ผลของพฤหัสบดีจร ย้ายจากกุมภ์เข้ามีนต่อเมืองรัตนโกสินทร์

เมืองถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลือง+น้ำท่วม+โควิดจางๆไปและนักท่องเที่ยวกลับมา

พฤหัสบดีจร(5)ย้ายจากราศีกุมภ์เข้าไปเดินในราศีมีนเริ่ม8เมษายน2565-19 เมษายน 2566 (มีเดินผิดปกติ)

ตามที่ผู้เขียนได้ทำนายดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ ในบทความชื่อแม่หมอสมัครเล่นภาคพิเศษดวงเมือง 2565 นำเสนอไว้ตั้งแต่ 5 ธันวาคม 2564 ที่ค่อนข้างยาวเพราะแนวโน้มเรื่องใหญ่เกิดมากด้วยเป็นปีที่ดาวใหญ่ย้ายราศีหลายดวงนั้น

บัดนี้ถึงวาระที่พฤหัสบดีจร(5)หัวหน้าดาวดี-หัวหน้าเทวดาคุ้มครองชะตาเมืองที่ประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมาช่วยคานเรื่องร้ายกาจมากที่อุบัติในเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งโควิด19กลายพันธุ์ตามด้วยสงครามรัสเซียยูเครนที่ยังกดดันหนักในขณะนี้จะย้ายราศีจากราศีกุมภ์(ภพสิบเอ็ด-โชคลาภความสำเร็จของเมือง)เข้าไปเดินในราศีมีน(ภพสิบสอง-วินาสน์ดวงเมือง)เริ่มตั้งแต่ 8 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

และพฤหัสบดีจะอยู่ที่ราศีมีนไปจนถึงประมาณ 19 เมษายน 2566 หรือประมาณหนึ่งปี(มีเดินผิดปกติในราศีมีน)นั้น

ในบรรดาเรื่องดี-ร้ายที่สามารถเกิดในเมืองได้ตลอดเวลาเพราะยังมีอิทธิพลของดาวหลายดวงที่ทำมุมกับดวงชะตาเมือง ผู้เขียนจึงขอสะกัดเฉพาะผลของพฤหัสบดีจร(5) ที่จะมีต่อเมืองในหนึ่งปีต่อจากนี้นำเสนอดังต่อไปนี้

1.เมืองเข้าสู่สภาวะอึดอัดถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลืองให้ต้องระวังตัวแจเหมือนถูกจำกัดเสรีภาพ(พฤหัสบดีจรหัวหน้าเทวดาประจำเมืองเข้ามุมอับ คุ้มครองดวงชะตาได้น้อย)

ที่เห็นชัดและหนักหน่วงคือศัตรูใหญ่รบกันคือรัสเซีย-กับยูเครน โลกแบ่งเป็นสองข้างที่ต่างหาพวก(ผลจากพระเสาร์จร7เข้าเดินในภพที่สิบของโลก-เมือง…ให้เกรงไฟศัตรูใหญ่จะทำณรงค์)แทบจะไม่เหลือที่กลางๆให้ยืน ทำให้ไทยเคร่งครัดในจุดยืนมาก

ภาพดวงเมืองรัตนโกสินทร์

วิธีการพาเมือง(ตัว)ให้รอดให้สถานการณ์นี้และที่จะเกิดต่อไป ในตำราโหราศาสตร์ปริทรรศน์ของอ.เทพย์ สาริกบุตรภาคสอง ครหวินิจฉัย แนะนำให้เมือง(รวมทั้งคนที่ลัคนาสถิตราศีเมษ)เอาตัวรอด เพื่อพลิกจากผลร้ายกลายเป็นดีสั้นๆว่า “จะได้ผลดีจากการทำงานโดยมีนโยบายหรือวิธีการลึกลับ ปกปิด (แล้วจึงจะ)มีผลดี ชัยชนะต่อศัตรู” รวมทั้งเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆได้

ท่านมารัฐไทยพยายามตีการเชียงระหว่างการรบกันของศัตรูใหญ่คือร่วมกับสหประชาชาติลงมติให้รัสเซียถอนทหารจากยูเครน แต่ไม่ร่วมประณาม เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565

ครั้นวันที่ 7 เมษายน 2565ไทยงดออกเสียงกรณีสหประชาชาติถอดถอนรัสเซียออกจากการเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษชน

ผลของการมีจุดยืนดังกล่าวมีข่าวจากทางรัสเซียว่าเครื่องบินของไทยจะอยู่ในกลุ่มประเทศได้บินผ่านน่านฟ้ารัสเซียโดยไม่ต้องอ้อมไกลโดยจะเริ่ม 9 เมษายน 2565 เป็นต้นไปส่งผลให้ได้เปรียบในการแข่งขันเน้นไปที่การบินไทยที่กำลังพยายามลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากทรุดหนักเพราะการโกงหนักในอดีต

จากสถานการณ์นี้ไทยจะยังคงเจอกับสภาวะท้าทายทางการเมืองระหว่างประเทศอีกหลายรอบ โดยเฉพาะความหนักหน่วงจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไปเมื่อโลกจะเดินหน้าเข้าสู่เจ็ดปีของมหาสงครามทางเศรษฐกิจ

2.เป็นระยะที่น้ำมาก(กว่าปีที่แล้ว) และน้ำท่วมใหญ่วงกว้าง-มีสภาวะคับขันทางน้ำช่วงปลายปี

ปี 2565 นี้น้ำจะมากและจะท่วมในวงกว้างจัดเป็นปีแห่งน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง โดยคราวนี้กรุงเทพ-ปริมณทลคงหนีไม่พ้น แถมอาจจะมีการท่วมแบบแปลกๆ-คาดไม่ถึง

นอกจากร่องมรสุมตามฤดูกาลที่จะนำฝนมาเทกระหน่ำหนักตั้งแต่ต้นกรกฎาคมแล้วเมืองยังจะได้รับอิทธิพลพายุประมาณสี่ลูก

ช่วงเวลาที่จะเกิดภัยทางน้ำรุนแรงมากที่ต้องเตรียมตัวรับมือกันให้ดีนอกเหนือจากการรับมือภัยภิบัติประจำคือช่วงระหว่ากลางเดือนพฤศจิกายน-ประมาณสิ้นปี2565

3.แม้น้ำจะมากแต่ฟืน-ไฟ-แก๊ส-ควัน-ระเบิดยังจะแรงแปลกๆตลอดปี และต้องระวังเพิ่มเป็นสองเท่าตั้งแต่หลังวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2565เป็นต้นไป

4.โอกาสแผ่นดินไหวพอได้ตื่นเต้นยังรอเกิด เพิ่มเติมจากที่เกิดถี่มากที่อุตรดิตถ์ประมาณ5เมษายนที่ผ่านมา

5.เพื่อนๆของเมือง-นักท่องเที่ยวเข้าประเทศระยะแรกจะได้ครึ่งหนึ่งก่อน หลังจากนั้นจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ เน้นไปที่เมืองที่เป็นเกาะ-ชายทะเล-ใกล้ๆน้ำ เป็นหนึ่งในหลักเพื่อให้เศรษฐกิจเมืองค่อยๆโงหัวได้

6.แม้เมืองจะยังต้องใช้จ่ายเพื่อสุขภาพอนามัยอยู่แต่เป็นระยะที่โควิด19จะกลายเป็นโรคสามัญประจำโลกและเมือง

ส่วนยา-วัคซีนพร้อม ระดับความร้ายแรงของโรคลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เป็นช่วงแรกๆ

7.มีโอกาสสูญเสียบุคคลสำคัญมากทางการเมือง จับตาสองช่วงคือ

17 กันยายน-18 ตุลาคม(พระอาทิตย์จร1เข้าภพอริ)และ

และเน้นไปที่ 17 พฤศจิกายน-16 ธันวาคม 2565(พระอาทิตย์จร1เข้าภพมรณะดวงเมือง)

8.เพิ่มโอกาสได้ยุบสภาสูงขึ้นกว่าเดิมจากที่เป็นมาตั้งแต่ 29 มีนาคม 2565(พระราหูจรทับลัคนาเมือง)

โดยรอบแรกรอดูภายใน 22 พฤษภาคม 2565 ก่อน ซึ่งถ้ารอดช่วงนี้ได้ถือว่าปาฎิหาริย์ แล้วหลังจากนั้นก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆตลอดปี

จับตาลีลาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่ดวงชะตาเริ่มฟื้นตั้งแต่ 8 เมษายน 2565เป็นต้นไป (ชะตาฟื้นไม่ใช่จะไม่เปลี่ยนแปลง)และยังมีโอกาสเกิดการสั่นสะเทือนเกี่ยวกับพี่น้อง-คนรักกันเหมือนพี่น้องได้เป็นระยะๆราวกับแผ่นดินไหวในชีวิต

9.เป็นหนึ่งปีที่อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันในวงการสงฆ์-การศึกษา-มหาวิทยาลัย-ปราชญ์ หรือผู้รู้ตุลาการหรือวงการสาธารณสุข

จึงเมื่อประมวลผลออกมาแล้ว สรุปย้ำเหมือนเดิมว่าได้ว่า ไม่ว่าเมืองจะถูกบีบแค่ไหน-การเมืองจะสั่นไหวเพียงใด แต่เมืองเข้าสู่โหมดเริ่มโงหัวขึ้นทางเศรษฐกิจตั้งแต่ 29 มีนาคม 2565ไปอีก 18 เดือน

ซึ่งทางโหรช่างสอดคล้องกับมุมมองของมูดี้ส์ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่7เมษายน 2565 ที่ไม่ว่าจะเจอมาหนักแค่ไหนก็คงความน่าเชื่อถือไทยในระดับมีเสถียรภาพ และคาดว่าอีกสอง-สามปีข้างหน้าเศรษฐกิจจะะโตขึ้นมากเมื่อโควิดคลี่คลายและนักท่องเที่ยวกลับมา

โดยทางโหรเราจะได้เห็นกันจะๆกว่านี้ราวมีนาคม 2566 เป็นต้นไป.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง

ปรับฮวงจุ้ยหรือ?

ไม่รู้จะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยหรือกลัวฟ้า กลัวฝน กลัวไฟจะชอร์ตกันแน่ เพราะตั้งแต่ ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่

หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว

สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ