ว่าด้วย'ค่ามาตรฐาน'แห่งการเปลี่ยนแปลง

วัย หรือ อายุ-อานาม ...มันคงมีส่วนทำให้ การรับรู้ ในสิ่งต่างๆ มีสิทธิผิดแผก แตกต่าง ไปจากเดิมๆ อยู่มั่งไม่มาก-ก็น้อย

ด้วยเหตุเพราะ เครื่องมือแห่งการรับรู้ หรือที่เรียกๆ กันในภาษาพระว่า อายตนะ ทั้งหลาย

ไม่ว่าหู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ย่อมหนีไม่พ้นต้องเสื่อมโทรม ทรุดโทรม ลงไปตามสภาพ กระบวนการรับรู้ต่อสิ่งต่างๆ ที่มันไหลเข้ามาสู่ประสาทสัมผัสในแต่ละประเภท มันเลยน่าจะไม่เหมือนเดิม หรืออาจต้อง เพี้ยนๆ ไปบ้างเป็นธรรมดา...

แม้แต่การ ดูหนัง-ฟังเพลง ที่ถ้าเป็นยุคก่อนๆ หรือยุคที่ยังคง หูดี ไม่ได้ถึงกับ หูลี่ เหมือนช่วงเฒ่าชะแรแก่ชราในทุกวันนี้ เมื่อไหร่ที่เสียงเบส เสียงกลอง เสียงลีดกีตาร์อันสุดแสนจะแหลมคมปานใบมีดโกน ดังกระหึ่มพร้อมกับการโหยหวน ครวญครางของนักร้อง-นักดนตรีที่เรียกๆ ว่าพวก เฮฟวีเมทัล ทั้งหลาย ไม่ว่าบทเพลงประเภท สโมก ออน เดอะ วอเตอร์ หรือ ไฮเวย์ สตาร์ ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ประสาทการรับรู้ทางหูมันจะทำหน้าที่ วิ่งแจ้นไปกระตุ้นประสาทแข้ง ประสาทขา ให้ต้องขยับไป-ขยับมา ด้วยอารมณ์-ความรู้สึกแห่งความ เมามันซ์ซ์ซ์ ชนิดพร้อมที่จะโดดออกไปเต้นย็อกๆ แย็กๆ คล้ายๆ ประเภทกิ้งก่า หรือจิ้งเหลน โดนน้ำร้อนลวก อะไรประมาณนั้น...

แต่มาถึงทุกวันนี้...เมื่อไหร่ที่ดันต้องเจอกับเสียงบึ้มๆ วี้ดๆ เสียงกรีดร้องปานประดุจ เปรต กำลังขอส่วนบุญ ของบรรดาพวกนักร้องขาร็อกทั้งหลาย ถ้าแม้นไม่อาจ ลุกหนี ก็อาจต้องขออนุญาต หรี่เสียง ให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ไม่งั้นโอกาสประสาทแ-ก ประสาทรับประทาน ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ตรงกันข้าม...กับบรรดาบทเพลงประเภทที่เคยออกไปทาง เชยซ์ซ์ซ์แสนเชยซ์ซ์ซ์ สำหรับช่วงวัยหนุ่มๆ ประเภทแพตบง แพตบูน หลุยส์ อาร์มสตรอง แนต คิง โคล ฯลฯ ทำนองนั้น กลับเป็นอะไรที่ รื่นหู ฟังแล้วสบายใจ สบายอารมณ์ขึ้นมาโดยทันที แม้แต่ประเภท แมลงวันบินเข้าปาก หรือบทเพลงไทยเดิม ประมาณว่า บรรยายความ-ตามไท้-เอ้อ-เอิ่ง-เอย-เสด็จ-เอ้อ-เอ่อ-ยาตร ฯลฯ กลับก่อให้เกิดจินตนาการอันไหลลื่น ไม่ได้สะดุดหยุดชะงักเอาเลยแม้แต่น้อย...

ส่วน หนัง หรือ ภาพยนตร์ ก็ไม่ได้ต่างไปจากกันนั่นแหละทั่น บรรดาหนังที่ต้องลงท้ายด้วยโศกนาฏกรรม ความรุนแรง ความเจ็บปวดรวดร้าว ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรประมาณนั้น ชักกลายเป็น ของแสลง สำหรับคนแก่ คนชรา ขึ้นมาดื้อๆ!!! จนหลังๆ มานี้...สิ่งที่ พอรับได้-พอดูได้ กลับกลายเป็นประเภท หนังสารคดี ซะเป็นหลัก หรือกระทั่ง การ์ตูนวอลต์ ดิสนีย์ ยุคเก่าๆ ที่มีเพลงคลาสิกเป็นองค์ประกอบ อาจพอช่วยให้สดชื่น รื่นเริง ขึ้นมาได้มั่งเป็นพักๆ เช่นเดียวนิยาย วรรณกรรม เรื่องสั้น ไปจนถึงหนังสือกำลังภายใน ที่แทบไม่คิดจะหยิบขึ้นมาอ่านอีกต่อไป ต่างไปจากหนังสือประเภทประวัติศาสตร์ ปรัชญา หรือแม้แต่หนังสือธรรมะ ฯลฯ ที่พอช่วยให้การอ่านในช่วงระหว่าง นั่งขี้ เป็นไปได้โดยสะดวก ไม่ถึงกับต้องออกแรงเบ่งอะไรกันมากมาย...

บรรดา ความเปลี่ยนแปลง เหล่านี้ ว่าไปแล้ว...มันคงมีที่มาจาก อายตนะ หรือจากประสาทสัมผัสทั้งหลาย ที่ทำให้ กระบวนการปรุงแต่ง มันผิดแผก แตกต่าง หรือผิดเพี้ยนไปจากเดิม โดยจะไปกำหนด ค่ามาตรฐาน ว่าอะไรถูก-อะไรผิด อะไรดี-อะไรชั่ว อะไรไพเราะ-ไม่ไพเราะ ฯลฯ คงลำบาก เนื่องจากมันเป็นเรื่องของ วัย ของ อายุ-อานาม ที่ไม่ได้ยืนยง คงที่ ไม่ได้จีรัง ยั่งยืน มีแต่ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตราบชั่วนิรันดร์กาล สิ่งที่อาจพอหยิบมาใช้เป็น ค่ามาตรฐาน ได้ชั่วครั้ง-ชั่วคราว ก็อาจเป็นแค่ความ เหมาะ-ไม่เหมาะ หรือ ควร-ไม่ควร ต่อสภาวะแวดล้อมในห้วงระยะเวลานั้นๆ...

อีกทั้งสิ่งที่เรียกว่า สภาวะแวดล้อม ในแต่ห้วง แต่ละระยะ ก็ดันไม่ได้เป็นสิ่งที่คงทน ถาวร ซะอีกต่างหาก มีแต่ต้องหมุนเวียน เปลี่ยนแปร หรือกระทั่งผิดๆ เพี้ยนๆ ไปตามสภาพ อะไรที่เคยดูน่าเกลียด-น่าชังเมื่อครั้งอดีต เผลอๆ...มันอาจกลายเป็นที่ เหมาะสม และ สอดคล้อง กับปัจจุบันและอนาคตเอาเลยก็ไม่แน่!!! อะไรที่เคยดูน่ารัก-น่าใคร่-น่าหลงใหลมาก่อนหน้านั้น ก็ใช่ว่าจะสามารถยึดมั่น ถือมั่น สามารถกำหนดเป็น ค่ามาตรฐาน ตายตัวไปโดยตลอด เพราะอาจเป็นสิ่งที่พ้นยุค พ้นสมัย ไปแล้วก็ย่อมได้...

แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้ความหมุนเวียน เปลี่ยนแปร ความไม่จีรัง ยั่งยืน ของแทบทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่ผู้คนยุคโบร่ำโบราณท่านมักนำมาใช้เป็นตัวกำหนด ค่ามาตรฐาน ให้กับยุคสมัยในแต่ละยุค ก็คือสิ่งที่อยู่เหนือไปจากธรรมชาติแห่งการปรุงแต่งทั้งหลาย หรือ ธรรมชาติ ที่อยู่เหนือไปกว่า ธรรมชาติโดยทั่วไป หรือที่พวกฝรั่งเขาเรียกว่า โลกแห่งแม่พิมพ์สมบูรณ์แบบ ตามที่นักปราชญ์ชาวกรีกอย่าง เพลโต ท่านเคยให้คำนิยามเอาไว้ ส่วนถ้าพูดแบบชาวบ้านๆ ก็คือ ธรรมะ อันเป็นแก่นสาระของ ศาสนา ต่างๆ นั่นเอง อันเป็นอะไรที่ย่อมเหนือไปกว่าสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย หรือ เผด็จการ ที่เป็นเพียงแค่ เครื่องมือ ในการปกครอง ดูแล สังคมแต่ละสังคมในแต่ละห้วง แต่ละระยะ ไม่ได้สูงส่งวิเศษวิโส หรือน่าเกลียด-น่าชังแต่อย่างใด ส่วนจะเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมนั้นๆ กำลังเป็นไปในแนวไหน อันนี้นี่แหละ...ที่เราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ผู้อาจต้องเจอกับ สงครามโลกครั้งที่ 3 ณ วันหนึ่ง-วันใดก็ยังไม่แน่ น่าจะลองเก็บไปคิดๆ กันดูมั่ง...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง

ปรับฮวงจุ้ยหรือ?

ไม่รู้จะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยหรือกลัวฟ้า กลัวฝน กลัวไฟจะชอร์ตกันแน่ เพราะตั้งแต่ ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่

หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว

สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ

อนุสติจากไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย!!!

อย่างที่ว่าไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...โดยความเป็นไปของ กฎเกณฑ์ธรรมชาติ หรือจะเรียกว่า กฎวิทยาศาสตร์ ไปจนถึง กฎของพระผู้เป็นเจ้า