เพียงหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ คุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยาวเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครนก็ประกาศขอเจรจาตรงกับประธานาธิบดีรัสเซียปูติน
เซเลนสกีบอกว่า ปูตินกับเขาได้เวลา “พบกัน, คุยกัน, โดยไม่ชักช้า...เพื่อพูดถึงเรื่องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน...และเรื่องความมั่นคง ผมอยากให้มอสโกได้ยินผมด้วย”
แต่วันเดียวกันนั้น รัสเซียก็เปิดเผยว่าได้นำขีปนาวุธ “Hypersonic” หรือขีปนาวุธ “ความเร็วเหนือเสียง” ที่มีชื่อว่า Kinzhal มาใช้โจมตีคลังแสงของกองทัพยูเครนทางตะวันตก
รัสเซียอ้างว่าอาวุธทันสมัยล่าสุดนี้มีแสนยานุภาพสูงกว่าที่เคยมีมา
ถึงขั้นที่ไม่มีระบบต่อต้านอากาศยานใดของตะวันตกวันนี้ที่จะมา “ยับยั้ง” การทำงานของขีปนาวุธเร็วเหนือเสียงนี้ได้
เป็นจังหวะเดียวกับที่ปูตินขึ้นเวทีใหญ่กลางกรุงมอสโกปราศรัยปลุกกระแสรักชาติของคนรัสเซีย
เนื่องในโอกาสครบ 8 ปีที่รัสเซียผนวกไครเมียกลับมาจากยูเครน
ท่ามกลางถ้อยแถลงที่ร้อนแรง มั่นใจ และปลุกเร้ากระแสรักชาติของคนรัสเซียอย่างกว้างขวาง
เมื่อนำเอาเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันสองวันที่เข้าสัปดาห์ที่ 4 ของสงครามยูเครนแล้วก็ยังมองไม่เห็นสัญญาณของการเข้าสู่โต๊ะเจรจาแต่อย่างใดเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งมีภาพถ่ายดาวเทียมยืนยันว่า กองกำลังของรัสเซียที่เคยเรียงรายเป็นคอนวอยยาวเหยียดใกล้เมืองหลวงเคียฟนั้นได้กระจายตัวเป็นจุดๆ
และมีการขุดสนามเพลาะเป็นช่วงๆ รอบๆ รถถังและรถหุ้มเกราะของทหารรัสเซียด้วย
ทำให้เห็นชัดว่ารัสเซียกำลังปรับยุทธศาสตร์เพื่อจะเล่น “เกมยาว”
ไหนๆ ก็ลากยาวมากว่า 3 สัปดาห์แล้ว ปูตินคงจะเห็นว่าต้องค่อยๆ ปิดล้อมเมืองหลวงเคียฟและเมืองใหญ่อันดับ 2 คือคาร์คีฟ เพื่อให้หมดสภาพเสียก่อน
หรืออาจจะเป็นเพราะรัสเซียต้องการจะรอ “กองกำลังแถวสอง” มาเติมสรรพกำลัง เพราะแนวรบแรกไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้แต่แรก
จึงปรับจากแผน “เผด็จศึก” อย่างฉับพลันมาเป็น “ปิดล้อม” และลากยาว
เมื่อยึดเคียฟได้เบ็ดเสร็จแล้ว จึงจะเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อให้ได้เงื่อนไขของตนมากที่สุด
ดังนั้นการคุยกันระหว่างโจ ไบเดน กับสี จิ้นผิง รอบล่าสุดจึงอาจจะยังไม่เห็นผลทันตาอย่างที่คาดหวังกันก็ได้
การพูดคุยระหว่างไบเดนกับสี จิ้นผิง ก็ดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนในอันที่จะกดดันให้ปูตินกับ NATO จะต้องนั่งลงเจรจากันอย่างเป็นรูปธรรมได้
ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์หลังการพูดคุยของ 2 ผู้นำว่า
"การสนทนาเน้นที่การมีส่วนร่วมของรัสเซียในยูเครน การรุกรานโดยปราศจากการยั่วยุ ประธานาธิบดีไบเดนอธิบายว่า อเมริกา พันธมิตร และหุ้นส่วนของเรามองวิกฤตนี้อย่างไร
“ประธานาธิบดีไบเดนให้รายละเอียดถึงความพยายามของเราในการป้องกันและตอบโต้การบุกรุกในภายหลัง ซึ่งรวมถึงการกำหนดราคาต่อรัสเซีย”
ไบเดนอธิบาย “ความหมายและผลที่ตามมา” หากจีนให้การสนับสนุนรัสเซียอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะที่รัสเซียยังคงโจมตีเมืองและพลเรือนในยูเครนอย่างโหดร้าย
ไบเดนย้ำถึงการสนับสนุนการแก้ปัญหาทางการทูตต่อวิกฤตการณ์นี้
ผู้นำทั้ง 2 ยังเห็นพ้องถึงความสำคัญของการรักษาช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างเพื่อจัดการการแข่งขันระหว่าง 2 ประเทศ
ไบเดนย้ำว่านโยบายไต้หวันของสหรัฐฯ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
และเน้นว่าสหรัฐฯ ยังคงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ผู้นำทั้ง 2 มอบหมายให้ทีมติดตามการสนทนาของวันนี้ในช่วงเวลาวิกฤตที่รออยู่ข้างหน้า
ด้านปักกิ่งก็ออกข่าวเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เน้นไปที่คำกล่าวของสี จิ้นผิง ว่าจีนไม่ได้ต้องการเห็นสงครามในยูเครน
และย้ำว่าสหรัฐฯ กับจีนจะต้องรับผิดชอบร่วมกันในการสร้างสันติภาพในโลก
ผู้นำจีนยืนยันว่า ความขัดแย้งระหว่างรัฐ “ไม่เป็นประโยชน์ต่อใครทั้งสิ้น”
ที่ไม่แน่ชัดคือสี จิ้นผิง ตอบไบเดนว่าอย่างไรต่อคำถามที่ว่าปักกิ่งจะส่งความช่วยเหลือทางทหารให้รัสเซียไปทำสงครามในยูเครนหรือไม่
แต่คนที่ออกมาแถลงจุดยืนของจีนที่เผ็ดร้อนกว่าคือ โฆษกของผู้แทนจีนประจำสหภาพยุโรป
โดยออกมาปฏิเสธเสียงเรียกร้องจาก NATO ที่ขอให้จีนอย่าสนับสนุนรัสเซียในทุกวิถีทาง
และเตือนความจำของตะวันตกครั้งที่พันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดถล่มสถานทูตจีนในเบลเกรดในช่วงปฏิบัติการโจมตียูโกสลาเวียเมื่อปี 1999
โฆษกคนนี้สำทับว่า
"ประชาชนชาวจีนสามารถรู้สึกอย่างเต็มเปี่ยมถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานของประเทศอื่นๆ เพราะเราไม่เคยลืมว่าใครทิ้งระเบิดใส่สถานทูตของเราในสาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย...เราไม่ต้องการคำสั่งสอนว่าด้วยเรื่องความชอบธรรมจากผู้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเสียเอง"
วาทะอันดุดันนี้เป็นการตอบโต้คำพูดก่อนหน้านี้ของเลขาธิการ NATO เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก
เขาเตือนว่าปักกิ่งควรร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในการประณามรัสเซียที่ได้ปฏิบัติการรุกรานอันโหดร้ายต่อยูเครน
หัวหน้านาโตบอกว่าจีนมีภาระผูกพันในฐานะสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ต้องสนับสนุนและยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ
ไบเดนกับสี จิ้นผิง แลกหมัดหนัก...ปล่อยให้ระดับล่างลงมาฟาดฟันกันด้วยวาทะหนักหน่วงรุนแรง
การทูตจะระงับสงครามได้หรือไม่?
วันนี้ผมยังเข้านอนด้วยความกังวลว่าจะถูกปลุกขึ้นมากลางดึกด้วยข่าวสงครามที่เลวร้ายกว่าตอนก่อนเข้านอนจริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ