อือมม์ม์ม์...ระหว่าง ตู่ ตลาดแตก กับ ตู่ ตบะแตก จะถือเป็นคนละคนเดียวกันหรือไม่? ประการใด? อันนั้นคงต้องไปสรุปรวมความ ไป ปรุงแต่ง ตาม รสนิยม ของใคร-ของมันกันไปตามสภาพ แต่สำหรับแวดวง การเมืองเรื่องอำนาจ ในทุกวันนี้ก็คงไม่ได้มีแต่ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮาแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถผูกขาด ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เป็นไปตาม ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือเป็นไปโดยตลอดชั่วนิจนิรันดรกาล...
-----------------------------------------------------
เพราะอย่างที่อภิมหากวีรัตนโกสินทร์ตัวจริง-เสียงจริง อีกรายหนึ่ง ที่ปากกาคมไม่น้อยไปกว่า น้าเนาว์ของเราเอง หรืออภิมหากวี เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นั่นก็คือคุณพี่ สุจิตต์ หวั่งเด๊ะ (วงษ์เทศ) ท่านเคยรำพึง รำพัน เอาไว้เป็นบทกลอน ที่ออกจะลึกซึ้ง
ประณีตและละเอียดอ่อนมิใช่น้อย ประมาณว่า...คลื่นมันมาจากไหนก็ไม่รู้-แต่จู่ๆ มันก็ซัดหาดทรายขาว อันถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปทางธรรมชาติ ที่ได้วางกฎ วางเกณฑ์ วางระเบียบแบบแผนให้กับบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่ต่างอะไรไปจาก กฎเหล็ก ที่มิอาจต้าน มิอาจฝืน เอาเลยถึงขั้นนั้น ชนิดแม้แต่ความเคลื่อนไหวความเป็นไปของระลอกคลื่นที่แทบหากฎ หาเกณฑ์ หามาตรฐานใดๆ แทบไม่ได้ แต่สุดท้าย...คลื่นลูกใหม่ย่อมทยอยไล่คลื่นลูกเก่า อย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น...
--------------------------------------------------
ดังนั้น...สำหรับผู้ที่อยู่กันคนละ ตลาด กับ ตู่ ตลาดแตก ก็อย่าเพ่อไปเสียเวลาหงุดหงิด งุ่นง่าน เบื่อหน่าย รำคาญใดๆ โดยใช่เหตุ คือยังไงๆ...ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านคงไม่คิดจะ อยู่ค้ำฟ้า อยู่แล้วแน่ๆ ไม่วันใด-วันหนึ่ง จังหวะใด-จังหวะหนึ่ง ท่านก็คงต้องไป โดยจะไปแบบ ซอฟต์ แลนดิ้ง หรือ ฮาร์ด แลนดิ้ง นั้น ก็คงขึ้นอยู่กับ ผลแห่งการกระทำ หรือขึ้นอยู่กับ กรรม ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนๆ ที่หนีไม่พ้นต้องเป็นไปตามกฎ ระเบียบ ของทุกๆ สรรพสิ่ง นั่นก็คือ...ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป หรือ กฎอิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท นั่นแล...
---------------------------------------------------
ยิ่งในช่วงระหว่างนี้ไปจนถึงอนาคตเบื้องหน้าโน่นเลย...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า บรรดาคลื่นลมทั้งหลายมันออกจะหนักหน่วง รุนแรง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าระดับบนน้ำ ผิวน้ำหรือกระทั่งใต้น้ำ เรียกว่า...พอๆ กับคลื่นยักษ์สึนามิ หรือยิ่งไปกว่าสึนามิเอาเลยก็ว่าได้ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงการบ้าน-การเมือง ที่บรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งหลาย หนีไม่พ้นต้องถูกสาด ถูกซัด ต้องโต้คลื่น เผชิญคลื่น อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย การอยู่-การไปของบรรดาบุคคลเหล่านี้ รวมทั้งท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮาอีกด้วยก็ได้ จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาและต้องการของใครคนใด-คนหนึ่ง ที่อยากให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง เป็นไปตามนั้น เช่นนั้น แต่ขึ้นอยู่กับ ฉากสถานการณ์ ไม่ว่า ณ วันนี้ หรือในอนาคตเบื้องหน้านั่นแหละ ว่าจะเป็นไปในรูปใด...
-------------------------------------------------------
สำหรับฉากสถานการณ์เศรษฐกิจนั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คือยังไงๆ มันคงหนักไปในแนว ไอ้หวัง-ตายแน่...ตายแน่ไอ้หวัง!!! อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย เพราะไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทย สังคมไทย หรือเศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่ต้องเรียกว่าสังคมโลก เศรษฐกิจโลก ล้วนแล้วแต่ต้องตกสะเก็ด ต้องกรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร ไม่ต่างไปจากกันและกันมากมายซักเท่าไหร่ เผลอๆ...อาจถึงขั้นต้องอดอยาก หิวโหย กันไปเป็นประเทศๆ เอาเลยก็ไม่แน่ ไม่งั้น...องค์กรระดับโลก ไม่ว่าจะธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ ไปจนถึงยูเอ็นหรือสหประชาชาติ เขาคงไม่เสียเวลาออกมา ส่งสัญญาณแง่ลบ ถึงความหนักหน่วง หนักหนา สาหัส ทางการเงิน-การทอง การคลัง การค้า ไปจนแม้แต่ความแร้นแค้น ความขาดแคลน ข้าว-ปลา-อาหาร-พลังงาน ฯลฯ ที่อาจลุกลาม บานปลาย กลายเป็นคลื่นยักษ์สึนามิที่จะสาดซัดเข้าใส่แต่ละประเทศ...
----------------------------------------------------------
ส่วนฉากสถานการณ์ทางสังคม...ก็คงมิอาจปฏิเสธอีกเช่นกันนั่นแหละว่า จะด้วยความวิปริต ผิดเพี้ยน ของอุณหภูมิอากาศหรือไม่ อย่างไร ก็ตามที ที่ดลบันดาลให้มวลมนุษย์มนาในโลกใบนี้ ชักออกอาการวิปริต ผิดเพี้ยน ตามไปด้วยอย่างช่วยอะไรแทบไม่ได้ หรือจะด้วยความก้าวหน้า ก้าวไกล ของ เทคโนโลยี ที่มันออกจะไม่สอดคล้อง สมดุล กับวิถีชีวิตเดิมๆ จนเกิดแรงฉุด แรงกระชาก ให้สังคมแต่ละสังคมหลุดกันไปเป็นชิ้นๆ ยิ่งเมื่อต้องเจอเข้ากับ โรคระบาด ทั้งในแง่ร่างกายและจิตใจ โอกาสที่จะเห็นสังคมที่อยู่-ดี-มีสุข สงบ-เรียบ-นิ่งและร่มเย็น คงต้องยอมรับว่าน่าจะหายาก หาเย็น ยิ่งกว่าหาหนวดเต่า-เขากระต่าย เป็นไหนๆ...
----------------------------------------------------------
ดังนั้น...ถ้าหากตราบใดที่ เศรษฐกิจ และ สังคม ต้องเป็นไปในแนวนี้ แล้ว การเมืองเรื่องอำนาจ อันเป็นอะไรที่มักจะนำมาซึ่งความยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่ะ...จะไปเหลืออะไร??? โอกาสที่จะเละเป็นวุ้น เละเป็นขี้ กันไปเป็นประเทศๆ ย่อมมีสิทธิ์เห็นได้ ย่อมมีสิทธิ์อุบัติขึ้นมา ณ ทุกวันนี้และอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล โดยเฉพาะถ้าหากสังคมนั้นๆ ประเทศนั้นๆ ยังเต็มไปด้วย เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ที่ไม่ต่างอะไรไปจากกองฟื้นหรือหญ้าแห้งๆ ที่ถูกสุมเอาไว้ในแต่ละซอก แต่ละมุม ของประเทศ โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปในแบบ ต๊ะเรง...เตร่งต๋อย...ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ปัญหา จึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ผู้นำประเทศอย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮาท่านจะไปในตอนไหน เมื่อไหร่ แต่อยู่ที่ว่า...ภายใต้ ฉากสถานการณ์นั้นๆ ประเทศไทย สังคมไทย ได้ปรากฏร่างเงาของ ผู้ที่มีความเหมาะสม ขึ้นมามั่งแล้วหรือยัง???
---------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก James Freeman Clark... “A politician thinks of the next election; a statesman, of the next generation. – นักการเมืองคำนึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป...รัฐบุรุษคำนึงถึงประชาชนรุ่นต่อไป...”
------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น