ด้วยเหตุเพราะไม่ได้เรียนเตรียมอุดมฯ
ไม่ได้เรียนจุฬาฯแค่ผ่านๆ ไปแถวๆ เทเวศร์ศึกษา ผดุงศิษย์พิทยาคาร
แล้วไปต่อรามคำแหง แต่ดันไม่จบ
ก็เลยไม่ค่อยอยากจะไปยุ่งเกี่ยว ยุ่งขิง กับเรื่อง พระเกี้ยว หรือ สัญลักษณ์ตราพระเกี้ยว ของพวกซับใน (ประทานโทษ) น้ำใจน้องพี่สีชมพู เขาซักเท่าไหร่นัก...
แต่ก็นั่นแหละ...เรื่องนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้วมันคงไม่อาจถือเป็นเรื่อง ภายใน ของมหาวิทยาลัย ของสถาบันการศึกษาดังกล่าวล้วนๆ เพราะการที่นายกสโมสรฯ จุฬาฯ อย่างคุณน้อง กาเหว่า เนติวิทย์ ท่านประกาศยกเลิกพิธีกรรมเก่าๆ แก่ๆ อย่างพิธีอัญเชิญพระเกี้ยว ที่แทบไม่น่าจะหนักกบาลใครต่อใครเอาเลยแม้แต่นิด อาจแค่หนักบ่า หนักไหล่ ของผู้แบก ผู้หามเสลี่ยง อยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ ท่านคงหวังจะให้เกิดแรงกระเพื่อม เกิดผลสะเทือน แผ่ซ่านออกไปนอกรั้ว นอกมหา'ลัยของท่านนั่นแหละเป็นหลัก ยิ่งถ้าหากสะเทือนไปถึงเบื้องสูง ไปถึงมาตรา 112 อะไรประมาณนั้น ยิ่งน่าจะดีไปใหญ่...
อันนี้...อาจถือเป็นความ ฉลาด ของบรรดาหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลายในยุคนี้ สมัยนี้ โดยเฉพาะในแง่ของการยั่วยวนกวนส้นตีน ที่สามารถทำได้นิ่ม ทำได้เนียน และทำได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง เป็นระบบและกิจการซะเหลือเกิน คือสามารถทำให้บรรดาผู้ใหญ่ ไม่ว่าแวดวงไหนๆ ออกอาการปวดเศียร เวียนเกล้า ยิ่งกว่าดาวร้ายหนังไทยยุค มิตร-เพชรา ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะยุคนั้น...อย่างมาก แค่คุณน้า ทักษิณ แจ่มผล หรือคุณปู่ ประจวบ ฤกษ์ยามดี ใช้วิธีแบบเรียบๆ-ง่ายๆ คือไปนั่งแกว่งตีนอยู่แถวๆ หัวสะพาน รอคอยพระเอกที่ผ่านไป-ผ่านมา พร้อมกับครวญครางบทเพลง อยากจะชิมส้นตีนนัก...อยากจะชิมส้นตีนนัก เท่านั้นเอง ไม่ว่าพระเอก พระรอง ก็อาจถึงขั้น ตบะแตก ต้องโจนเข้าเตะ เข้าต่อย กันชนิดตกน้ำ ตกท่า ไม่ก็บ้านพังกันไปเป็นหลังๆ เป็นแถบๆ...
แต่สำหรับ เด็กยุคนี้ ท่านออกจะ เล่นเป็น เผลอๆ เล่นไม่เลิก ซะอีกด้วยต่างหาก รู้จุด รู้จังหวะ รู้อุปนิสัย ใจคอ รู้วาสนาและสัญชาตญาณ ของบรรดาผู้ใหญ่ หรือคนรุ่นเก่าทั้งหลาย ว่าจะจี้จุดไหน จับจุดไหน ถึงจะ ตบะแตก และถ้าหากถึงขั้นต้องลงมือ ลงตีน ต้องลงมาต่อยกับเด็ก เตะกับเด็ก อันนั้น...ก็อาจต้องเสียผู้ใหญ่ หรือเสียความเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ อันเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีราคา มิใช่น้อย สำหรับสังคมไทย ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่บรรดา คฝ. หรือบรรดาตำรวจควบคุมฝูงชนทั้งหลายท่านจึงต้องถูกสั่งแล้ว สั่งอีก ในการบริหารจัดการกับ ม็อบดินแดง หรือ ม็อบทะลุฟ้า-ทะลุแก๊ส ว่าจะนอตหลุด นอตหลวม มิได้เป็นเด็ดขาด ต้องจากเบาไปหาหนัก ต้องเป็นไปตามหลักสากล แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังแทบเอาไม่อยู่ จนตราบเท่าทุกวันนี้ แถมๆ เผลอๆ ยังถูกยิง ต้องนอนพะงาบๆ อยู่ในโรงพยาบาลไปซะอีก..
แต่ในกรณีตราพระเกี้ยว หรือสัญลักษณ์ตราพระเกี้ยวนั้น แทบไม่ต้องเสียเวลาใช้ประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง หรือกระสุนปริศนา ฯลฯ ใดๆ เอาเลยแม้แต่นิด แค่อาศัยเด็กๆ ไม่กี่สิบคน หรือประมาณกว่า 20 คนเห็นจะได้ สุมหัว รวมตัว แล้วออกประกาศเลิกจัด เลิกพิธีกรรมดังกล่าว แต่เพียงเท่านั้น ก็เล่นเอาบรรดา ผฝ. หรือผู้ใหญ่ควบคุมฝูงชนทั้งหลาย แทบนั่งไม่ติด ต้องดาหน้าออกมาไล่ฟัด ไล่งับ งัดเอากระสุนยาง กระสุนจริง รถฉีดน้ำ ออกมาไล่ฉีดกันชนิดจ้าละหวั่น เพราะอย่างว่านั่นแหละ ว่าโดยแรงกระเพื่อม โดยผลกระทบ มันคงไม่ได้เป็นแค่เรื่อง ภายใน ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้เท่านั้น แต่มันยังกระแทก กระเทือน ไปถึงสิ่งอันเป็นที่เคารพ เทิดทูน และศรัทธา ของผู้คนในวงกว้าง หรือสิ่งที่เคยเป็นเสาหลัก เสาค้ำ สังคมไทยทั้งสังคมเอาเลยก็ว่าได้...
การไล่เตะ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ ของบรรดา ผฝ. หรือของบรรดาผู้ใหญ่ควบคุมฝูงชนรายต่างๆ จึงคงต้องอาศัยความประณีตและความละเอียดอ่อนอยู่พอสมควร จะไปเล่นกันแบบบ้านพังไปเป็นแถบๆ เตะๆ ต่อยๆ กันชนิดตกน้ำ ตกท่า คงไม่น่าจะถึงกับเข้าท่ากันซักเท่าไหร่นัก คือคงต้องอาศัยเหตุ อาศัยผล และอาศัย ความคิด นั่นแหละเป็นหลักใหญ่ ในการรับมือกับทัศนคติ พฤติกรรม อุปนิสัย ใจคอ ที่ออกจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้โดยชัดเจนของพวกเด็กๆ เขา อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ และโดยเฉพาะ เทคโนโลยี ทั้งหลาย หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่จะไปสรุปกันเอาเอง...
แต่ที่แน่ๆ...ก็คือบรรดาสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้ มันได้กลายเป็นตัวหล่อหลอม เป็นตัวผลิต ให้เกิดบรรดาเด็กๆ ที่ ฉลาด แต่ ไร้คุณธรรม หรือ กล้า-บ้าบิ่น แต่ ไร้ความกตัญญูกตเวที หรือ โตเร็ว-โตไว แต่ ไร้ราก ฯลฯ ประกอบกับด้วยเหตุที่สังคมไทยทุกวันนี้ ยังเต็มไปด้วย กองฟืนแห้งๆ ที่ถูกวางสุมเอาไว้โดยรอบ ไม่ว่าโดยฝีมือของ ระบบราชการ โดยภาวะแห่ง ความเหลื่อมล้ำ หรือโดย ความห่วยแตก ของรัฐบาล ของพวกนักการเมือง พรรคการเมือง ฯลฯ ก็แล้วแต่ การอาศัย ไม้ขีด แค่ไม่กี่ก้าน และอาศัยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเด็กๆ เหล่านี้ มันจึงอาจ...เต๊เหร่ง-เตร่งต๋อย-ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ขึ้นมาได้ง่ายๆ!!! ดังนั้น...สิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนาและต้องการสำหรับสังคมไทยทุกวันนี้ ก็คือการตระเตรียม น้ำ เอาไว้เพื่อการ ดับไฟ นั่นเอง น้ำ ที่ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเคยมีพระราชดำริ ทรงเคยคิดฝัน ว่าอยากจะเห็น โรงเรียนคุณธรรม แผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะโดย ตราสัญลักษณ์ ใดๆ ก็ตามที...
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Plato (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)... “Virtue does not spring from riches, and all other human blessings, both private and public, from virtue. – คุณธรรมมิได้เกิดจากทรัพย์ศฤงคารและการประทานพรใดๆ คุณงาม-ความดีของมวลมนุษย์ทุกประการ ไม่ว่าจะโดยส่วนรวมหรือส่วนตัว มีกำเนิดมาจาก...คุณธรรม”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น