนวนมากที่กระตุ้นให้ผู้พูดภาษารัสเซียที่นั่นลุกขึ้นก่อเหตุ
ประเทศมอลโดวาตกอยู่ในฐานะที่มีความเสี่ยงไม่น้อย
เหตุเพราะไม่เคยสมัครเข้าร่วม NATO ไม่เหมือนกับยูเครนหรือจอร์เจียที่เคยประกาศตนว่าสนใจจะเข้าร่วมพันธมิตรทางทหารของยุโรปตะวันตก
ส่วนอดีตสมาชิกของสาธารณรัฐโซเวียตอย่างเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย เป็นสมาชิก NATO อยู่แล้ว
แต่หากมอลโดวาแสดงความสนใจจะสมัครเข้าร่วม NATO ตอนนี้อาจถูกมองว่าเป็นการยั่วยุ เพราะเป็นช่วงจังหวะที่สงครามยูเครนยังร้อนระอุ
มีความหวั่นเกรงกันที่นี่ว่าหากมอลโดวาแสดงท่าทีที่มอสโกเห็นว่าเป็นปรปักษ์ ก็จะเป็นเสมือนกระตุกหนวดเสือทันที
“ทันทีที่เรายกประเด็นนี้ขึ้นมา ระเบิดก็อาจเริ่มตกลงมารอบบ้านเราทันที” คือปฏิกิริยาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของที่นี่
ความจริงมีสัญญาณเตือนทำนองนี้มาจากรัสเซียตั้งแต่ฤดูร้อน
และในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เสียงเตือนจากรัสเซียก็คมชัดขึ้นทุกที
โดยทางการแล้ว มอลโดวามีสถานภาพรักษา “ความเป็นกลาง” ซึ่งเขียนระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ปี 1994
เป็นการเขียนเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศเล็กๆ อย่างมอลโดวาถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่ตนไม่ต้องการจะเข้าไปมีส่วนด้วย
แต่ในสถานการณ์ที่เห็นอยู่วันนี้ NATO ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรได้มากนักที่จะป้องกันไม่ให้รัสเซียดึงมอลโดวาเข้าสู่วงจรของความขัดแย้งนี้
ประธานาธิบดีซานดูบอกว่า “เรากำลังพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ประเทศเราอยู่นอกความขัดแย้งนี้ แต่ความเป็นกลางก็ไม่ได้ให้การคุ้มกันเราได้ 100%”
จะว่าไปแล้วประเทศเล็กๆ อย่างมอลโดวาก็ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้มากมายนัก
เพราะกองทัพก็เล็กนิดเดียว
กองทัพของประเทศไม่มีเครื่องบินรบหรือเฮลิคอปเตอร์
รถถังที่พอจะมีไม่กี่คันอยู่ก็เป็นแค่ใช้จัดแสดงเป็นของโบราณที่เป็นเพียงเครื่องรำลึกในฐานะอนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้นเอง
ไม่มีพิษสงในการสู้รบตบมือกับใคร
ตราบถึงวันนี้ การบุกใหญ่จากรัสเซียยังดูเหมือนห่างไกล
รัสเซียมีกองทหารรักษาการขนาดเล็กใน Transnistria หากมอสโกจะเสริมทัพของตนให้ใหญ่โตขึ้นกว่านี้ก็จำเป็นต้องเคลื่อนทัพจากยูเครนไปทางทิศตะวันตกเกือบ 200 กม. จากแนวหน้าในปัจจุบัน
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีอันตรายในรูปแบบอื่นๆ เสียเลยทีเดียว
เช่น ทหารรัสเซียประมาณ 1,500 นาย (ส่วนใหญ่เป็นทหารทรานส์นีสเตรียนที่มีหนังสือเดินทางของรัสเซีย) ประจำการอยู่ใน "ดินแดนแยกตัว" แห่งนี้อาจก่อเหตุร้ายในส่วนที่เหลือของมอลโดวา
หรืออาจโจมตียูเครนจากทางตะวันตก
แต่ทั้ง 2 เรื่องก็เกิดขึ้นไม่ได้ง่ายนัก เพราะกองกำลังที่ว่านี้ยังมีเครื่องมือและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไม่ถือว่าดีนัก
แต่หากทหารรัสเซียจะรุกคืบเข้ามอลโกวาจากตะวันออกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
ที่ผ่านมา แม้จะมีความพยายามรุกมาแถบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่รัสเซียก็ยังไม่สามารถยึด Mykolaiv ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางขอบตะวันตกของดินแดนยูเครนที่ปัจจุบันดูเหมือนรัสเซียจะควบคุมอยู่
แต่ภัยคุกคามที่เร่งด่วนกว่าอะไรอื่น คือความขัดแย้งทางสังคมและเศรษฐกิจที่ออกแบบโดยรัสเซีย
นั่นอาจทำให้มอลโดวาตกอยู่ในความโกลาหลและวุ่นวายพอที่จะทำให้เกิดภาวะวิกฤตได้
แซนดูเป็นอดีตที่ปรึกษาธนาคารโลกและต่อต้านการทุจริตที่ทุ่มเทจนเป็นที่ยอมรับของคนในประเทศ
พอเธอได้รับเลือกตั้งในปี 2020 ก็เท่ากับประชาชนแสดงการต่อต้านรูปแบบการปกครองแบบเผด็จการของเครมลิน
เพราะคู่แข่งที่เธอล้มสำเร็จคือ Igor Dodon ซึ่งมีนโยบายต่อต้านชาติตะวันตกและสนับสนุนรัสเซียอย่างแข็งขัน
ก่อนหน้านั้นเขาได้ไล่ออกแซนดูจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเธอเปิดโปงปัญหาคอร์รัปชัน
ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา
รัสเซียมีอิทธิพลเหนือมอลโดวาอยู่ 2 ทาง
ประการแรก มอสโกคือผู้ขายก๊าซเกือบทั้งหมดที่มอลโดวาต้องพึ่งพาเพื่อทำความอุ่นในหน้าหนาวเหน็บ และเพื่อป้อนอุตสาหกรรมเล็กๆ ที่มีอยู่
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ราคาก๊าซกระโดดขึ้น 380%
อีกทางหนึ่งท่อส่งก๊าซหลักเข้ามอลโดวาต้องวิ่งผ่าน Transnistria
นั่นคือจุดเปราะบางอีกจุดหนึ่งที่ทำให้มอลโดวาต้องเกรงใจรัสเซียเป็นพิเศษ
ประการที่สอง ดูเหมือนจะร้ายแรงกว่าข้อแรก คือประมาณ 80% ของไฟฟ้าของมอลโดวามาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในทรานนีสส์เตรีย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยก๊าซของรัสเซียเช่นกัน
บริษัทพลังงานซึ่งมีชาวรัสเซียเป็นเจ้าของได้ราคาขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
อีกทั้งยังปฏิเสธที่จะทำสัญญาระยะยาวกับมอลโดวา
ทำให้รัฐบาลต้องเจรจาเพื่อต่ออายุไปเรื่อยๆ
ความจริงไฟเกือบจะดับลงแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม หากรัฐบาลไม่สามารถต่อรองเพื่อต่อสัญญากับทรานนีสส์เตรียไปอีก 1 เดือน
ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีแซนดูจึงต้องร้องขอสหภาพยุโรปเพื่อความช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นจำนวนเงิน 300 ล้านยูโร (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) เพื่อแก้ขัดปัญหาความยากจนไปถึงสิ้นปี
มอลโดวาจะมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นเมื่อมีการสร้างสายไฟใหม่เชื่อมต่อกับโรมาเนีย
แต่กว่าจะทำได้ต้องรออีก 2-3 ปี
ฝ่ายค้านของมอลโดวาที่โปรรัสเซียมีแผนจะใช้ประโยชน์จากวิกฤตนี้
แซนดูบอกว่ากองกำลังทางการเมืองของรัสเซียในมอลโดวาได้พูดถึงการประท้วงครั้งใหญ่แล้ว และได้เรียกร้องให้รัฐบาลก้าวลงจากตำแหน่งและจัดการเลือกตั้งรัฐสภา
แน่นอนว่าเมื่อเกิดปัญหาปากท้อง ฝ่ายค้านก็จะต้องโทษรัฐบาล
ความคาดหวังที่จะได้รับการสนับสนุนทางทหารโดยตรงจาก NATO ไม่น่าจะเป็นไปได้ในขณะนี้
แต่ 1 สัปดาห์หลังจากรัสเซียบุกยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ มอลโดวาขอสมัครเข้าร่วมสหภาพยุโรป
แต่กว่าจะได้เป็นสมาชิกจริงๆ คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี
วันนี้ประเทศนี้จึงอยู่ด้วยความหวาดระแวงและระมัดระวังอย่างสุดฤทธิ์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ