เที่ยวญี่ปุ่นแบบอันซีน เมืองในธรรมชาติ “โอซากา-เกียวโต-โกเบ”

ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศตัวเลือกท่องเที่ยวลำดับแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าจากประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ ก็จะไปเที่ยวกัน เพราะนอกจากปัจจุบันที่ค่าเงินเยนอ่อนตัวลง บวกกับบรรยากาศในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนซึ่งมีอุณหภูมิกำลังพอดีกับการเดินทางออกไปเที่ยว ลมพัดสบายๆ แสงแดดอ่อนๆ มีกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ

หากเราพูดถึง ประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่ามีเมืองขึ้นชื่อหลายเมือง ไม่ว่าจะเป็น ซัปโปโร คุโรชิมา หรือโตเกียว แต่เมืองที่ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ นครโอซากา เป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น

สนามบินของโอซากาคือ ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ที่มีประวัติการสร้างไม่ธรรมดา เพราะเป็นสนามบินลอยน้ำบนเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเองทั้งหมด โดยมีขยะฝังกลบปริมาณมากถึง 21 ล้านตัน เป็นไอเดียที่แปลกแต่ก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงโดยฝีมือของมนุษย์ทั้งหมด

ไฮไลต์ของ เมืองโอซากา ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ปราสาทโอซากา ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมือง มีประวัติมาอย่างยาวนานเพราะเคยเป็นสนามรบมาก่อน แต่ถึงแม้ประวัติศาสตร์ของปราสาทนี้เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2126 แต่หอคอยหลักนี้ที่เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ในปี พ.ศ.2474 โดยตัวโครงสร้างของปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น ซึ่งในปัจจุบันได้ผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้งเพราะในอดีตได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สองและจากเหตุการณ์อื่นๆ อีกด้วย

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่ารู้คือ ตัวบริเวณปราสาทที่มีคูน้ำนั้นมีจระเข้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกได้สามารถเข้ามายังบริเวณภายในได้ ที่สำคัญภายในบริเวณปราสาทจะมีการปลูกพืชผักที่รับประทานได้เพื่อให้สามารถปรุงเป็นอาหารได้ทุกเมื่อ และบริเวณโดยรอบของตัวปราสาทนอกจากจะมีการขุดคูน้ำแล้ว ยังมีกำแพงที่สูงเกือบ 30 เมตร ทำจากก้อนหินก้อนใหญ่เรียงรายกันเป็นกำแพง โดยความสวยงามนี้เป็นสัญลักษณ์งดงามที่สุด

สถานที่ถัดไปคือ เกียวโต ที่หลายคนมักจะนึกถึงวัด แต่เรื่องธรรมชาติ เกียวโต ก็มีไม่แพ้กัน โดย เมืองอิเนะ แห่งเมืองเกียวโต เป็นสถานที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะนอกจากจะได้เห็นธรรมชาติแล้ว ยังเห็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวประมงอีกด้วย

ซึ่ง เมืองอิเนะ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณ 2,500 คน โดยมีบ้านเลียบแนวเส้นโค้งที่ทอดยาวของอ่าวอิเนะ เรียงรายด้วยบ้านที่ค่อนข้างแปลกตาเพราะชั้นล่างของบ้านเป็นที่จอดเรือ ส่วนชั้นบนคือบ้านที่อยู่อาศัย เรียกว่า ฟุนายะ เป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมในท้องถิ่นที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ และปัจจุบันบ้านสไตล์ฟุนายะประมาณ 230 หลัง นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นเขตอนุรักษ์ที่สำคัญสำหรับกลุ่มอาคารแบบดั้งเดิมอีกด้วย

ใน เมืองอิเนะ ยังมีคำเตือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะไปชื่นชมความงดงามของเมืองนี้ว่า โปรดงดเว้นจากการเข้าไปในพื้นที่ของบ้านโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และเป็นเรื่องปกติที่ผู้พักอาศัยจะตากผ้าไว้ริมทะเลในวันที่มีแสงแดด หากจะเข้าไปถ่ายรูปหรือวิดีโอโปรดให้ความเคารพด้วย

สำหรับกิจกรรมที่ เมืองอิเนะ นอกจากจะชื่นชมบ้านสไตล์ ฟุนายะ แล้ว ยังมีกิจกรรมล่องเรือเฟอร์รีใน อ่าวอิเนะ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที ดื่มด่ำธรรมชาติ ดูน้ำใส ทิวทัศน์ของบ้านฟุนายะ และบางวันหากอากาศดีมากจะมีนกนางนวลบินเข้ามาใกล้เรือเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ให้อาหาร และถ่ายรูป แต่ต้องอยู่ในความระมัดระวังด้วย เพราะนกอาจจะจิกมือได้

จากนั้นนั่งรถบัสไม่นาน จากตัว เมืองอิเนะ ประมาณ 40 นาที ไปที่ อามาโนะฮาชิดาเตะวิวแลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเช่นกัน เพราะวิวสวยไม่แพ้ที่ใดจริงๆ โดยการเดินทางขึ้นไปที่ อามาโนะฮาชิดาเตะวิวแลนด์ ที่เป็นจุดชมวิวนั้น สามารถนั่งเคเบิลคาร์หรือลิฟต์ได้

ซึ่งเคเบิลคาร์จะใช้เวลาที่ 4 นาที ส่วนลิฟต์จะใช้เวลา 6 นาที ที่สามารถเลือกนั่งแบบใดก็ได้ แต่หากใครไม่กลัวความสูงอยากแนะนำให้ขึ้นลิฟต์ เพราะจะเห็นวิวได้ชัดและสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าติดขอบกันเลยทีเดียว

ด้านบนจุดชมวิวมีไฮไลต์สำคัญ คือ เมื่อมองลงมาจะเห็นเส้นทางหาดทรายและต้นสนกว่า 8,000 ต้น ตัดผ่านอ่าวเหมือนกับแยกทะเลกับอ่าวจากเหนือและใต้ โดยภูมิประเทศแบบสันดอน และได้รับการตั้งชื่อว่า อามาโนะฮาชิดาเตะ โดยชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนเชื่อกันว่าเป็นเหมือนสะพานข้ามไปยังสวรรค์นั่นเอง

และเมื่อถึงจุดชมวิวของ อามาโนะฮาชิดาเตะ แล้ว ลองทำท่า มาตาโนะโซคิ หรือท่ามองลอดขา ที่เป็นท่าโพสยอดนิยม เพื่อจะได้เห็นวิวแบบกลับหัว ทำให้มองเห็น อามาโนะฮาชิดาเตะ เหมือนเป็นมังกรที่กำลังมุ่งไปบนท้องฟ้า

ย้ายไปอีกเมืองไปที่ เมืองโกเบ ซึ่งหากใครได้ยินชื่อนี้จะนึกถึงเนื้อโกเบทันที แต่แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่โกเบก็ดังไม่แพ้เช่นกัน และหากใครชื่นชอบน้ำหอม หรือสวนสมุนไพรเป็นพิเศษ ขอแนะนำ สวนสมุนไพรนุโนบิกิ (Nunobiki Herb Gardens) ที่เมืองโกเบ เป็นสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ภายในสวนมีสมุนไพรถึง 75,000 ต้น และดอกไม้อีก 200 ชนิดที่ผลัดกันเบ่งบานตลอดทั้งปีตามฤดูกาล เช่น ในเดือนเมษายน ดอกซากุระจะเต็มทั้งภูเขา รวมถึงดอกทิวลิป ในเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคมจะมีดอกลาเวนเดอร์ ในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมจะมีดอกลิลลี่ และในช่วงเดือนธันวาคมจะเป็นสีสันช่วงฤดูใบไม้ร่วง

และเมื่อก้าวลงจากกระเช้าลอยฟ้าที่จะพาคุณไปยังสถานีสูงสุดบนภูเขา คุณสามารถชื่นชมดอกไม้ สวนสมุนไพร เมืองท่าโกเบ และทะเลสีฟ้า ขอให้คุณเดินเล่นในสวนและเพลิดเพลินกับบรรยากาศอันร่มรื่นนี้

เมื่อได้ดื่มด่ำบรรยากาศของธรรมชาติอย่างเต็มที่ เมืองโอซากา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ช็อปปิ้ง แหล่งละลายเงินที่สำคัญที่สุดคือ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ตั้งอยู่ใกล้กับนัมบะและโดทงโบริ จุดท่องเที่ยวยอดนิยมในโอซากามีย่านร้านค้า ชินไซบาชิซุจิ (Shinsaibashsuji Shotengai) แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังของโอซากาด้วย โดยย่านนี้มีระยะทางทั้งหมด 600 เมตร หากรวมย่านร้านค้าอื่นๆ ที่อยู่หัวและท้ายด้วยก็จะกลายเป็นย่านร้านค้าที่มีความยาวราว 2 กิโลเมตรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยา ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านปลอดภาษี (Duty Free) เรียกได้ว่าครบ จบที่เดียว

นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่างอาคารที่ตั้งของ ห้างไดมารุ สาขาอุมาเดะ ที่ไฮไลต์ของอาคารนี้นอกจากจะออกแบบตามสไตล์โมเดล ยังเป็นสถานที่ที่เป็นมิตรต่อโลก และกำลังดำเนินการสร้างสถานีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการผสมผสานกับพลังงานแสงอาทิตย์ การทำสีเขียวบนหลังคา และไฟส่องสว่างประหยัดพลังงาน โดยมีการระบุจำนวนพลังงานแสงอาทิตย์ที่แปลงเป็นกระแสไฟฟ้าในแต่ละวันให้กับนักท่องเที่ยวได้ดูอีกด้วย

ประเทศญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัย ที่เมื่อมาลองเที่ยวสักครั้งแล้วจะติดใจ จนต้องกลับไปซ้ำอีกแน่.