ตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อเริ่มต้นมีวิวัฒนาการของอารยธรรมมนุษย์ ชนเผ่าต่างๆ จับจองที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ใกล้แม่น้ำ การแย่งชิงดินแดนริมแม่น้ำทำให้เกิดการรบพุ่งเป็นศึกสงคราม แต่ละชนเผ่าก็จะมีผู้นำที่เก่งกล้าทั้งการรบและการวางยุทธศาสตร์สงคราม
เมื่อได้ชัยชนะก็ได้ครองดินแดน เหล่าบรรดาผู้กล้าที่ร่วมรบและมีบทบาทในการทำศึกสงครามก็จะได้รับการแบ่งทรัพย์สินและที่ดินที่ได้มาจากการได้ชัยชนะในการศึกษาสงคราม และเมื่อรวมกันอยู่เป็นชนเผ่าก็จะต้องมีการสร้างบ้านแปงเมือง คนที่ทรัพย์น้อยก็ทำรังแต่พอตัว คนมีทรัพย์มากก็จะมีนิวาสสถานใหญ่โต จ้างคนมาสร้างบ้าง เกณฑ์เชลยมาสร้างบ้าง
วีรชนที่นำทัพต่อสู้ก็จะกลายเป็นหัวหน้าชนเผ่าที่มีชื่อเรียกกันต่างๆ นานา กษัตริย์บ้าง ราชาบ้าง จักรพรรดิบ้าง พ่อขุนบ้าง พระเจ้าแผ่นดินบ้าง คนโบราณที่ได้ดินแดนอยู่อาศัย ทำมาหากิน มีความร่มเย็น ก็จะมีความกตัญญู สำนึกบุญคุณของหัวหน้าชนเผ่า บางชุมชนยกย่องหัวหน้าว่าเป็นเทพอวตารบ้าง เป็นโอรสสวรรค์บ้าง
การอยู่ร่วมกันต้องมีการกำหนดกฎกติกาสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบ สมานฉันท์สามัคคีไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง กฎกติกา เมื่อดินแดนใหญ่โตจนกลายเป็นประเทศ เป็นอาณาจักร ก็จะกลายเป็นกฎหมายควบคุมพฤติกรรมของการอยู่ร่วมกัน ไม่เพียงแต่จะมีกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันแล้ว คนที่เป็นหัวหน้าที่ต่อมาเรียกกันว่า “ประมุข” นั้น จะต้องทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่คนที่อยู่ในดินแดน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโอกาสให้ทำมาหากินเพื่อดำรงชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต การกำจัดภัยพิบัติทั้งหลาย ทั้งการรุกรานของคนภายนอก ขโมย ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโรคระบาด การทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ผู้ทำหน้าที่เป็นประมุขจะต้องมีความสามารถ มีภาวะผู้นำ ทำงานหนัก แม้จะมีอำนาจในการตัดสินใจในการบริหารบ้านเมืองก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรได้ตามใจ เพราะแต่ละดินแดนก็จะมีกฎกติกาสำหรับผู้เป็นประมุข เพื่อไม่ให้ผู้นำใช้อำนาจในทางที่ผิดเป็น “ทรราช” อย่างเช่นของประเทศไทย พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎมณเฑียรบาลและต้องมีทศพิธราชธรรมมาแต่โบราณ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 พระมหากษัตริย์ก็ต้องอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
หากเข้าใจแบบนี้ ก็จะยอมรับได้ว่าพระมหากษัตริย์ของไทยเราตั้งแต่โบราณมาทรงใช้พระปรีชาสามารถในการสร้างบ้านแปงเมือง เป็นผู้กำหนด กำกับให้การสร้างความเจริญให้ดินแดนและสร้างความผาสุกให้แก่พสกนิกร คงไม่บ้าจี้มาบอกว่ากษัตริย์ไม่ได้สร้างบ้านแปงเมือง แต่เป็นทาส ไพร่ และเชลยศึก จริงอยู่คนพวกนั้นอาจจะแบกหินดินทราย โบกปูน แต่พวกเขาคงไม่ใช่คนคิดแผนพัฒนา ไม่ใช่คนออกแบบ ไม่ใช้คนจัดหางบประมาณมาก่อสร้าง ในขณะเดียวกันก็คงไม่กล่าวหาว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจในการจะทรงทำอะไรก็ได้ตามพระทัยของพระองค์ เพราะพระองค์จะต้องทรงปฏิบัติตามกฎมณเฑียรบาล มีทศพิธราชธรรม และปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญจะต้องเข้าใจว่าทำไมเราจึงเรียกขานพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นพระประมุขของประเทศว่าพระเจ้าแผ่นดิน และถ้าดูประวัติวิวัฒนาการของการเป็นชนเผ่า เป็นแคว้น จนเป็นอาณาจักร ก็จะรู้ว่าทำไมพระมหากษัตริย์จึงมีพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่เป็นพระมรดกตกทอดมาจากบูรพกษัตริย์ตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาจนถึงเวลาที่ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
เวลานี้มีเยาวชนจำนวนหนึ่งที่ถูกครอบงำโดยขบวนการที่เป็นปฏิปักษ์กับกษัตริย์นิยมออกมาชุมนุมแล้วตะโกนบ้าง ปราศรัยบ้าง เขียนป้ายบ้าง ในลักษณะไม่ยอมรับคำว่า “พระเจ้าแผ่นดิน” บอกว่าแผ่นดินนี้ไม่ใช่เป็นของกษัตริย์ พวกเขาบอกว่า “แผ่นดินไทยนี้ เป็นของประชาชน" และมีนักวิชาการบางคนก็ออกมาแสดงความเห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้เป็นคนสร้างบ้านแปงเมือง อ้างว่าทาส ไพร่และเชลยต่างหากที่เป็นผู้สร้าง เพราะมองเฉพาะการใช้แรงงาน ไม่มองด้านการจัดการ การใช้ราชทรัพย์ในการก่อร่างสร้างประเทศ เยาวชนเหล่านี้ไม่ตระหนักในความจริงที่ว่าต้นตระกูลของเขาในอดีตล้วนเป็นชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงมีพระเมตตา ปกครองแผ่นดินโดยธรรม และเมืองไทยก็เป็นแผ่นดินทองที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เราจึงมีทั้งเขมร มอญ กะเหรี่ยง ม้ง แม้ว อาข่า และชาวเขาอีกหลายชนเผ่า ไทยใหญ่ จีน ลาวหลายชนเผ่า แขกจาม เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย
แทบทุกชนเผ่า มาทางบก มาทางเรือขึ้นฝั่ง หนีความอดอยากอพยพมาอยู่แผ่นดินทองที่ร่มเย็นและอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ หลายคนไม่เพียงแต่ตั้งตัวได้ อยู่รอดปลอดภัยและเป็นสุข บางคนกลายเป็นเศรษฐีร่ำรวยเป็นคหบดี มีเงินมีทองส่งลูกหลานเรียนเมืองนอก และหลายคนเมื่อไปศึกษาอยู่ในดินแดนที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ก็สำลักประชาธิปไตย จนเกิดความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีพฤติกรรมเหมือนคนอยู่อาศัยที่พออิ่มหนำสำราญแล้วก็เหิมเกริมคิดไล่เจ้าของบ้าน โดยไม่ยอมรับความจริงว่าพระกษัตริย์ของไทยทุกพระองค์ตั้งแต่ยุคสุโขทัย ท่านอยู่บนแผ่นดินนี้สืบเนื่องมาเป็นหลายร้อยปี มันเป็นความจริงที่ไม่อาจจะหาเหตุผลอะไรมาลบความจริงข้อนี้ได้ อันที่จริงแล้วถ้าจะว่าไปบรรพบุรุษของเยาวชนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความกตัญญูต่อแผ่นดินไทย หลายคนเมื่อร่ำรวยแล้วก็แบ่งปันทรัพย์สินเงินทองช่วยพัฒนาประเทศไทย พวกเขาไม่เคยออกมาตะโกนว่าแผ่นดินทองแห่งนี้เป็นบ้านของพวกเขาด้วยสำนึกกตัญญู แต่ทำไมลูกหลายถึงกลายเป็นพวกเนรคุณ เพราะสำลักประชาธิปไตยมาแบบฝรั่ง มีพฤติกรรมชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ตระหนักรู้ว่าฝรั่งบางชาติเขาจ้องที่จะงาบความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินทองของเรา
ด้วยสำนึกกตัญญู เราต้องไม่ลืมว่าพวกเราทั้งหลายที่เป็นพสกนิกรที่มาอาศัยอยู่ในดินแดนที่บูรพกษัตริย์มาจนถึงพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันได้มีพระมหากรุณาธิคุณประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่จะทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีการพัฒนาเพื่อความผาสุกของพสกนิกรมาเป็นเวลามากกว่า 700 ปีแล้ว จริงอยู่สยามประเทศมาจนถึงวันเวลาที่เราเป็นประเทศไทย เราจะเป็นชาติไม่ได้ ถ้าไม่มีประชาชน แต่ประเทศไทยเป็นชาติที่พสกนิกรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขสงบสันติอย่างทุกวันนี้ก็เพราะพระบารมี พระปรีชาสามารถ พระวิสัยทัศน์ และพระวิริยะ อุตสาหะในการประกอบพระราชกรณียกิจขององค์พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ เมืองไทยจึงเป็นเมืองที่คนไทยพูดได้เต็มปากว่า “เมืองไทยใหญ่อุดม” สมควรที่คนไทยทุกคนควรจะอยู่ด้วยสำนึกกตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงสร้างความผาสุกให้แก่พสกนิกรของประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ