มีคนถามผมว่าทำไมอินเดียจึงสามารถซื้อน้ำมันรัสเซียราคาถูกในช่วงสงครามยูเครน
ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นมิตรกับสหรัฐฯ
และยังมีจุดยืนเหมือนจีนต่อรัสเซียในกรณีสงครามยูเครนด้วย
นี่คือ “การทูตเจ๋งๆ แบบอินเดีย” ใช่หรือไม่
เป็นความจริงที่ว่า ศึกรัสเซีย-ยูเครน ทำให้หลายประเทศถูกบีบให้เลือกข้าง
แต่ทำไมอินเดียกลับอยู่รอดปลอดภัย และมายืนอยู่ตรงจุดที่ยังซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียโดยไม่ถูกสหรัฐอเมริกาเล่นงาน
และจีนซึ่งปกติจะมีความระแวงอินเดียมาตลอด กลับมองอินเดียในฐานะเป็นมิตรในกรณีนี้
ตอนสงครามยูเครนระเบิดใหม่ๆ ท่าทีของวอชิงตันต่ออินเดียแข็งกร้าวไม่น้อย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถึงกับบอกว่าท่าทีของอินเดียในประเด็นนี้ “ค่อนข้างจะสั่นไหว”
เพราะอินเดียยังคบค้ากับรัสเซีย ไม่ลงมติร่วมประณาม และไม่ร่วมแซงก์ชันรัสเซีย
แต่จู่ๆ ทั้งสหรัฐและอังกฤษก็เสียงอ่อนลงอย่างน่าสังเกต
เห็นได้จากที่ไบเดนคุยกับนายกฯ นเรนทรา โมดี ของอินเดีย ในการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ที่มีบรรยากาศเป็นมิตรและแสดงความชื่นชมต่อกันอย่างอบอุ่น
หลังจากนั้นนายกฯ อังกฤษ บอริส จอห์นสัน ก็เดินทางมาพบนายโมดีที่นิวเดลี
พูดจากันถึงเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้า ตบหลังตบไหล่กันอย่างสนิทสนม
ส่วนประเด็นที่เห็นต่างเรื่องรัสเซียกับสงครามยูเครนนั้นไม่มีการกล่าวขวัญอย่างเป็นทางการ
ต้องถือว่าโมดีเล่นเกมการทูตได้เหนือชั้น
อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียก็เสนอลดราคาให้เป็นพิเศษอีกด้วย
สถิติทางการบอกว่า เอาเฉพาะช่วงไม่กี่เดือนของปี 2022 อินเดียก็สั่งซื้อน้ำมันเท่ากับทั้งปี 2021
ถือว่าเป็นการแสดงความใกล้ชิดทางด้านการค้าด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง
ท่าทีของอินเดียในเวทีระหว่างประเทศนั้น ผู้นำอินเดียยืนยันว่าอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศ
จึงตัดสินใจไม่ออกเสียงในการประชุมสหประชาชาติที่มีการโหวตให้รัสเซียพ้นจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน
อินเดียรู้ว่ามหาอำนาจทั้งหลายต้องการจะเป็นเพื่อนกับตนด้วยเหตุผลของแต่ละคน
เช่น สหรัฐต้องการจะคบอินเดียไว้เพื่อจะต้านทานการผงาดขึ้นมาของจีน
อเมริกาตั้งกลุ่มจตุภาคี หรือ Quad ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐฯ, อินเดีย, ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย
เพื่อคานอิทธิพลของจีนในเอเชีย
อินเดียก็ไม่ต้องการเห็นปักกิ่งผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจ
ดังนั้น เมื่ออเมริกามาชวนให้ร่วมวงนี้ อินเดียก็พร้อมจะเข้ากลุ่ม
จีนไม่พอใจนัก แต่ก็เกรงใจเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่นี้ และต้องเคารพในการตัดสินใจของอินเดีย
เพราะจีนก็ย่อมจะอ้างสิทธิในการตัดสินใจจุดยืนในเวทีระหว่างประเทศเช่นกัน
อินเดียและสหรัฐมีความกังวลเหมือนกันกรณีจีน
เพราะปักกิ่งเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารอย่างต่อเนื่อง และขยายการอ้างสิทธิเป็นเจ้าของผืนดินและน่านน้ำทางทะเลในทะเลจีนใต้
อีกทั้งยังเพิ่มอิทธิพลทางเศรษฐกิจต่อเพื่อนบ้านที่เล็กกว่า
แผนการต้านจีนของสหรัฐก็ต้องอาศัยความร่วมมือของอินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลียที่มาในรูปของ Quad
อินเดียมีประเด็นพิพาทกับจีนมายาวนาน
ทหารของทั้ง 2 ฝ่ายเคยเผชิญหน้าและปะทะกันจนบาดเจ็บล้มตายไปหลายสิบชีวิตที่พรมแดนหิมาลัยในช่วง 2-3 ปีมานี้
สิ่งที่ไม่รอดพ้นสายตาของวอชิงตันคือ อินเดียต้องพึ่งพาอาวุธจากรัสเซียมาเสริมเขี้ยวให้กองทัพ รวมถึงทหารที่ประจำอยู่ในพื้นที่หิมาลัย
นายลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ มาเยือนอินเดียและส่งเสียงเตือนว่า จีนกำลังเปลี่ยนโฉมภูมิภาคและระบบการเมืองระหว่างประเทศขึ้นมาใหม่
ด้วยเหตุนี้อเมริกากับอินเดียจึงต้องแยกระหว่างความเห็นตรงกันเรื่องร่วมมือสกัดการขยายตัวของจีน
และขณะเดียวกันก็ยอมรับจุดยืนที่แตกต่างกันกรณีรัสเซียในยูเครน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พอจะเข้าใจหรือยังว่าทำไมสหรัฐจึงยังคงวิพากษ์วิจารณ์จีนที่ไม่ประณามรัสเซียบุกยูเครน
แต่กลับนิ่งเฉยกับการที่อินเดียไม่ได้ว่าอะไรในเรื่องนี้
จีนกับอินเดียมีจุดยืนเหมือนและต่างกันทางยุทธศาสตร์
ทั้ง 2 มีความสัมพันธ์ด้านยุทธศาสตร์กับรัสเซีย
และวางตัวอย่างระมัดระวังที่จะไม่ทำให้เสียเพื่อนมอสโก แต่ก็อ้างหลักการอธิปไตยและความสำคัญของการเจรจาเพื่อสงบศึก
มีการประเมินว่าอาวุธมากกว่า 50% ของกองทัพอินเดียมาจากรัสเซีย
จีนวิพากษ์วิจารณ์การแซงก์ชันของชาติตะวันตกและตำหนิสหรัฐและนาโตกับความขัดแย้ง
ปักกิ่งยืนจุดเดียวกับมอสโกที่ชี้นิ้วกล่าวหานาโตว่าเป็นผู้จุดไฟของวิกฤตด้วยการขยายอิทธิพลมาจากปีกตะวันออกที่ประชิดติดรัสเซีย
สื่อทางการจีนนำเอาข่าวทางการรัสเซียมาขยายผลต่ออย่างต่อเนื่อง
แต่อินเดียไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์นาโต และไม่ตอกย้ำจุดยืนที่แตกต่างกับสหรัฐฯ
วงการทูตบอกว่าโมดีเคยต่อสายคุยกับเซเลนสกี ผู้นำยูเครน แต่ผู้นำจีนยังไม่ได้ทำเช่นนั้น
นอกจากนี้ อินเดียยังวิพากษ์วิจารณ์อาชญากรรมสงครามในยูเครนที่แรงกว่าจีน
ย้อนกลับไปช่วงสงครามเย็น อินเดียอยู่ข้าง “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” หรือ Non-Aligned Movement (NAM)
แต่อินเดียเริ่มเอนเอียงไปทางโซเวียตช่วงที่สหรัฐส่งอาวุธให้ปากีสถาน เพื่อนบ้านที่เป็นคู่ปรับตลอดกาล
เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อินเดียพึ่งพาอาวุธจากรัสเซียมาจนถึงทุกวันนี้
ปี 2018 อินเดียสั่งซื้ออาวุธรัสเซียราว 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ
เสี่ยงกับการผิดกฎหมายของสหรัฐที่มีผลให้เพิ่มการลงโทษรัสเซียและเกาหลีเหนือมาแล้ว
แต่รัสเซียกับอินเดียก็ไม่สนใจ
ทำให้เห็นภาพว่า ใครๆ ก็กำลังเอาใจอินดีย
รัสเซียก็ขายน้ำมันให้ในราคาส่วนลดพิเศษ
ส่วน นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ก็แถลงชื่นชมอินเดียที่ “ไม่มองมุมเดียวในศึกยูเครน”
ขณะเดียวกันตั้งแต่โมดีชนะการเลือกต้ังในปี 2014 การค้าระหว่างอินเดียกับสหรัฐฯ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
การค้าระหว่างอินเดีย-สหรัฐ สูงเกินปีละ 110,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับรัสเซียที่มีเพียง 8,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาอินเดียยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้ออุปกรณ์ทางการทหารของสหรัฐ
ในการพบปะกับนายไบเดนครั้งล่าสุด โมดีได้รับคำร้องขอจากผู้นำสหรัฐว่าอินเดียไม่ควรเพิ่มการซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีก
ไบเดนเสนอช่วยหาแหล่งน้ำมันอื่นให้แทน
แต่อินเดียซึ่งต้องนำเข้าน้ำมันถึง 80% ก็มีทางพูดเลี่ยงไปให้มีผลกระทบต่อตนน้อยที่สุด
อินเดียบอกสหรัฐฯ ว่าซื้อน้ำมันจากรัสเซียแค่เกิน 3% ของความต้องการอยู่แล้ว
มิหนำซ้ำยังชี้ให้เห็นว่า ประเทศยุโรปต่างๆ นั่นแหละที่ยังซื้อพลังงานจากรัสเซีย
จึงมีผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า “นี่คือการทูตอินเดียแบบเหนือเมฆ” จริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


