ยกระดับแก้ปม “ดูดเงินผ่านบัตร”

ปัญหาเรื่องการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของประชาชนกำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพที่สุ่มข้อมูลบัตร และนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ในต่างประเทศที่ไม่มีระบบให้ทำการยืนยันก่อนทำรายการ เช่น การใช้ One Time Password (OTP) โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ออกมาชี้แจงว่า ตั้งแต่วันที่ 1-17 ต.ค.2564 มีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติ จำนวน 10,700 ใบ คิดเป็นความเสียหายกว่า 130 ล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายที่เกิดกับบัตรเครดิต 5,900 ใบ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท และบัตรเดบิตอีก 4,800 ใบ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 30 ล้านบาท

โดยกระบวนการหรือกลโกงของแก๊งมิจฉาชีพเริ่มจากการที่มิจฉาชีพมีข้อมูลจากบัตรจริง และสร้างเลขบัตรเพิ่ม โดยการสุ่มเลขบัตรและวันหมดอายุ หลังจากนั้นมีการนำเลขบัตรที่สุ่มได้ไปลองซื้อสินค้ามูลค่าที่ไม่สูงจากร้านที่ไม่มีระบบความปลอดภัยที่ดี เช่น ไม่ใช้ OTP ในการยืนยันตัวตน โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ในต่างประเทศ โดยบางธุรกรรมมีการทำรายการสำเร็จ เพราะเลขที่สุ่มตรงกับเลขบัตรที่มีการใช้งานได้จริง จึงสามารถผ่าน “ตะแกรง (ระบบการตรวจจับ)” ไปได้ จนเกิดธุรกรรมขึ้นและเป็นที่มาของการตัดเงินบัตรที่ผิดปกติในขณะนี้

ทั้งนี้จึงมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติม 4 ข้อเพื่อป้องกันปัญหา ได้แก่ 1.ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันทีและแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง และการเปิดบัตรใหม่ สถาบันการเงินจะเว้นค่าธรรมเนียมในการออกบัตรใหม่ให้ รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ 2.เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการตั้งแต่รายการแรก ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ระบบโมบายแบงกิ้ง, อีเมล หรือเอสเอ็มเอส (SMS)

3.กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามที่กล่าวมา กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย และ 4.ธปท.และสมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น วีซ่า, มาสเตอร์การ์ด เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์

ล่าสุด “สมาคมธนาคารไทย” ได้ออกมายืนยันว่าขณะนี้ทุกธนาคารได้เร่งดำเนินการคืนเงินเข้าบัญชีลูกค้าเรียบร้อยแล้วในส่วนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากบัตรเดบิต ส่วนลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารได้ดำเนินการตั้งพักยอด และยกเลิกรายการ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ หากมีธุรกรรมผิดปกติเข้ามาในรูปแบบเดียวกันหลังวันที่ 17 ต.ค.2564 เมื่อได้รับแจ้งแล้วพบว่าลูกค้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำรายการ ธนาคารจะพิจารณาคืนเงินภายใน 5 วันทำการเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีธุรกรรมผิดปกติในรูปแบบอื่นๆ เช่น กรณีที่ลูกค้ายืนยันว่าไม่ได้ทำรายการ แต่ระบบธนาคารแสดงว่าเป็นธุรกรรมออนไลน์ที่มีการยืนยันตัวตนถูกต้อง ธนาคารจะตรวจสอบ หากลูกค้าไม่เกี่ยวข้องจะเร่งประสานผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรและร้านค้าปลายทางทำการคืนเงินโดยเร็ว

โดย ธปท.และสมาคมธนาคารไทยยืนยันว่า ระบบการชำระเงินออนไลน์ของธนาคารพาณิชย์มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่วนกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ “ไม่ได้เกิดการจากรั่วไหลของข้อมูลจากระบบธนาคาร” เพราะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
สำหรับประชาชนต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานบัตรทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมากขึ้น เพื่อป้องกันการรั่วไหลและการถูกล้วงข้อมูล รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้บัตรกับร้านค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ สุ่มเสี่ยง หรือไม่มีการยืนยันตัวตนด้วย OTP ตลอดจนจำกัดวงเงินรูดซื้อสินค้า และควรสมัครรับข้อมูลการเคลื่อนไหวของบัญชีผ่าน SMS หรือไลน์ ตรวจสอบรายการสม่ำเสมอ โดยหากพบสิ่งผิดปกติให้ติดต่อเบอร์หลังบัตรเพื่อตรวจสอบข้อมูลทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อสังหาฯไทยอาจซึมยาว?

สถานการณ์การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาจนกำลังซื้อหดหาย ภาวะการเงินที่ไม่ผ่อนปรนเหมือนกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ธนาคารระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น หลังจากหนี้เสียเริ่มลุกลามไปยังตลาดกลุ่มบน

จับตา“ส่งออกไทย”ท่ามกลางสงครามการค้า

“ภาคการส่งออก” ยังถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยในปี 2568 กระทรวงพาณิชย์ ยังคงตั้งเป้าหมายการส่งออกว่าจะขยายตัวได้ 2-3% หลังจากที่มูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568

ผุดสถาบันปั้นซอฟต์พาวเวอร์

ประเทศไทยถือว่ามีซอฟต์พาวเวอร์อยู่หลายแขนง ไม่ใช่เพียงแค่อาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้เองเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดค้นโซลูชัน วิธีการ

เปิดทีเด็ดความสำเร็จ

จากร้านขนมเล็กๆ ผลิตหลังร้านขายยาสู่แบรนด์ขนมไทยชั้นนำแบรนด์ “คุณเก๋ขนมหวาน” เริ่มต้นในปี 2540 และพลิกโอกาสครั้งสำคัญเมื่อได้ออกบูธในงาน Thaifex ปี 2549 จนนำไปสู่การวางจำหน่ายใน 7-Eleven เป็นครั้งแรกในปี 2551

ไทยทำรถไฟใช้เอง

หลังจากที่กระทรวงมีนโยบายผลักดันการขนส่งทางรางให้เป็นขนส่งหลักของประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งของประเทศถูกลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project)

ล้อมคอกซ้ำซาก

ซ้ำซากครั้งแล้วครั้งเล่าสำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนถนนพระราม 2 นับแต่เกิดเหตุโครงเหล็กพังถล่มลงมาด้านล่างพร้อมกับคานปูนขนาดใหญ่ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ราย และบาดเจ็บหลายราย เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2567 ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคานขวางระหว่างก่อสร้างถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย