คมนาคมพร้อมรับสงกรานต์ "ศักดิ์สยาม" ปักธงส่งคนเดินทางกลับบ้านปลอดภัย

9 เมษายน 2565 -ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับ วันสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย ระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน 2565 ซึ่งเป็นวันหยุดต่อเนื่อง และตรงกับช่วงเวลาพักผ่อนกับครอบครัว ประชาชนส่วนใหญ่จึงมีแพลนใช้ช่วงเวลานี้เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพบปะญาติพี่น้อง ร่วมทำบุญ และพักผ่อน ซึ่งจะทำให้มีประชาชนหลั่งไหลเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร เพื่อมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการด้วยระบบขนส่งสาธารณะและรถยนต์ส่วนตัว

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้ประชาชน ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมให้ประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้ โดยคาดการณ์จะมีประชาชนที่เดินทาง เพื่อกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก โดยได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 ของกระทรวง ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.2565 รวม 7 วัน ดำเนินการดังนี้ 

1.บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงง่าย เพียงพอไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์ 2.ให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและจริงจัง 3.กำกับและควบคุม ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินประชาชนจากการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 4.บริหารจัดการจราจรทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้มีความคล่องตัวและไม่ติดขัด และ 5.บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง

ทั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมต้องจัดเตรียมแผนงานครอบคลุม 3 มิติ ได้แก่ 1.มิติอำนวยความสะดวกในการเดินทาง เตรียมบริการขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ ให้เพียงพอได้มาตรฐานความปลอดภัย ให้ประชาชนเดินทางอย่างสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อกระจายการเดินทางและเหลื่อมเวลาการเดินทางในเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ

2.มิติความปลอดภัยในการเดินทาง ตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขจุดเสี่ยง (Black spot) ที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เช่น บริเวณจุดกลับรถ จุดตัดถนนกับรถไฟ และทางลักผ่าน รณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ “ไม่ขับเร็ว-คาดเข็มขัดนิรภัย-สวมหมวกนิรภัย-ดื่มไม่ขับ-รักษาวินัยจราจร” ร่วมกันขับเคลื่อนกำกับดูแลดำเนินการตามแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางประชาชนตลอดช่วงสงกรานต์ กำกับดูแลความพร้อมพนักงานขับขี่ 

ขณะที่พนักงานประจำรถโดยสารสาธารณะ เรือโดยสาร และรถไฟให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบและไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่ใช้สารเสพติด รวมถึงตรวจสภาพความพร้อม และมีอุปกรณ์ความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ เรือโดยสาร รถไฟ และเครื่องบิน และภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถไฟ ท่าเรือและท่าอากาศยาน เปิดใช้งานระบบ GPS ในรถโดยสารสาธารณะ

และ 3.มิติด้านการควบคุมโควิด-19 เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องดำเนินมาตรการป้องกันโควิด-19 เคร่งครัด ตรวจสอบกำกับดูแลการให้บริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทตามแนวทางที่กำหนด จัดบริการขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ และเหมาะสม จำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทตามที่กำหนด รวมทั้งจัดให้เว้นระยะห่างและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกันให้บริการฟรีแก่ประชาชนช่วงสงกรานต์ ได้แก่ 1.ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบนทางพิเศษ 5 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษบูรพาวิถีและกาญจนาภิเษก เป็นเวลา 7 วัน ระหว่างวันที่ 12-18 เม.ย.2565 และทางพิเศษศรีรัช อุดรรัถยา และเฉลิมมหานคร เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.2565 และมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง ได้แก่ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา) และมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 (สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถนนกาญจนาภิเษก ตอนบางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน) เป็นเวลา 7 วัน ระหว่างวันที่ 12-18 เม.ย.2565

2.เปิดใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 หรือ M6 ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว-ขามทะเลสอ ระยะทาง 64 กม. ชั่วคราวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 11-18 เม.ย.2565 แบ่งเป็นขาออก 11-14 เม.ย.2565 รวม 4 วัน และขาเข้า 15-18 เม.ย.2565 รวม 4 วัน และ 3.บริการที่จอดรถฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน C วันที่ 11-17 เม.ย.2565

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า กรมทางหลวงได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย โดยให้สำนักงานทางหลวงและแขวงทางหลวงทั่วประเทศ ดำเนินการตรวจสอบป้ายจราจร สัญญาณไฟจราจร ไฟฟ้าแสงสว่างให้พร้อมใช้งาน ตรวจสอบและแก้ไขจุดเสี่ยงและจุดอันตราย พร้อมบำรุงรักษาทางหลวงให้อยู่ในสภาพดีและมีรถบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน เมื่อผู้ใช้ทางเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย

นอกจากนี้ กรมทางหลวงได้จัดตั้งจุดให้บริการทั่วไทย 423 แห่ง แบ่งเป็นจุดให้บริการทั่วไทย โดยแขวงทางหลวงกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ 147 แห่ง จุดให้บริการตำรวจทางหลวง 201 แห่ง และจุดให้บริการสถานีตรวจสอบน้ำหนักและพักรถบรรทุก 75 แห่ง ซึ่งภายในจุดบริการทั่วไทยจะมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการประชาชนผู้ใช้ทางตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ การให้ข้อมูลเส้นทาง แนะนำเส้นทางเลือก บริการน้ำดื่ม รวมทั้ง แอลกอฮอล์เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งได้จัดเตรียมห้องน้ำสะอาดบริการประชาชน 581 แห่ง ในพื้นที่หมวดทางหลวงทั่วประเทศ

“ขอความร่วมมือผู้ใช้ทาง “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ขับขี่ด้วยความระมัดระวังปฏิบัติตามกฎจราจร วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เตรียมร่างกายให้พร้อม หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทร.ฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) สายด่วนมอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193”

เพิ่มเพื่อน