บันทึกหน้า 4

....สำหรับกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐคนใหม่อย่าง พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ พบว่าพื้นเพเป็นคนจังหวัดราชบุรี จบโรงเรียนเตรียมทหาร กรมยุทธศึกษาทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุดเมื่อปี 2524-จบหลักสูตรชั้นนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 78 โรงเรียนทหารราบ ศูนย์ฝึกทหารราบ ปี 2532 เป็นต้น ส่วนประวัติรับราชการทหารสำคัญๆ เช่น ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกำลังพล กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์-ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์-หัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์-ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก–ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจํารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สมัยพลเอกประวิตร เป็น รมว.กลาโหม นอกจากนี้ พล.อ.กฤษณ์โยธิน มีชื่ออยู่ใน “คณะอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด” ที่มีพลเอกประวิตร เป็นประธานมูลนิธิกรรมการ ...จับสัญญาณการเมืองดู เห็นได้ชัดว่า พลเอกประวิตรจะเดินหน้านำพาพลังประชารัฐ สู้ทางการเมืองและสู้ศึกเลือกตั้งต่อไป ไม่มีถอดใจ หรือจะแยกวงออกไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทยที่มีน้องรัก พลเอกวิชญ์ เทพหัสดินฯ เป็นหัวหน้าพรรค อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันไปต่างๆ

...แต่ที่ไปก่อนแล้วไม่รอใครก็คนนี้ เสี่ยตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่มีกระแสข่าวว่า จะเป็น หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แรมโบ้-เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ไปปักหมุดรอทำพรรคไว้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีบิ๊กเนมไปอยู่ด้วย เพราะยังรอสัญญาณการเลือกตั้ง ล่าสุดพีระพันธุ์ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนให้เจ้าหน้าที่จะไปยื่นให้กับทางพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงจะไปยื่นกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้งด้วย

.....โดย “พีระพันธุ์” บอกเหตุผลในการออกจากพลังประชารัฐและเส้นทางการเมืองต่อจากนี้ไว้ว่า “การตัดสินใจลาออกครั้งนี้ ยังไม่ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร แต่เป็นไปตามที่ผมเคยกล่าวไว้ตั้งแต่การเข้ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐว่า จะเข้ามาเพื่อทำโครงสร้างพรรคให้เกิดความเข้มแข็ง และขณะนี้ได้จัดทำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงหมดหน้าที่และได้ตัดสินใจลาออก หลังจากนี้จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียวไปก่อน ยังไม่ตัดสินใจไปสมัครหรือเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติตามที่สื่อมวลชนวิเคราะห์ เหมือนเช่นตอนที่ตัดสินใจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ก็ถูกมองว่าเป็นการสั่งการหรือมอบหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเข้ามามีบทบาทเป็นสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งไม่เป็นความจริง”...ส่วนอนาคตการเมืองของพีระพันธุ์หลังจากนี้ จะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม ที่แน่ๆ ยังเล่นการเมืองต่อ ยังไม่วางมือชัวร์.....

..ปิดท้ายที่สถานการณ์โควิดในไทยยังน่าห่วง โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 26,840 ราย ติดเชื้อในประเทศ 26,777 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 26,491 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 286 ราย มาจากเรือนจำ 23 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 40 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 3,711,595 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 23,412ราย​ ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน  3,427,054 ราย อยู่ระหว่างรักษา 259,126 ราย อาการหนัก 1,838 ราย ส่วนยอดฉีดวัคซีนวันที่ 2 เม.ย. 176,452 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 130,054,244 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 491,027,644 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 6,174,339 ราย สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดได้แก่ กทม. 3,095 ราย ชลบุรี 1,300 ราย นครศรีธรรมราช 965 ราย สมุทรปราการ 922 ราย สมุทรสาคร 893 ราย ขอนแก่น 804 ราย ระยอง 783 ราย นครปฐม 742 ราย นนทบุรี 712 ราย.

หินกลิ้ง