เรื่องที่ผู้นำหมีขาวรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ท่านเคยมีโอกาสแลกเปลี่ยน สนทนา กับ ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของบ้านเรา ในเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง หรือไม่? อย่างไร? เท่าที่สำรวจโดยทั่วๆ ไป ก็ดูจะยังไม่ถึงกับมีข้อพิสูจน์ หลักฐาน ยืนยันให้เป็นเรื่อง เป็นราว ให้ถนัดชัดเจนว่าเป็นไปตามนั้นมาก-น้อยเพียงไหน...
----------------------------------------------
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ด้วยการหันมาปรับตัว ปรับสภาพ ของประเทศรัสเซีย ให้ออกไปในแนวแบบเดียวกับ เศรษฐกิจพอเพียง ของ ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง คือหันมาผลิตข้าว-ปลา-อาหาร แบบจริงๆ จังๆ ไม่ได้หลงละเมอเพ้อพกอยู่กับสินค้าส่งออกที่ทำรายได้เข้าพก-เข้าห่อ อย่างเฉพาะแก๊ส ถ่านหิน หรือน้ำมัน กันเป็นหลัก จนกลายเป็นประเทศที่สามารถส่งออกสินค้าอาหารระดับต้นๆ ของโลกเอาเลยก็ว่าได้
อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะกลายเป็น ตัวช่วย ที่สำคัญเอามากๆ ในการทำให้ประเทศรัสเซียทุกวันนี้ สามารถยืนต้านกระแสทวน โต้กระแส แซงก์ชั่น ของโลกตะวันตกได้อย่างชนิดถึงไหนก็ถึงกัน...
------------------------------------------------
คือในขณะที่ราคาข้าว-ปลา-อาหารในอเมริกาและยุโรป...นับวันมีแต่ เฟ้อ..กับ...เฟ้อ พุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา จนบรรดาฝรั่งยุโรป ฝรั่งอเมริกา มีแต่ ตาย...กับ...ตาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง แต่สำหรับชาวหมีขาวรัสเซียแล้ว น่าจะยังพอ อยู่ๆ กันไปได้ ด้วยเหตุเพราะการหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตข้าว-ปลา-อาหาร อย่างจริงๆ จังๆ อย่างเป็นระบบเป็นกิจการมาตั้งแต่แรกนั่นเอง ไม่ต่างไปจากประเทศ หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ของรัสเซียเขา คือประเทศ เล้ง...อยู่สะพานขาวแค่นี้เอง หรือประเทศคุณพี่จีน ที่ได้หันมาเน้น หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า ความพอเพียง อย่างเอาจริง-เอาจังมิใช่น้อย ดังที่ปรากฏอยู่ใน หลักการสี่ถ้วนทั่ว หรือ Four Comprehensives อันถือเป็นคำชี้แนะ ชี้นำ จากผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ อย่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง โดยตรง...
--------------------------------------------
นั่นก็คือความเพียรพยายามที่จะหาทางทำให้ประเทศจีน สังคมจีน เติบโตและพัฒนาไปในแนว พอเพียง หรือ Moderately Prosperous Society ไม่ได้คิดจะ ทุนนิยม แบบสุดเหวี่ยง คิดรวยเช็ด รวยไม่เสร็จเพียงลูกเดียวล้วนๆ แม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จะเป็นไปในแบบ มหัศจรรย์ มานับเป็นทศวรรษๆ ก็ตาม ความพยายามเกลี่ยและเฉลี่ยการเติบโตให้เป็นไปโดยทั่วด้าน ไม่ว่าในเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือเขตเศรษฐกิจที่ยังคงต้องอยู่หลังเขา แถบภาคตะวันออกของประเทศ พร้อมๆ กับการยกระดับ คนจน ตามเส้นมาตรฐานของสหประชาชาติ ให้พ้นไปจากความจนได้นับเป็นร้อยๆ ล้าน ภายในชั่วอายุคนเท่านั้นเอง แม้ว่าตัวเลขความมั่งคั่ง ร่ำรวย ของประเทศ หรือตัวเลขจีดีพีจะลดๆ ลงมามั่ง แต่ก็ถือเป็น นิวโลว์ หรือเป็น ความปกติแบบใหม่ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายแห่งความเป็น สังคมพอเพียง ตามหลักการสี่ถ้วนทั่วนั่นเอง...
---------------------------------------------
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ด้วย ความพอเพียง นั่นเอง ที่ทำให้ทั้งประเทศจีนและประเทศรัสเซีย เป็นอะไรที่แข็งโป๊ก เป็นป้อมปราการที่แทบตีไม่แตกเอาง่ายๆ ไม่ว่าจะเจอกับ สงครามการค้า ของอดีตผู้นำอเมริกันอย่าง ทรัมป์บ้า มาตลอดถึง 4 ปีเต็มๆ แต่ภายใต้ตัวเลขการ ขาดดุลการค้า ของอเมริกาที่มีแต่เพิ่มขึ้นๆ แม้ว่าจะไล่เหยียบ ไล่กระทืบพญามังกรจีนไปถึงขั้นไหน ย่อมสะท้อนให้เห็นถึง ความแข็งแกร่ง ของสังคมจีน และสะท้อนให้เห็นถึง ความล้มเหลว ของสังคมอเมริกันได้เป็นอย่างดี ไม่ต่างไปจากการยืนโต้กระแสทวน ต้านกระแสการแซงก์ชั่น ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก หรือการเปิดฉาก สงครามเศรษฐกิจ ต่อรัสเซียนั่นเอง ที่ไปๆ-มาๆ ก็ยัง กินรัสเซียไม่ลง จนตราบเท่าทุกวันนี้...
--------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...สิ่งที่เรียกๆ กันว่า ความพอเพียง หรือ เศรษฐกิจพอเพียง ที่ ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของหมู่เฮา ได้ทรงย้ำแล้วย้ำอีก ต่อบรรดา ทวยไทย ทั้งหลาย ขณะยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ นับเป็นทศวรรษๆ หรือเกือบ 3 ทศวรรษเห็นจะได้ จึงเป็นอะไรที่ออกจะมีฤทธิ์ มีเดช เอามากๆ เผลอๆ...อาจสำคัญซะยิ่งกว่าการเอาแต่มั่วไป-มั่วมา ในเรื่องประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตย ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า เพียงแต่ว่า...ด้วยเหตุเพราะความเป็น องค์พระประมุขของชาติ ตามแบบฉบับไทยๆ ที่ย่อมผิดแผก แตกต่าง ไปจากความเป็นประธานาธิบดี หรือความเป็นผู้นำประเทศแบบจีนและรัสเซีย อยู่แล้วแน่ๆ การนำเอาสิ่งที่เรียกว่า ความพอเพียง หรือ เศรษฐกิจพอเพียง มาสู่ภาคปฏิบัติ มันจึงขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ความยินยอมพร้อมใจ ของผู้ที่ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อสิ่งเหล่านี้ มากกว่าที่จะชี้แนะ ชี้นำ หรือบังคับกันโดยตรง...
--------------------------------------------------
และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...เลยทำให้สิ่งที่เรียกว่า ความพอเพียง หรือ เศรษฐกิจพอเพียง ในบ้านเรา ยังไม่ถึงกับไปไหน หรือยังคงต้องวนมา-วนไป อยู่กับบรรดาผู้ปฏิบัติ หรือผู้ที่มีอำนาจ หน้าที่และความรับผิดชอบ ในแต่ละรัฐบาลนั่นเอง บางรัฐบาลอาจกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นเสือตัวที่ 4 ตัวที่ 5 อะไรไปโน่น บางรัฐบาลอาจอยากจะเป็น สังคม 4.0 ขณะที่การเมืองยังคง 0.4 อยู่เหมือนเดิม อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงมั่วไป-มั่วมา ไม่ได้เกิดการยกระดับ พัฒนา ไปสู่ความแข็งแกร่ง แข็งแรง อย่างเท่าที่ควรจะเป็น ยิ่งหันมามั่วในเรื่อง เผด็จการ หรือ ประชาธิปไตย ซะเป็นหลัก โดยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนก็แล้วแต่ ต่างมีอันต้อง เสร็จทุน ไปด้วยกันทั้งสิ้น เลยออกจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายและน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับจีนและรัสเซีย ที่นับวันยิ่งมาแรง แซงโค้ง ยิ่งเข้าไปทุกที...
--------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Francis Bacon...“The virtue of prosperity is temperance; the virtue od adversity is fortitude.- คุณสมบัติของความมั่งคั่งอยู่ที่ความพอเพียง คุณสมบัติแห่งความทุกข์ยากอยู่ที่ความเข้มแข็ง”.
-------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น