วันที่ศรีลังกากลายเป็นรัฐ ‘ล้มละลายใกล้ล้มเหลว’

วิกฤตของศรีลังกาวันนี้มีบทเรียนสำหรับหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย

บทเรียนสำคัญที่สุดคือ อย่าได้นึกว่าประเทศที่เคยมีเศรษฐกิจเข้มแข็งจะไม่กลายเป็น “รัฐล้มเหลว” หากไม่ยึดมั่นในหลักแห่งความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน

อีกบทเรียนที่สำคัญคือ การเมืองเรื่องวงศ์ตระกูลนั้นเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายต่ออนาคตของบ้านเมืองยิ่งนัก สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ประท้วงชาวศรีลังกาปิดทางเข้าสำนักงานประธานาธิบดีเพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดี “โกตาบายา ราชปักษา” แสดงความรับผิดชอบต่อวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในขณะนี้ ด้วยการลาออกจากตำแหน่ง

ผู้ประท้วงหลายร้อยคนฝ่าสายฝนออกไปชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล เรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ และหลีกทางให้คนรุ่นใหม่ขึ้นบริหารประเทศ

ศรีลังกาเป็นประเทศในเอเชียใต้ มีประชากร 20 ล้านคน เป็นสังคมที่มีวัฒนธรรม ภาษา และชาติพันธุ์ที่หลากหลาย

ชาวสิงหลเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ชาวทมิฬซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยขนาดใหญ่ก็มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเกาะเช่นกัน

ชาติพันธุ์กลุ่มอื่นๆ ที่ปักหลักในประเทศมายาวนาน ได้แก่ ชาวมัวร์ ชาวเมือง ชาวมาเลย์ จีน และชาวเวดดา

ศรีลังกามีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการมีส่วนร่วมกับกลุ่มนานาชาติสมัยใหม่ โดยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ SAARC และเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ เครือจักรภพแห่งชาติ G77 และขบวนการที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตครั้งนี้ ศรีลังกาเป็นประเทศในเอเชียใต้ที่มีอันดับสูงสุดในดัชนีการพัฒนามนุษย์ และมีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับสองในเอเชียใต้ แต่วันนี้… ประเทศนี้เข้าใกล้เส้นล้มละลาย

วิกฤตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดการล่มสลายของสกุลเงิน เงินเฟ้อพุ่งพรวดพราด ตามมาด้วยวิกฤตด้านมนุษยธรรมอันเนื่องมาจากการขาดแคลนสิ่งของจำเป็นอย่างรุนแรง

นำไปสู่การปะทุของการประท้วงตามท้องถนน โดยประชาชนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีและรัฐบาลลาออกจากตำแหน่ง

ขวา-น้องชาย (โกตาบายา ราชปักษา) เป็นประธานาธิบดี และซ้าย-พี่ชาย (มหินทรา ราชปักษา) เป็นนายกรัฐมนตรี

ความไม่พอใจของผู้ประท้วงพุ่งเป้าไปที่ครอบครัวราชปักษา ซึ่งยึดทั้งตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี และตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลอีกมากมาย

ตระกูลนี้ปกครองศรีลังกาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ข้อวิพากษ์วิจารณ์หลักต่อผู้มีอำนาจที่ทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตจนชาวบ้านไม่มีน้ำ, ไม่มีไฟฟ้า, ตกงาน และราคาข้าวของแพงอย่างรุนแรงนั้น มาจากปัญหาหลักๆ เช่น

ทั้งประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา และนายกรัฐมนตรีมหินทรา ราชปักษา ต่างใช้นโยบายกู้ยืมเงินก้อนมหาศาลจากต่างชาติ

เป็นเงินกู้ที่เอาไปใช้ในโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก 

เป็นโครงการที่ถูกวิจารณ์มาระยะหนึ่งเพราะไปโยงกับเงินกู้จากจีน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ One Belt One Road ของจีน และเป็นที่มาของคำวิจารณ์ว่าจีนได้ทำให้ศรีลังกาเข้าสู่ “กับดักหนี้” หรือ Debt Trap

วันนี้ศรีลังกากำลัง “ใกล้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย” ด้วยหนี้ระหว่างประเทศราว 25,000 ล้านดอลลาร์ มีกำหนดชำระหนี้ภายในปีนี้เกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลศรีลังกาประกาศว่าจำเป็นต้องผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศทั้งหมด

แรกเริ่มรัฐบาลพยายามจะขอเงินกู้จากจีนและอินเดียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่มีเศรษฐกิจใหญ่กว่าตนมาก แต่เพราะความหนักหนาของปัญหา จึงต้องมองหาทางอื่นเพื่อบรรเทาวิกฤต ไม่ให้กลายเป็นสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้

ทางการศรีลังกามีกำหนดหารือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ในเดือนนี้

อีกส่วนหนึ่งก็ต้องกู้ยืมเงินฉุกเฉินจากจีนและอินเดีย

ไม่ใช่เพียงแต่คืนเงินกู้ แต่ยังต้องหาเงินมาซื้อหาอาหารและเชื้อเพลิงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอันแสนสาหัสของประชาชนด้วย

ภาพความรันทดของชาวศรีลังกามีให้เห็นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

เราเห็นภาพข่าวชาวศรีลังกาเข้าคิวยาวเพื่อรอซื้อเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม อาหารและยา ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้ามาจากต่างประเทศซึ่งแพงขึ้นอย่างรุนแรง

ซ้ำร้าย พอมีปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง รัฐบาลไม่มีทางเลือก ต้องตัดไฟฟ้าวันละหลายชั่วโมง เพิ่มความทุกข์ทรมานให้กับชาวบ้านทั่วประเทศอย่างรุนแรง

ตระกูล “ราชปักษา” คือที่มาของปัญหาทั้งหลายทั้งปวง

เป็นที่รู้กันว่าอิทธิพลบารมีทางการเมืองของตระกูลนี้เริ่มด้วยบทบาทของนายกรัฐมนตรี “มหินทรา ราชปักษา”  ตอนที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีศรีลังกา ช่วงปี 2009

เขาได้รับความชื่นชอบจากประชาชนขณะนั้นด้วยผลงานที่สามารถยุติสงครามกลางเมืองจากความขัดแย้งด้านชาติพันธุ์ที่ลากยาวมาถึง 25 ปี

แต่นั่นไม่ได้แปลว่าตระกูลนี้จะสามารถผูกขาดอำนาจการเมืองในทุกๆ ด้านอย่างยาวนานเช่นนี้

เพราะคนจากตระกูลนี้ได้ตำแหน่งแห่งหนในกระทรวงทบวงกรมมากมายโดยไม่ตระหนักถึงภาพลักษณ์และความรู้สึกของคนที่มองว่านี่เป็นการเมืองที่ส่งต่อจากสมาชิกคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งในครอบครัวอย่างไม่รับผิดชอบ

จุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือการที่ชาวศรีลังการู้สึกว่า เมื่อคนในตระกูลเดียวกันบริหารบ้านเมืองในเกือบทุกมิติ ก็ย่อมจะกระทบกับความเป็นอิสระในการบริหารประเทศ

พอเกิดวิกฤต แทนที่จะแสวงหาคนที่มีความรู้ความสามารถและมืออาชีพในแก้ปัญหา กลับยังรักษาฐานอำนาจของคนกลุ่มเดียวกันเอาไว้

ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ได้เสนอการจัดตั้ง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” เพื่อรับมือกับวิกฤตที่มีแต่เสื่อมทรามลง แต่พรรคฝ่ายค้านไม่เล่นด้วย

ต่อมารัฐมนตรีหลายคนยื่นใบลาออกพร้อมกัน ตามมาด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมรัฐบาลเกือบ 40 คนก็ประกาศลาออกเช่นกัน ทำให้รัฐบาลขาดเสียงข้างมากในสภา

แต่ผู้นำตระกูลนี้ก็ยังไม่ยอมยุบสภาให้ประชาชนตัดสินชะตากรรมของตน กลายเป็นรัฐล้มละลายในภาวะล้มเหลว เพราะการเมืองที่อำนาจกระจุกตัวและนโยบายที่ผิดพลาดจนประชาชนตกนรกเศรษฐกิจกันทั้งประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ