ผกก.ทิพย์-เงินทอนปิ่นโต

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้สั่งการกำชับให้ดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มขบวนการดังกล่าวอย่างจริงจังตลอดมา” ชัดเจนแจ่มแจ้ง เมื่อไม่มี ตำรวจ เกี่ยวข้องกับการหลอกซื้อขายตำแหน่งครั้งนี้ ก็ต้องลากคอแก๊งมิจฉาชีพขบวนการนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เพราะทำให้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสียหาย รวมทั้ง ตำรวจ ที่ไปซื้อตำแหน่งก็ต้องสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแค่ไหน อย่างไร หากไม่ถึงขั้นเข้าข่ายความผิดคดีอาญา แต่ทางวินัยก็ต้องดำเนินการ อย่าปล่อยให้เงียบหายไปกับสายลม จะได้เป็นตัวอย่างปรามทั้ง คนซื้อ และ คนขาย ที่จะหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่การงาน 

ได้ฟังภรรยาตำรวจผู้เสียหายในคดี “ผู้กำกับทิพย์” เล่าถึงพฤติกรรมของขบวนการหลอกขายตำแหน่งตำรวจกลุ่มนี้ บอก “รู้จักกับเจ๊โหน่ง จากกลุ่มเพื่อนของสามี และก็ได้ไปทำบุญร่วมกับเจ๊โหน่งหลายครั้ง จนสนิทสนมกันมากขึ้น เจ๊โหน่งจึงทราบว่าสามีของตนรับราชการตำรวจ และในระหว่างนั้น เจ๊โหน่งได้ขอให้ทางครอบครัวของตนช่วยทำบุญกฐิน เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท ซึ่งตนก็ได้โอนเงินไปร่วมทำบุญด้วย หลังจากนั้นเจ๊โหน่งได้นัดสามีของตนมาที่ร้านส้มตำและได้พบกับ เจ๊ญา และหม่อมคนหนึ่ง  โดยเจ๊โหน่งแนะนำว่าทั้งสองคนรู้จักนักการเมือง และตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถช่วยเหลือให้สามีของตนเลื่อนตำแหน่งได้ แต่ก็ต้องมีการจ่ายเงิน ตนก็ได้โอนเงินไปหลายครั้งเป็นจำนวน 5,750,000  บาท แต่เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา ปรากฏว่าสามีของตนยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง ขอเงินคืนทางเจ๊โหน่งกับหม่อมอ้างว่าเงินได้ให้เจ๊ญา”  ไม่รู้ เจ๊ญา ที่กล่าวถึงใช่คนเดียวกับ “เจ๊ญา” ที่ว่ากันว่าชอบมาตีสนิทตำรวจใหญ่ แล้วมาดีลธุรกิจปิ่นโตอาหารกลางวัน แบบมีเงินทอนให้บาง บก.หรือเปล่า  อย่างไรก็ดี ไหนๆ ผบ.ปั๊ด ก็ให้ตรวจสอบเรื่องซื้อขายตำแหน่งแล้ว ลองเช็กไปถึงเงินทอนปิ่นโตอาหารกลางวันด้วยก็ดีนะ 

ปรบมือดังๆ แสดงความยินดีกับ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ปั๊ด และ บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ให้เป็นผู้กำกับดูแลโครงการ  Smart Safety Zone 4.0 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งโครงการ Smart Safety Zone 4.0  เข้าประกวดในการประชุมสุดยอดตำรวจโลก (World  Police Summit) ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 14-17 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยผลปรากฏว่าโครงการ Smart Safety Zone 4.0  ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับรางวัลประเภทการป้องกันอาชญากรรม (Crime Prevention) จาก พล.ต.ท.Abdullah Khalifa Al Marri ผู้บัญชาการตำรวจเมืองดูไบ เจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดตำรวจโลก ในด้านการปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม  (The Best Experience in Community  Policing) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้องค์กรตำรวจที่มีผลงานในการพัฒนาแนวคิดตำรวจชุมชนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด เช่นเดียวกับต้องปรบมือดังๆ ให้ บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ในฐานะหัวหน้าคณะทีมตำรวจไทย ที่นำทีมตำรวจไทย  Royal Thai Police SWAT Team ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม คว้าอันดับ 9 สุดยอดทีมตำรวจสุดแกร่งของโลก ในการแข่งขัน UAE SWAT  Challenge 2022 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

แจ้งข่าวผู้ที่อยากสวมเครื่องแบบ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดรับสมัครตำรวจชั้นประทวนและบุคคลภายนอก เพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน  พ.ศ.2565 รวม 546 อัตรา โดยกำหนดวันรับสมัคร 28  มี.ค.-21 เม.ย.65 แบ่งเป็นรับสมัครและคัดเลือกตำรวจชั้นประทวน ดำรงตำแหน่ง ผบ.มว.ฉก.นปพ. ในสังกัด ภ.9  จำนวน 41 อัตรา โดยเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน  (เพศชาย) มีวุฒิการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์ และคุณสมบัติอื่นๆ ตามที่กำหนด รับสมัครและสอบแข่งขันบุคคลภายนอก ดำรงตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) 400  อัตรา โดยเป็นบุคคลภายนอก เพศชาย 300 อัตรา และเพศหญิง 100 อัตรา วุฒิการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์  รับสมัครและสอบแข่งขันบุคคลภายนอก ดำรงตำแหน่ง รอง สว. กลุ่มงานเทคนิค (ทำหน้าที่ประมวลผล) 45 อัตรา  เป็นบุคคลภายนอก เพศชาย และหญิง วุฒิการศึกษาปริญญาตรีทางคอมพิวเตอร์ หรือวิศวกรรมคอมพิวเตอร์   ทุกตำแหน่งรับสมัครทางเว็บไซต์ www.policeadmission.org ระหว่างวันที่ 28  มี.ค.-21 เม.ย.65 สอบข้อเขียน 12 มิ.ย.65 และประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียนวันที่ 23 มิ.ย.65 

หลังจากผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางไปต่างประเทศแล้ว ผู้นำทางทหารของไทยก็เริ่มเดินทางไปเยือนมิตรประเทศตามกำหนดการเดิมที่วางไว้ และได้ไปประชุมในหลายเวทีระดับนานาชาติ สัปดาห์ก่อน บิ๊กป้อง-พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ  บินไปเยือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิกที่เกาะกวม และ เม.ย.นี้จะเดินทางไปเพนตากอน สหรัฐอเมริกา ขณะที่ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าร่วมการประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดอาเซียน โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10  ประเทศเข้าร่วมประชุม ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา  การประชุมครั้งนี้ได้กำหนดหัวข้อหลักในเรื่อง Solidarity for Harmonized Security  พร้อมกันนั้นกองทัพไทยยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกิจกรรม 7 ด้าน ประเด็นที่น่าสนใจมีทั้ง การแพทย์ทหาร, การต่อต้านการก่อการร้าย, การรักษาสันติภาพ,  การปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม, การปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์, การช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย และการปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางทะเล  เป็นต้น ขณะที่สัปดาห์หน้า กองบัญชาการกองทัพบก  ถนนราชดำเนิน ก็เตรียมรับการมาเยือนของ ผู้บัญชาการกองกำลังทางบกสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิกด้วย

โผทหาร กลางปีประกาศออกมาแล้ว โทนข่าวโฟกัสไปที่กองทัพเรือ เมื่อ บิ๊กจอร์ช-พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ รองเสนาธิการทหาร ข้ามมาอยู่วังเดิมในตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ตามประสงค์ของ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร.ได้สำเร็จ เมื่อพลิกดูโปรไฟล์แล้วก็ต้องยอมรับว่าเส้นทางรับราชการไม่ธรรมดา แต่นอกจากความเหมาะสมในการวางตัวใน 5 เสือ ทร.เพื่อแคนดิเดตขึ้น ผบ.ทร.ปลายปีแล้ว ก็คงมีปมที่เกี่ยวกับความขัดแย้งจากการโยกย้ายในยุค พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ต้นตำรับวางตัวผู้บริหารโดยใช้สูตร หยิบไข่ใส่ตะกร้า ที่ส่งอิทธิพลมาถึงยุค บิ๊กอุ้ย-พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยด้วย  น่าสนใจว่านับจากนี้ในกองทัพเรือจะสงบ และนำไปสู่ความเป็นเอกภาพได้นานแค่ไหน เพราะ  “ข่าวลือ” มาเป็นระลอกในเรื่อง คลื่นใต้น้ำ ที่เริ่มก่อตัว ยังไม่นับปัญหาเรื่อง เรือดำน้ำจีน ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องเครื่องยนต์ซึ่งเยอรมนียังไม่ยอมขายให้จีน ว่าจะมีทางออกอย่างไร 

ถึงแม้โผของกองทัพบกจะไม่มีอะไรหวือหวา แต่ก็ใช่ว่าจะราบเรียบ เพราะเรื่องรุ่น เรื่องความเหมาะสมต่างๆ ก็ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ไม่น้อย นับเป็นปัญหาโลกแตก แต่ที่ฮือฮาก็คงเป็นวงการทหารม้าภาคเหนือ เมื่อมีชื่อ  พล.ต.ศุภฤกษ์ สถาพรผล ย้ายมาเป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 (เกษียณ 66) ดูเหมือนจะย้ายระนาบทั้งที่เป็นเพื่อน ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้  ผบ.ทบ. ถ้ามองเผินๆ ก็คงไม่ได้ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วเป็นไปตามเป้าในการคุมกำลังทหารม้า ขณะที่ “ขุมกำลัง” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่แม้ บิ๊กเกรียง-พล.ท.เกรียงไกร  ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค  4 ส่วนหน้า จะเกษียณในปี 2566 แต่การวางทายาทในสาย บิ๊กเดฟ-พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อรับไม้ต่องานดับไฟใต้ไปถึงกลางปี 2566 “บิ๊กบี้” จะเป็นผู้ตัดสินในที่สุด   แม้มีชื่อ บิ๊กต้น-พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค รองแม่ทัพฯ มาเต็งหนึ่ง แต่ลูกหม้อกรมทหารราบที่ 25 ด้วยกันอย่าง  พล.ต.อุทิศ  อนันตนานนท์ และสายกรมทหารราบที่ 5  อย่าง พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ สองรองแม่ทัพฯ ก็ยังมีสิทธิ์ลุ้น.