อนาคตเลอเปนกับเสรีประชาธิปไตยฝรั่งเศส

ครั้งหนึ่งคนฝรั่งเศสจำนวนมากเห็นว่าคนอย่างเลอเปนน่ารังเกียจ แต่บัดนี้พิสูจน์แล้วว่าพวกขวาจัดนี่แหละที่สังคมยอมรับมากขึ้นและอาจได้เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส

มารีน เลอเปน (Marine Le Pen) ยอมรับว่าเธอแพ้การเลือกตั้งแก่ประธานาธิบดีมาครงอีกครั้ง และเป็น “ชัยชนะอันรุ่งโรจน์” (brilliant victory) เพราะเธอได้คะแนนสูงสุดเท่าที่เคยได้มา ประกาศเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป

เลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะมี 2 รอบ รอบแรกเป็นการเลือกผู้สมัครจากทุกพรรค รอบที่ 2 ชิงชัยระหว่าง 2 คนแรกที่ได้คะแนนสูงสุด

การเลือกตั้งสมัยปี 2017 เป็นการขับเคี่ยวระหว่างเอมมานูแอล มาครง (Emmanuel Macron) ตัวแทนของพรรคสายกลาง กับมารีน เลอเปน (Marine Le Pen) พวกขวาจัด (far-right) ในการเลือกตั้งรอบแรกของปี 2017 มาครงมาอันดับหนึ่งได้คะแนน 23.7% ตามมาด้วยเลอเปนได้ 21.7 คะแนน รอบ 2 เลอเปนได้ 33.9% แต่แพ้มาครง

การเลือกตั้งสมัยล่าสุดที่เพิ่งเสร็จสิ้น เป็นการขับเคี่ยวระหว่างประธานาธิบดีมาครงกับเลอเปนอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างมีจุดได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้ามองจากเลอเปน 5 ปีที่ผ่านมาได้ปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนถึงขั้นเปลี่ยนชื่อพรรค ลดความสุดโต่งเพื่อให้คนส่วนใหญ่ยอมรับได้มากขึ้น

ภาพ: มารีน เลอเปน (Marine Le Pen) หัวหน้าพรรค National Rally เครดิตภาพ: https://rassemblementnational.fr/photos/deplacement-de-marine-le-pen-en-vendee-pour-soutenir-la-candidature-dherve-juvin/

ผลการเลือกตั้งรอบแรกของปี 2022 มาครงนำเป็นที่ 1 ได้ 27.85% เลอเปนตามมาเป็นที่ 2 ได้ 23.15% จะเห็นว่าเมื่อเทียบกับเลือกตั้งปี 2017 คะแนนมาครงบวกเพิ่ม 4% เลอเปนได้คะแนนรอบแรกมากขึ้นเช่นกัน เป็นคะแนนสูงสุดเท่าที่เคยได้มา คะแนนรอบแรกมีความสำคัญเพราะเลือกจากทุกพรรค คนฝรั่งเศส 23% เลือกเลอเปนพวกขวาจัด (far-right)

คะแนนรอบ 2 ของปีนี้ (2022) เลอเปนได้คะแนน 41% (41.46) เพิ่มจากเลือกตั้งครั้งก่อน (2017) ที่ได้ 33% เป็นหลักฐานชี้ชัดว่าคนฝรั่งเศสนิยมพรรคขวาจัดมากขึ้นหรือละทิ้งกระแสหลักที่ชูธงเสรีประชาธิปไตย เป็นเหตุผลที่เลอเปนประกาศว่าเป็น “ชัยชนะอันรุ่งโรจน์” เพราะเธอได้คะแนนเสียงสูงสุดเท่าที่เคยได้มา หลายคนที่รอบแรกเลือกพรรคอื่นเมื่อถึงรอบ 2 เลือกเลอเปน

หากเลอเปนยังมุ่งหน้าทำงานการเมืองต่อไป ประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาลมาครง ระบอบอำนาจเก่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปปี 2027 เลอเปนอาจเป็นอันดับ 1

ตัวอย่างโยบายของเลอเปน 2022 ที่ถูกวิพากษ์:

ประการแรก เสนอให้ถอนตัวออกจากอียู ใกล้ชิดรัสเซีย

แต่ไหนแต่ไรฝรั่งเศสคิดว่าการเป็นสมาชิกอียูช่วยให้มั่งคั่งมั่นคง แต่เลอเปนเสนอให้ฝรั่งเศสถอนตัวออกจากอียู (หรือลดความสำคัญ) ต่อต้านโลกาภิวัตน์ และต้องการให้นาโตมีสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียอีกครั้ง เป็นนโยบายที่แตกต่างจากประธานาธิบดีมาครงที่ดำเนินตามแนวทางรัฐบาลสหรัฐ เลอเปนชี้ว่าต้องการนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระจริงๆ

ประการที่ 2 ต่อต้านกลุ่มผู้ทรงอำนาจ

ตั้งแต่เลือกตั้งรอบก่อน (2017) อีกประเด็นที่ทำให้เลอเปนได้รับความนิยมคือกระแสเบื่อหน่ายนักการเมือง พรรคการเมืองกระแสหลัก กลุ่มผู้ทรงอำนาจ (The establishment) ที่ครอบงำประเทศ มาครงถูกตีตราว่าเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองเก่า

กลุ่มชนชั้นล่างคนรากหญ้ามักนิยมเลอเปนมากกว่ามาครง จึงอาศัยจุดอ่อนของรัฐบาล เข้าหาประชาชนที่ไม่ชอบรัฐบาล เกิดภาพสังคมที่เลือกตามชนชั้น

ประการที่ 3 สนับสนุนคนฝรั่งเศสแท้ๆ

หนึ่งในนโยบายที่ถกกันมากคือ เลอเปนต้องการให้คนฝรั่งเศสแท้ๆ (native French people) เท่านั้นที่จะได้รับการดูแลจากรัฐบาลเต็มที่ในทุกด้าน ไม่ว่าเรื่องการศึกษา การรักษาพยาบาล งานอาชีพ ฯลฯ ส่วนที่เหลือ (non-French people) จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถูกกีดกันไม่ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เกิดสภาพของพลเมืองชั้น 1 กับชั้น 2 แม้ทั้งคู่ต่างมีฐานะเป็นพลเมืองก็ตาม

เลอเปนผู้ยึดมั่นอุดมการณ์:

ถ้าวิเคราะห์ในเชิงอุดมการณ์ ต้องชื่นชมเลอเปนที่ทำงานการเมืองอย่างมีอุดมการณ์ ย้อนหลังปี 1972 สมัยบิดาเลอเปนก่อตั้งพรรคการเมือง ตอนนั้นเป็นเพียงพรรคเล็กๆ ที่สังคมปฏิเสธ ถูกตีตราว่าเป็นกลุ่มของคนเพียงหยิบมือที่นิยมความสุดโต่ง พรรคของเลอเปนไม่มีผลต่อการเมืองประเทศ เป็นกลุ่มนอกสายตา แต่พวกเขายึดมั่นอุดมการณ์แม้เผชิญการต่อต้านจากสังคม ยืนหยัดอุดมการณ์ท่ามกลางแรงกดดัน ปรับเปลี่ยนนโยบายกับพฤติกรรมจนผู้คนยอมรับมากขึ้น บัดนี้กลายเป็น 1 ใน 2 พรรคที่เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ

ไม่ว่าเลอเปนจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ สังคมพูดถึงนโยบายของพวกเขาอย่างกว้างขวาง ผู้คนยอมรับมากขึ้น แม้ไม่ดีเลิศในสายตาหลายคนแต่ดีกว่าพรรคอื่นๆ หลายพรรค และอาจเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลในที่สุด เป็นตัวอย่างความสำเร็จของพรรคการเมืองที่ยึดมั่นอุดมการณ์

ขวาจัดก้าวขึ้นมา เสรีประชาธิปไตยถดถอย:

“ขวาจัดก้าวขึ้นมา เสรีประชาธิปไตยฝรั่งเศสถดถอย” คือข้อสรุปปรากฏการณ์การก้าวขึ้นมาของเลอเปน มีประเด็นน่าสนใจดังนี้

ประการแรก เบื่อหน่ายพรรคกระแสหลัก

โดยเนื้อแท้แล้วคนฝรั่งเศสส่วนใหญ่ไม่นิยมพรรคสุดโต่ง แต่ที่ก้าวขึ้นมาได้ เหตุผลหลักข้อหนึ่งคือชาวฝรั่งเศสหลายคนเบื่อหน่ายพรรคการเมืองแบบเดิมๆ เริ่มคุ้นชินกับนโยบายสุดโต่ง

แม้ฝรั่งเศสขึ้นเชื่อว่าเป็นต้นแบบประชาธิปไตยตะวันตกประเทศหนึ่ง แต่ทุกวันนี้ชาวฝรั่งเศสจำนวนมากไม่ไว้ใจนักการเมือง ไม่คิดว่าพวกเขากำลังทำหน้าที่เพื่อประชาชน นักการเมืองพยายามบอกให้ประชาชนทำตามกฎหมายแต่เองตัวนั่นแหละที่ละเมิดกฎหมาย จึงคิดลองของใหม่ แม้มีความเสี่ยงแต่ดีกว่าทนอยู่ในการเมืองแบบเดิมๆ

ประการที่ 2 ทัศนคติเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ

 มีผู้อธิบายว่าพรรคของเลอเปนได้รับความนิยมในกลุ่มคนรากหญ้า เป็นพวกประชานิยม (populist) แต่ต้องขยายความต่อว่าเป็นรากหญ้าที่ถดถอยจากหลักเสรีประชาธิปไตย เป็นแนวทางแบบขวาจัดคล้าย White Supremacy ของอเมริกา เรื่องที่คนผิวขาวบางกลุ่มเห็นว่าตนเท่านั้นที่เป็นผู้ปกครองประเทศอันชอบธรรม เป็นความชอบธรรมที่คนผิวขาวใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ส่วนคนผิวสีต้องเป็นผู้รับใช้

ครั้งหนึ่งคนฝรั่งเศสจำนวนมากเห็นว่าคนอย่างเลอเปนน่ารังเกียจ (nasty) แต่บัดนี้พิสูจน์แล้วว่าคนอย่างเลอเปนนี่แหละที่สังคมให้การยอมรับมากขึ้น เป็นหลักฐานชี้ว่าทัศนคติสังคมฝรั่งเศสเปลี่ยนไป

ประการที่ 3 ประชาธิปไตยเพื่ออะไร

ประวัติศาสตร์ชี้ว่าการเลือกตั้งฝรั่งเศสไม่ได้เพื่อมุ่งสู่หรือรักษาเสรีประชาธิปไตย ในอดีตเคยได้ประธานาธิบดีสายสังคมนิยมด้วยซ้ำ แต่ถ้ามองจากมุมชาวบ้านอาจเป็นเพียงเพื่อมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น สนับสนุนหรือต่อต้านมุสลิมเพราะคิดว่ากระทบต่อวิถีชีวิต เรื่องเหล่านี้มีความสำคัญถึงขั้นสนับสนุนลดความเป็นเสรีประชาธิปไตย (เช่น ลดเสรีภาพ ลดสิทธิมนุษยชน ไม่เห็นว่าทุกเชื้อชาติทุกศาสนาเท่าเทียม) และเป็นเรื่องของการแข่งขันระหว่างกลุ่มอำนาจที่ต้องการเข้ามาถืออำนาจปกครอง โดยกำหนดนโยบายที่กระตุ้นให้ประชาชนเลือกพวกเขา

ดังนั้น การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยจึงไม่ใช่เพื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพเสมอไป แต่เป็นหลายสิ่งหลายอย่างที่รวมๆ กันอยู่ภายใต้การเลือกตั้ง

ประการที่ 4 การถดถอยระดับโลก

ความเป็นไปของฝรั่งเศสกับสหรัฐตอกย้ำการถดถอยของเสรีประชาธิปไตยโลก ทั้งกรณีสหรัฐกับฝรั่งเศสต่างเห็นด้วยกับการลดทอนเสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ เห็นด้วยกับมุมมองว่ามนุษย์ไม่เท่ากัน บางเชื้อชาติบางสีผิวเหนือกว่า บ่อยครั้งยกเหตุผลว่าเป็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ

ตำราตะวันตกจะให้ฝรั่งเศสกับสหรัฐอเมริกาเป็นแบบอย่างประชาธิปไตยโลก ถ้ายึดตามแนวนี้เท่ากับว่าเป็นแบบอย่างของประชาธิปไตยที่ถอยห่างจากหลักเสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ น่าคิดว่านานาชาติควรยึดถือ 2 ประเทศนี้เป็นแบบอย่างประชาธิปไตยของตนอีกหรือไม่ ประชาธิปไตยแบบใดที่ควรยึดถือ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

2024สงครามกลางเมืองซีเรียระอุอีกครั้ง

สงครามกลางเมืองที่ดำเนินมาเกือบ 14 ปียังไม่จบ สาเหตุหนึ่งเพราะมีรัฐบาลต่างชาติสนับสนุนฝ่ายต่อต้านกับกลุ่มก่อการร้าย HTS เป็นปรากฏการณ์ล่าสุด

ฮิซบุลเลาะห์-อิสราเอลจากเริ่มรบสู่หยุดยิง

ถ้าคิดแบบฝ่ายขวา อิสราเอลที่หวังกวาดล้างฮิซบุลเลาะห์ การสงบศึกตอนนี้ไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ และฮิซบุลเลาะห์กำลังเปลี่ยนจุดยืนหรือ

เส้นทางสายไหมตะวันออกแห่งศตวรรษที่21

BRI จะเป็นแค่การพัฒนาร่วมหรือเป็นยุทธศาสตร์ครองโลกของจีนเป็นที่ถกแถลงเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนานาชาติเฝ้าติดตาม จริงหรือเท็จกาลเวลาจะให้คำตอบ

ท่าทีความมั่นคงของเนทันยาฮู2024 (2)

เนทันยาฮูย้ำว่า อิสราเอลหวังอยู่ร่วมกับนานาชาติโดยสันติ แต่กระแสโลกต่อต้านอิสราเอลส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของอิสราเอล นโยบายกับความจริงจึงย้อนแย้ง

เลือกตั้งสหรัฐ2024เลือกสังคมนิยมหรือฟาสซิสต์

ทรัมป์ชี้ว่าแฮร์ริสเป็นพวกสังคมนิยม ส่วนแฮร์ริสชี้ว่าทรัมป์เป็นเผด็จการ สหรัฐกำลังเข้าสู่การเลือกระหว่าง “สังคมนิยม” กับ “ฟาสซิสต์”