คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...โลกช่วงนี้ มันเป็นโลกที่น่ากลัว น่าอันตราย ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ขนาดผู้ที่มีบทบาทหน้าที่แบบกลางๆ แบบที่ต้องยึดมั่นอยู่ในความถูกต้อง ความยุติธรรม เข้าไว้
อย่างโฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ นาย “Stephane Dujarric”ท่านยังมิวายต้องออกมาแสดงความหวั่นใจ ความไม่แน่ใจ ว่าบรรดาความขัดแย้งของผู้คนภายในโลกใบนี้มันจะไปไกลถึงขั้น...สงครามนิวเคลียร์ สงครามอาวุธเคมี สงครามชีวภาพ ฯลฯ กันเลยหรือไม่? อย่างไร?
ยิ่งช่วงหลังๆนี้...ต่างฝ่ายต่างพยายามประดิษฐ์ คิดค้น“อาวุธ”อันตรายๆของแต่ละฝ่าย แต่ละราย อย่างมุ่งมั่นขะมักเขม้น เอาจริง-เอาจัง ยิ่งเข้าไปทุกที แม้จะไม่ใช่อาวุธมหาประลัย อย่างประเภทนิวคลง นิวเคลียร์ ก็เถอะ แต่ด้วยความที่อยากจะเอาแพ้-เอาชนะกันและกัน ให้เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ลงไปซะที สุดท้าย...มันก็อาจไปถึงนิวเคลียร์ หรือหันไปติดหัวรบนิวเคลียร์กันจนได้ โดยผู้ที่หนีไม่พ้นต้อง “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย”ก็คงออกไปทางประเภทบรรดาเราๆ-ทั่นๆ พวกชาวบ้านๆประเภทตาดำๆ หรือประเภทไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อะไรกับเขาด้วยเลย แต่โอกาสที่จะต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง อันเนื่องมาจากบรรดาความขัดแย้ง มันยิ่งยกระดับใกล้จะถึงขั้นสูงสุดเข้าไปทุกที ยิ่งย่อมมีโอกาสเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
แต่ถึงแม้ยังไม่ถึงกับต้องตายโหง-ตายห่า ลงไปซะก่อน...แค่เจอกับ “ผลกระทบ”แห่งความขัดแย้งต่างๆนานา ก็อาจถึงขั้น “โชคดี...ที่ตายก่อน” หรือทำให้การ“มีชีวิตอยู่”ยิ่งเป็นอะไรที่ยากลำบาก สุดแสนจะลำเค็ญยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ต้องเจอกับภาวะข้าว-ของขึ้นราคาชนิดแพง...แสน...แพง ยิ่งเข้าไปทุกที เจอกับภาวะสินค้าขาดตลาด ข้าว-ปลา-อาหารทำท่าว่าชักเริ่มขาดแคลน ระดับอาจหิวโหยกันไปเป็นประเทศๆ นั่นยังไม่รวมไปถึงเรื่องสุขภาพ เรื่องโรคระบาด ที่ยังแพร่กระจายกันไม่หยุด หนัก-ไม่หนัก แรง-ไม่แรง ก็แล้วแต่ แต่คงไม่มีใครอยากป่วย อยากเจ็บ อยากไข้ หรืออยากจะถูก “กักตัว”ไว้เป็นสัปดาห์ๆ อยู่แล้วแน่ๆ อันเนื่องมาจากท่านเชื้อไวรัสโควิด ที่ยังไม่คิดจะหัวตก เหี่ยวปลาย ยังคงออกฤทธิ์ ออกเดช ออกอาละวาด อย่างเป็นปกติ แม้จะกว่า 2 ปี เกือบ 3 ปีเข้าไปแล้ว...
อย่างไรก็ตาม...ถ้าว่ากันถึงความทุกข์ยาก แสนเข็ญ ระหว่างนี้ ก็ยังอาจไม่ถึงกับหนักหนา-สาหัสเท่ากับภาพจินตนาการ หรือ “คำพยากรณ์-คำทำนาย”ที่เคยถูกกล่าวขานเอาไว้ในคัมภีร์ทางศาสนาหลายต่อหลายศาสนา โดยจะเอาไว้ขู่ขวัญ หรือเอาไว้เป็น “สติ”เป็น “เครื่องเตือนใจ”ใดๆก็แล้วแต่ อย่างเช่นพระคัมภีร์ไบเบิลของพวกศาสนาคริสต์เขา ที่อ้างอิงว่าเป็นคำพูด คำจา ของพระศาสดา อย่าง “พระเยซูคริสต์”ไปโน่นเลย เช่นที่ระบุไว้ว่า... “ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังมาไม่ถึง เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต้องต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้...เป็นเพียงขั้นแรกแห่งความทุกข์ ลำบาก ซึ่งจะต้องมีมาก่อนถึงยุคใหม่...”
เรียกว่า...อาจต้องลำบากกันถึงขั้น ต้องสวดมนต์ ภาวนา ต้องขอร้องวิงวอนต่อ “พระผู้เป็นเจ้า”หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอให้ตายโหง-ตายห่ากันโดยไว แทนที่จะต้อง “มีชีวิตอยู่”ภายใต้ความยากลำบากที่มีแต่จะหนักขึ้นๆเอาเลยถึงขั้นนั้น นี่ถ้ากันว่าคำพูด คำจา ตามเนื้อหา แนวคิด ในพระคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์เขา ส่วนศาสนาอื่นๆไม่ว่าอิสลาม ฮินดู หรือแม้แต่พุทธศาสนาของหมู่เฮา ก็คงไม่ถึงกับผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันซักเท่าไหร่ อย่างเช่นช่วงจังหวะที่เรียกว่า “สัตถันตรกัปป์”ในศาสนาพุทธ หรือในเรื่องเล่าที่ว่ากันว่า ออกมาจากพระโอษฐ์ของ “พระพุทธเจ้า”ด้วยพระองค์เอง คือกัปป์ที่ใครต่อใครต่างมี “อาวุธ”อันแหลมคม อยู่ในไม้ ในมือ ของตัวเองไปด้วยกันทั้งสิ้น แล้วงัดมาพร่าผลาญ สังหารกันและกันภายใน 7 วัน จนผู้ที่อยากอยู่รอดต้องหนีตายไปอยู่ในซอกเขา ในป่าดงพงชัฏ อะไรประมาณนั้น ก็น่าขนพอง สยองขวัญ น่าขนหัวลุกไม่น้อยไปกว่ากัน...
โดยเหตุที่ศาสนาต่างๆเขาต้องวาดภาพ วาดจินตนาการ เอาไว้ในแนวน่าหวาดหวั่น น่าสั่นประสาท ไปได้ถึงขั้นนี้ อาจเป็นเพราะ “พื้นฐานความเชื่อ”ที่คล้ายๆกันนั่นแหละว่า อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ย่อมต้องมีวันดับไป เสื่อมสลายและสูญสิ้นไปเป็นธรรมดา เหมือนกับการเกิดขึ้นของกลางวันและกลางคืน อะไรประมาณนั้น การสิ้นสุดของยุคหนึ่งๆและการมาถึงของยุคหนึ่งๆ จึงเป็นสิ่งที่ย่อมต้องเป็นไปตาม“วงรอบแห่งกาลเวลา” ดังนั้น...ภายใต้ความผันแปร ความหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเอาแน่-เอานอนอะไรแทบไม่ได้ จึงมีแต่ “ศาสนา”หรือมีแต่ “ธรรมะ”เท่านั้นนั่นแหละ ที่พอจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา หรือพอช่วยทุเลาเบาบางแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ลงไปได้มั่ง จริง-ไม่จริง...เชื่อ-ไม่เชื่อ ถ้าหากยังไม่ถึงกับต้องตายโหง ตายห่า ลงไปซะก่อน น่าจะเก็บไปนั่งคิด นอนคิด เอาไว้มั่ง ก็น่าที่จะ “เข้าท่า”กว่าการ “ไหลไปตามกระแส”อย่างชนิดไม่มีจุดหมาย ปลายทางใดๆเอาไว้เลย...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง
ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44
จาก...'ต้มยำกุ้ง' ถึง 'ต้มยำกบ'
ด้วยเหตุเพราะ ความคิดถึง อย่างสุดซึ้งถึงเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ อย่าง เพื่อนแป๊ะ (โดย แป๊ะ รายที่ว่านี้ออกไปทาง เทพบุตร หรือคนละคนกับ แป๊ะ ปิศาจ) ที่ห่างหายไม่ได้เจอะหน้า เจอะตา
ทิศทางใหม่ 'สีกากี'
การจัดทัพปรับทิศ "กรมปทุมวัน" ในยุค ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ กุมบังเหียน "แม่ทัพใหญ่สีกากี" น่าสนใจ น่าติดตาม