กาละและเทศะ

ฮื่ออ์อ์อ์...ท่าทางจะหนักหนา สาหัส มิใช่น้อย สำหรับการดำเนินงานกิจการของบริษัทจำหน่ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกๆ กันว่า แพลตฟอร์ม ของบริษัทต่างบ้าน ต่างเมือง ที่ใช้ชื่อว่าลาซงด้ง ลาซาด้า อะไรประมาณนั้น เมื่อต้องเจอเข้ากับ ความรู้สึก ของผู้คนในเมืองไทย ที่เผลอๆ...อาจจะหนักซะยิ่งกว่ากฎหมาย กฎระเบียบ อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่...

--------------------------------

คือโดยรายละเอียดจะมีที่มา-ที่ไป มีความเป็นมาแบบไหน อย่างไร คงไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ให้มากเรื่อง มากความ เพราะออกจะเป็นเรื่องพูดกันสนั่นเมืองไปแล้วในทุกวันนี้ เอาเป็นว่า...โดยรวมๆ แล้ว ด้วยความประมาท เลินเล่อ หรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ ได้ส่งผลให้ชาวไทยจำนวนมิใช่น้อย ค่อนข้าง เสียความรู้สึก

กับกิจการดังกล่าว อย่างชนิดแทบไม่อยากอภัยให้เลย แต่ก็นั่นแหละ...โดยต้นเหตุ สาเหตุ ที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ก็คงหนีไม่พ้นไปจากสิ่งที่ท่านอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติยุคก่อน คุณ ถวิล เปลี่ยนศรี ท่านเคยเน้นย้ำถึงความสำคัญเอาไว้มากๆ นั่นก็คือ...การขาดเสียซึ่ง กาละ-เทศะ ของพวกเด็กๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้รับการไหว้วานให้ทำโฆษณาให้กับกิจการดังกล่าว...

---------------------------------------

คือเรื่องของ กาละ-เทศะ อันอาจหมายถึงความตระหนักและสำนึก ถึงความเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ในการกระทำการใดๆ ไม่ว่าในแง่กาล สถานที่ หรือโอกาส คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า...เป็นสิ่งที่ค่อนข้างแทบไม่เหลือติดปลายนวมของบรรดาเด็กๆ หรือเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แต่เฉพาะประเทศไทย สังคมไทย ของหมู่เฮาเท่านั้น แต่อาจต้องเรียกว่า...แทบจะทั่วทั้งโลกเอาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะใน โลกตะวันตก หรือโลกที่ค่อนข้างจะเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้กับสิ่งที่เรียกว่า เสรีภาพ ในทุกๆ เรื่อง โดยแทบไม่ได้สนใจว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะก่อให้เกิดการ ไม่รู้จัก ควบคุมตนเอง เกิดการปล่อยปละละเลยต่อการข่มกลั้น อดทน อดกลั้น อันถือเป็นพื้นฐานสำคัญของ ธรรมะ เอาเลยก็ว่าได้ อย่างที่เรียกกันว่า ขันติธรรม นั่นเอง...

----------------------------------------

แต่จะด้วยเหตุเพราะโลกทั้งโลก...มักต้องเดินตาม ก้าวตาม ติดสอยห้อยตาม โลกตะวันตกซะจนเคย ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และโดยเฉพาะความก้าวหน้า ก้าวไกลในทางเทคโนโลยี หรือไม่? อย่างไร? ก็ตามที ความอดทน อดกลั้น ของบรรดาพวกเด็กๆ ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี มันจึงแทบไม่เหลือติดปลายนวมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ  และในเมื่อโลกทั้งใบมันไม่ได้มีเพียงแค่บรรดาพวกหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลายซะเมื่อไหร่ แต่ยังมีคนเฒ่า คนแก่ ผู้ที่เคยรู้จักข่มตน ข่มใจ เคยผ่าน เคยเจอประสบการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ต้องอดทน อดกลั้น กันไปตามสภาพ รอยแยก รอยแตก ระหว่าง คนรุ่นเก่า กับ คนรุ่นใหม่ มันจึงปรากฏให้เห็นในแทบทุกๆสังคม แม้แต่สังคมที่ให้ค่ากับ เสรีภาพ อย่างสังคมตะวันตกก็เถอะ ที่สิ่งซึ่งดำเนินควบคู่ไปกับเสรีภาพ นั่นก็คือ ประชาธิปไตยเสรีนิยม เลยออกอาการเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

----------------------------------------

ส่วน สังคมไทย ของหมู่เฮาทั้งหลายนั้น...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เช่นกันว่า สิ่งที่เรียกว่าความอดทน อดกลั้น ความข่มตน ข่มใจ หรือขีดความสามารถในการ ควบคุมตนเอง ไม่ว่าในการกระทำการใดๆ ในกาล สถานที่ หรือในโอกาสใดๆ ก็แล้วแต่ ค่อนข้างจะมีส่วนเอามากๆ ที่ทำสังคมไทยเกิดความ อยู่-เย็น-เป็น-สุข ได้พอสมควร ความรู้จักอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งที่ผู้อื่นคิดต่างไปจากตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ศาสนา หรือเรื่องการเคารพ นับถือ ต่อสิ่งใดๆ ก็ตาม ที่แทบไม่ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก เกิดความร้าวฉาน อุบัติขึ้นมาในประเทศไทยนับตั้งแต่ยุคโบร่ำ-โบราณ จนแม้ตราบเท่าทุกวันนี้ก็ว่าได้ ด้วยเหตุเพราะความมี กาละ-เทศะ ของบรรดาชาวไทย ที่จะถูกหล่อหลอมมาจากศาสนา วัฒนธรรมประเพณีหรือค่านิยมใดๆ แบบ  โดยอัตโนมัติ ก็แล้วแต่...

------------------------------

เพราะสำหรับสังคมบางสังคม...สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด ความเสี่ยง ค่อนข้างสูง ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยก ความร้าวฉานได้ไม่ยาก แต่ด้วยความมี กาละ-เทศะ ของบรรดาคนรุ่นเก่าทั้งหลายนั่นเอง อะไรที่ควรแตะ-อะไรที่ไม่ควรแตะ เป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ เข้าใจ โดยแทบไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย ความร่มเย็น หรือความอยู่-เย็น-เป็น-สุข จึงดำเนินมาได้อย่างไหลลื่น อย่างสอดคล้องและกลมกลืนไปกับ  ความเป็นไทย ชนิดผู้คนต่างบ้าน ต่างเมือง หรือฝรั่งมังค่า ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์เอาเลยก็ยังมี แต่ภายใต้ความก้าวหน้า ก้าวไกล ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี ฯลฯ นั่นเอง ที่ทำให้สิ่งเหล่านี้...นับวันจะสูญหายไปชนิดแทบไม่เหลือติดปลายนวมบรรดา คนรุ่นใหม่ จำนวนมิใช่น้อย...

-----------------------------

การล่วงละเมิดต่อสิ่งที่ผู้อื่นให้ความเคารพ เทิดทูน หรือกระทั่งบูชา...แทบกลายเป็น แฟชั่น สำหรับพวกเด็กๆบางกลุ่ม บางราย ไปแล้วก็ว่าได้ โดยปราศจากความรับรู้ ความเข้าใจ ว่า อะไรเหมาะ-อะไรควร หรือกระทั่งอะไรที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก ความไม่อยู่-เย็น-เป็น-สุข ไปจนถึง ความทุกข์ ไม่ว่าทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยต้องจบลงไปแบบน่าเศร้า น่าโศกสลด คือจบกันแบบ คุก-คุก-คุก โดยมิอาจปฏิเสธไปเป็นอื่น ภายใต้บรรยากาศทำนองนี้...การคบหากับพวกเด็กๆ ที่ปราศจากเสียซึ่ง กาละ-เทศะ แบบชนิดไม่คิดหน้า-คิดหลัง ไม่คิดจะชั่งน้ำหนักใดๆ ให้ถ้วนถี่ จึงออกจะเป็น อันตราย พอสมควร ไม่ต่างไปจากการ คบเด็กสร้างบ้าน-คบหัวล้านสร้างเมือง นั่นแล...

  -----------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Mahatma Gandhi... If a man has reached the heart of his own religion, he has reached the heart of other too. - ผู้ใดเข้าถึงศาสนาของตนเอง ผู้นั้นย่อมเข้าถึงศาสนาของผู้อื่น...”

----------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น