ถ้าพูดถึง “จีน” โดยเฉพาะเวลาไปท่องเที่ยว คนส่วนใหญ่จะยังติดภาพจีนในเวอร์ชันเดิมๆ คนเสียงดังๆ ห้องน้ำที่อาจจะไม่ค่อยสะอาด และเวลาเข้าจะต้องคอยลุ้นเสมอว่าจะเจอแจ็กพอร์ตหรือไม่ ขยะตามข้างทางและคราบน้ำลายจากการถ่มของคนทั่วไป แต่วันนี้ อาทิตย์เอกเขนก ได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนอีกหนึ่งประเทศมหาอำนาจของโลกอย่าง “จีน” อีกครั้ง ต้องบอกก่อนว่า การไปจีนครั้งนี้ทำให้สามารถลบภาพจำจีนเวอร์ชันเดิมๆ ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
เริ่มต้นกันที่ “ปักกิ่ง” กับจุดท่องเที่ยวไฮไลต์อย่าง จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tiananmen Square) เรียกว่าเป็นจุดเช็กพอยต์ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มีโอกาสไปปักกิ่งจะต้องไปเยือนสักครั้งแบบพลาดไม่ได้ เพราะสถานที่แห่งนี้ได้รับสมญานามว่าเป็นหนึ่งในจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มีความสำคัญในวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ และถือเป็นสัญลักษณ์และที่ตั้งของเหตุการณ์สำคัญๆ มากมายในประวัติศาสตร์ชาติจีน
ไปต่อกันที่ พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) ตรงนี้ต้องบอกว่าได้รับการยกย่องให้เป็น “มรดกโลกแห่งเมืองจีน” ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิจีนมาหลายราชวงศ์ และปัจจุบันพระราชวังต้องห้ามนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในปักกิ่ง และมีความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ
โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พระราชฐานชั้นนอก และพระราชฐานชั้นใน ก่อนจะผ่านเข้าสู่พระราชวังจะพบกับ “ประตูอู่ (Meridian Gate) ไฮไลต์สำคัญที่พลาดไม่ได้เลยคือ “พระที่นั่งไท่เหอ (Hall of Supreme Harmony) เรียกว่าเป็น 1 ใน 3 พระที่นั่งที่สำคัญที่ใช้ในการประกอบพระราชพิธีต่างๆ เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม โดยด้านในท้องพระโรงมีขนาดกว้างขวางมาก รวมถึงบัลลังก์มังกรของฮ่องเต้ที่ตั้งอยู่บริเวณตรงกลาง ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่ได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่น่าสนใจคือ ภายในพื้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ตลอดจนพระราชวังต้องห้ามนั้น ไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาชมความยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่กลับพบว่าชาวจีนจำนวนไม่น้อยก็ต่างพากันมาดูความยิ่งใหญ่ของจัตุรัสแห่งนี้ รวมถึงความอลังการของสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่พระราชวังต้องห้าม มีทั้งรูปแบบมากันเองกับครอบครัว มากันเองกับเพื่อน ตลอดจนผู้อาวุโสหน่อยก็จะมากันเป็นหมู่คณะ กรุ๊ปทัวร์ ไม่ต่างกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เรียกว่าบรรยากาศอุ่นหนาฝาคั่งไม่น้อย อบอุ่นไปด้วยผู้คนทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ
และอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่เรียกว่าหากมาเยือนปักกิ่งจะพลาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ ความยิ่งใหญ่อลังการของ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณอย่าง กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) ซึ่งถือเป็นสิ่งก่อสร้างสุดยิ่งใหญ่ที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลกต่างใฝ่ฝันที่จะได้มาเยือนสักครั้งในชีวิต เพื่อมาพบกับกำแพงหินที่ทอดยาวพาดผ่านหลากหลายสภาพภูมิอากาศ ทั้งทะเลทราย ทุ่งหญ้า ภูเขา จากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตกของประเทศจีน ระยะทางยาวถึง 21,196 กิโลเมตร และกำแพงเมืองจีนนี้ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายเส้นทาง ซึ่งหนึ่งในเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “ด่านจีหยงกวน” ที่ขึ้นชื่อเรื่องความงามของทิวทัศน์กำแพงเมืองจีนซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูงใหญ่สลับไปมา และมีป้อมปราการอายุนับร้อยปีที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม
เอาจริงๆ ทริปนี้ อาทิตย์เอกเขนก ได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนหลายเมืองของประเทศจีน เรียกว่าคุ้มค่าสุดๆ โดยเมืองต่อไปที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือน นั่นคือ เมืองหางโจว ต้องบอกเลยว่าเป็นเมืองที่แม้จะมีโอกาสได้ไปในระยะเวลาสั้นๆ แต่ประทับใจแบบเต็ม 100% มากๆ แม้ว่าสภาพอากาศจะแตกต่างจากปักกิ่งอย่างมาก คือ ตอนที่ไปเยือนหางโจวนั้นอากาศอยู่ที่ราว 27-28 องศา แต่ที่ปักกิ่งค่อนข้างหนาว ช่วงเช้าๆ ร่างกายมีโอกาสปะทะอุณหภูมิ 1 องศากันเลยทีเดียว
กลับมาที่ หางโจว ต้องบอกว่าเป็นเมืองน่ารักมากๆ บรรยากาศดูโฮมมี่ อบอุ่น พื้นที่บริเวณเมืองส่วนใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ ไม้ดอกที่กำลังเตรียมจะออกดอก เรียกว่าบรรยากาศดีมากๆ ส่วนสถานที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้และเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยิน นั่นคือ “ทะเลสาบซีหู” ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ การล่องเรือชมความงามของทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งในอดีตมีคำเปรียบเปรยถึงความสวยงามของเมืองหางโจวและซูโจวว่า “บนฟ้ามีสวรรค์ บนดินมี ซู (โจว) หาง (โจว)”
เมืองหางโจวแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ๋อเจียง ซึ่งมีความมั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เป็นแหล่งเภสัชอุตสาหกรรมและสถาบันศิลปะที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน ไม่แปลกที่จะได้เห็นบรรยากาศเมืองที่อบอุ่น และด้วยความเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่ง บ้านเมืองหลักๆ ที่ได้เห็นส่วนใหญ่จะเป็นในรูปคอนโดมิเนียม และเท่าที่มีโอกาสได้หาข้อมูลมาก็พบว่า ราคาบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่หางโจวสูงลิบใช้ได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเป็นเมืองอุตสาหกรรมชั้นนำ จึงอาจจะไม่ค่อยได้พบการทำเกษตรกรรมที่เมืองแห่งนี้ จากข้อมูลพบว่า ประชากรส่วนใหญ่ที่หางโจว ถ้าไม่ทำงานออฟฟิศก็จะเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่เพียงแต่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่เป็นเมืองที่มี ผู้ประกอบการสตาร์ทอัป ที่เป็นเจ้าของกิจการใหม่ๆ อายุไม่มากอยู่ไม่น้อย จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองของนักธุรกิจก็ว่าได้
เมื่อเที่ยวหางโจวจนหนำใจแล้ว เราก็ย้ายเมืองไปอีกหนึ่งเมืองขึ้นชื่อ และมีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง มหานครเซี่ยงไฮ้ โดยรถไฟความเร็วสูงจากหางโจวสู่เซี่ยงไฮ้เพียง 45 นาทีเท่านั้น และว่ากันตามตรง ช่วงนี้ก็พบว่าวัยรุ่นไทยนิยมไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ค่อนข้างมาก ด้วยเพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี และมีความทันสมัยอย่างมาก เป็นเมืองที่เรียกว่าสามารถเปิดหูเปิดตาได้ทุกรูปแบบ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุมทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเที่ยว กิน หรือว่าดื่ม เรียกว่าครบ จบที่ มหานครเซี่ยงไฮ้
แลนด์มาร์กหนึ่งที่จะพลาดไม่ได้ นั่นคือ Shanghai Tower ตึกที่สูงที่สุดของมหานครสุดยิ่งใหญ่แห่งนี้ โดยเมื่อขึ้นไปที่ชั้น 127 กับความสูง 632 เมตร ก็จะได้พบกับทัศนียภาพเมืองเซี่ยงไฮ้แบบ 360 องศา เช่น อาคารเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซ็นเตอร์ ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในนครเซี่ยงไฮ้ ด้วยความสูง 492 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศจีน แซงหน้าอาคารจินเหมาซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง เรียกว่าเป็นภาพบรรยากาศสุดว้าว ขึ้นมาที่นี่ที่เดียวได้มีโอกาสเห็นเมืองเซี่ยงไฮ้ทั้งเมืองแบบไม่มีอะไรกั้น!!
อีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวจะพลาดเสียไม่ได้ นั่นก็คือ Starbucks Reserve Roastery ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น Starbucks สาขาใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ เรียกว่าใหญ่กว่าสาขาปกติถึง 300 เท่า และไม่เพียงความยิ่งใหญ่อลังการเท่านั้น แต่ภายในยังมีบาร์จิบกาแฟที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย ยาวถึง 88 ฟุต ขึ้นแท่นเป็นสาขาที่มีบาร์จิบกาแฟยาวที่สุดในโลกของ Starbucks อีกสิ่งที่จะพลาดไม่ได้ก็คือ ลูกค้ายังสามารถชมการคั่วกาแฟสดๆ สัมผัสบรรยากาศของกาแฟเต็มรูปแบบและเครื่องดื่มต่างๆ กว่า 100 เมนู รวมทั้งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่มีเฉพาะสาขานี้แห่งเดียวเท่านั้น เอาล่ะสิ! ใครจะคิดว่าร้านกาแฟอย่าง Starbucks จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ในเมืองเซี่ยงไฮ้ไปเสียแล้ว
ไปต่อกันที่ เดอะบันด์ (The Bund) หรือหาดไว่ทาน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ไฮไลต์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีชื่อว่าหาดแต่ไม่ใช่หาดที่เป็นชายทะเล กลับเป็นทางเดินเลียบแม่น้ำ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ แต่เป็นฟีลสถาปัตยกรรมแบบยุโรป จึงไม่แปลกใจเลยที่เซี่ยงไฮ้จะได้รับฉายาว่า ปารีสแห่งตะวันออก แถมเดอะบันด์แห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หรือหลายๆ คนอาจเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ นั่นเอง
ต้องบอกเลยว่า เดอะบันด์สวยจริง บรรยากาศเอย บ้านเมืองเอย องค์ประกอบทุกอย่างลงตัวไปหมด ให้ฟีลยุโรปแบบไม่ผิดเพี้ยน สมแล้วที่จะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวจีนและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เพราะยังเป็นอีกจุดสำคัญที่สามารถรับชมความสวยงามของหอคอยไข่มุกที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม สถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือเวลากลางคืน เพราะความสวยงามมีเสมอในมิติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเชื่อว่าไม่ว่าใครที่มีโอกาสได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ จะต้องเต็มไปด้วยความประทับใจที่พกใส่กระเป๋ากลับไปอย่างอัดแน่นแน่นอน
ยังไม่จบจ้า!! เราไปต่อกันที่ “เฉิงหวังเมี่ยว” หรือตลาดร้อยปี อ๊ะ!! อย่าเพิ่งคิดไปว่าจะเป็นตลาดแบบโบราณๆ ไก่กาทั่วไป เพราะตลาดแห่งนี้เป็นตลาดเก่าของผู่ตง เมืองเซี่ยงไฮ้ อาคารบ้านเรือนบริเวณนี้จึงถูกรังสรรค์ให้เป็นสถาปัตยกรรมโบราณสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง เก่ากว่าร้อยปี ที่ยังคงความงดงาม
ทั้งร้านขายอาหาร ร้านขนมพื้นเมือง เรียกว่าสวยงามประทับจิตประทับใจอย่างมาก อาหารขึ้นชื่อที่เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดเกิดจากเซี่ยงไฮ้เลยก็คือ “เสี่ยวหลงเปา” เรียกว่าเลื่องลือชื่อแบบสุดๆ นอกจากนี้ในพื้นที่ตลาดแห่งนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ มากมาย แล้วของที่ระลึกก็มีทุกรูปแบบ ทั้งของกิน ของฝาก เรียกว่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ ลืมภาพตลาดคนจีนโหวกเหวกโวยวายไปได้เลย เพราะสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ร้านอาหาร ร้านของฝากก็ถูกตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศแบบสุดๆ จะยกกล้องถ่ายรูปมุมไหนก็เรียกว่าสวยทุกมุมมอง
อีกหนึ่งจุดที่จะพลาดไม่ได้เมื่อมาที่เฉิงหวังเมี่ยวก็คือ “สวนอวี้หยวน” ซึ่งเป็นสวนสาธารณะโบราณเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานถึงกว่า 400 ปี สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1559 ในสมัยราชวงศ์หมิง และยังได้รับการดูแลรักษาให้เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าชม แต่! จุดนี้ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย
ทริปปักกิ่ง-หางโจว-เซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ เรียกว่าทลายความคิดแบบเดิมๆ ที่เคยมีกับประเทศจีนไปเสียสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าด้วยนโยบายของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนให้คนจีนท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักหรือไม่ แต่สถานที่ท่องเที่ยวทุกจุด ห้องน้ำสาธารณะ หรือสาธารณูปโภคต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวได้รับการพัฒนาไปอย่างมาก เรียกว่าเป็นทริปที่สร้างความประทับใจ และหวังว่าหากมีโอกาสอีกครั้ง อาทิตย์เอกเขนก จะได้กลับไปเยือนจีน ในเมืองต่างๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'น้องมิลค์-วรรรญา'ที่2บุคคลหญิง FAIโดรนเรซซิ่งชิงแชมป์โลก ประจำปี2567ที่จีน
“น้องมิลค์-วรรรญา วรรณผ่อง” สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอีกครั้ง คว้าอันดับ 2 ประเภทบุคคลหญิง เอฟเอไอโดรนเรสซิ่งชิงแชมป์โลก ประจำปี 2567 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
อัปเดตเส้นทางดีเปรสชัน 'หยินซิ่ง' ทวีรุนแรงเป็น 'พายุโซนร้อน'
กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตสถาการณ์พายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ล่าสุดเช้าวันนี้ : ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก พายุดีเปรสชันได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน "หยินซิ่ง (YINXING)" แล้ว
“รมว.นฤมล”หารือ เอกอัครราชทูตจีน กระชับความสัมพันธ์ด้านเกษตร ขยายตลาดส่งออก “ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง” เพิ่มโอกาสการค้าภาคปศุสัตว์ไทย
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้หารือร่วมกับ นายหาน จื้อเฉียง
จาก ‘ฉลากเบอร์5’ สู่ห้องเรียนสีเขียวเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องใช้และสังคม
ที่ผ่านมา กลุ่มผู้บริโภคหลายคนคงเริ่มเห็นหน้าตาของฉลากเบอร์ 5 โฉมใหม่ตามเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ กันบ้างแล้ว โดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
“พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” ลุยเพิ่มศักยภาพ เร่งเครื่องดันสนามบินสมุยสู่ “Tourism Hub” อ่าวไทย
หากพูดถึงอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย ปัจจุบันกลับเติบโตอย่างน่าสนใจหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 โดยส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน ผู้โดยสารกลับมาใช้บริการมากขึ้น