การลี้ภัยหรือหนีคดีและการกลับมาขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ผู้เขียนนึกเปรียบเทียบกับปรากฏการณ์ในการเมืองสมัยกรีกโบราณที่นครรัฐประชาธิปไตยเอเธนส์ เพราะประชาธิปไตยเอเธนส์มีกลไกที่เรียกว่า ostracism ที่ให้อำนาจประชาชนเนรเทศผู้ที่ไม่พึงปรารถนาออกไปจากเอเธนส์เป็นเวลา 10 ปี โดยผู้โดนเนรเทศจะไม่โดนยึดทรัพย์สินและไม่เสียสถานะความเป็นพลเมือง แต่จะได้ทรัพย์สินและกลับมาเป็นพลเมืองได้หลังจากต้องออกไปอยู่นอกเอเธนส์เป็นเวลา 10 ปีเสียก่อน
แต่เมื่อบ้านเมืองมีวิกฤต ที่ประชุมสภาพลเมืองของเอเธนส์สามารถลงมติย่นระยะเวลาเนรเทศไม่ต้องครบ 10 ปี และเรียกตัวผู้ที่ถูกเนรเทศบางคนให้กลับมารับใช้บ้านเมือง
จากการที่ที่ประชุมสภาพลเมืองต้องเรียกตัวผู้ถูกเนรเทศบางคนกลับมา เพราะคนเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีบทบาทความสามารถทางการเมืองและการทหารที่โดดเด่น ขณะเดียวกัน ถ้าไม่โดดเด่นก็คงไม่เป็นประเด็นให้ต้องลงมติเนรเทศ !
ผู้ที่ถูกที่ประชุมสภาพลเมืองเอเธนส์เนรเทศและเรียกตัวกลับมารับใช้บ้านเมืองเป็นกลุ่มแรกคือ เมกาคลิส (Megakles), แซนธิปโปส (Xanthippos) และอริสทีดิส (Aristides)
ตอนที่แล้วได้กล่าวถึงสาเหตุที่เมกาคลิส (Megakles) และแซนธิปโปสถูกเนรเทศในปี 486 และ 484 ก่อนคริสตกาลตามลำดับ แต่ยังไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุที่อริสทีดีสถูกเนรเทศในปี 484
ข้อหาที่เมกาคลิสถูกเนรเทศ คือ เป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการประชาธิปไตยของเอเธนส์จากการที่เมกาคลิสพยายามจะช่วงชิงอำนาจทางการเมืองผ่านความสัมพันธ์กับเปอร์เซียเพื่อสถาปนาการปกครองแบบทรราช (turannos) กลับคืนมา
ส่วนข้อหาที่แซนธิปโปสถูกเนรเทศเพราะในขณะที่เขากำลังขึ้นมามีบทบาทโดดเด่นทางการเมือง เทมีสโตคลิสได้ปลุกระดมประชาชนโจมตีภูมิหลังของการมาจากตระกูลอภิชนชั้นสูงของแซนธิปโปสว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อพัฒนาการประชาธิปไตย
และเทมีสโตคลิสคนนี้นี่เองที่ทำให้อริสทีดีสถูกเนรเทศในปี 484 ด้วย
เทมีสโทคลิส เป็นใคร ?
สำหรับท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนภาพยนตร์แนวประวัตศาสตร์สงครามยุคกรีกโบราณ เรื่อง The Three Hundred (300 ขุนศึกพันธุ์สะท้านโลก/ ออกฉายในปี พ.ศ. 2549) ที่เป็นเรื่องของแม่ทัพสปาร์ตาที่ชื่อ ลีโอไนดาส ที่นำทหารจำนวนสามร้อยเข้าต้านทัพของเปอร์เซีย และภาพยนตร์ที่เป็นตอนต่อเรื่อง 300: Rise of an Empire (300 มหาศึกกำเนิดอาณาจักร/ ออกฉายในปี พ.ศ. 2557) ที่เป็นเรื่องของแม่ทัพเอเธนส์นำทัพเรือเข้าต่อสู้กับทัพเปอร์เซีย แม่ทัพที่เป็นพระเอกของเรื่องมหาศึกกำเนิดอาณาจักรนี่แหละคือ เทมีสโตคลิส
นอกจากเขาจะเป็นแม่ทัพที่สามารถแล้ว เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นผู้เสนอให้เอเธนส์สร้างกำแพงไพรีอัส (Piraeus) เมืองที่บริเวณชายทะเลในปี 493 ก่อนคริสตกาล และใครที่เคยอ่านงานเขียนของเพลโตเรื่อง Republic จะเห็นว่า เพลโตเริ่มต้นเรื่องราวหรือ “ฉาก” ในงานชิ้นนี้ของเขาบริเวณกำแพงเมืองไพรีอัสที่เป็นผลงานของเทมีสโทคลิสผู้นี้นี่เอง
นอกจากเขาจะเป็นแม่ทัพและนักยุทธศาสตร์ที่สามารถแล้ว ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งของเขาก็คือ เขาเป็นผู้มีบทบาททางการเมืองในประชาธิปไตยเอเธนส์ที่ไม่ได้มาจากตระกูลอภิชนเก่าของเอเธนส์ เพราะในช่วงแรกที่เอเธนส์เข้าสู่การปกครองแบบประชาธิปไตย ผู้ที่มีบทบาททางการเมืองรุ่นแรกๆมักจะมาจากตระกูลอภิชนเก่าแก่ของเอเธนส์ แต่เทมีสโทคริสเป็นคนจากตระกูลธรรมดาๆรุ่นแรกๆที่สามารถขึ้นไปมีบทบาทนำทางการเมือง
เทมีสโทคลิสถือเป็นผู้นำทางการเมืองคนสำคัญของเอเธนส์ และเป็นไปได้ว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการจัดการเนรเทศบรรดาผู้ที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองของเขาในช่วงทศวรรษ 480 ซึ่งอริสทีดิสก็เป็นหนึ่งในคู่แข่งทางการเมืองของเทมีสโทคลิสที่ตกเป็นเหยื่อการถูกเนรเทศ
ก่อนจะกล่าวถึงสาเหตุความขัดแย้งระหว่างเทมีสโทคลิสกับอริสทีดิส จะขอกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของอริสทีดิสก่อน
เมื่อเทียบกับแซนธิปโปสที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูงและเทมีสโทคลิสมาจากครอบครัวคนธรรมดา
อริสทีดีสมาจากครอบครัวที่มีสถานะกลางๆระหว่างแซนธิปโปสและเทมีสโทคลิส ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับตัวเขาที่น่าสนใจคือ เขาเป็นหนึ่งในมิตรผู้ใกล้ชิดกับไคลอีสธีนีส ผู้สถาปนาประชาธิปไตยเอเธนส์ เพราะฉะนั้น จึงสันนิษฐานได้ว่า เขาเป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนประชาธิปไตย
จากบันทึกของพลูทาร์ช (Plutarch) นักบันทึกชีวประวัติบุคคลสำคัญได้เล่าว่า อริสทีดีสและเทมีสโทคลิสรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งสองมีอายุไล่เลี่ยห่างกัน 6 ปี และทั้งสองดันไปหลงรักเด็กหนุ่มคนเดียวกัน (เอเธนส์เป็นสังคมที่ชายรักชายเป็นเรื่องปกติ) เด็กหนุ่มที่ว่านี้ชื่อ สเตไซเลาส์ (Stesilaus) ได้ชื่อว่าเป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่สุดในปฐพีในช่วงนั้น แม้ว่าเรื่องชิงรักหักสวาทจะผ่านพ้นไปหลายปี แต่ความระหองระแหงกินใจระหว่างอริสทีดีสและเทมีสโทคลิสยังคงอยู่ในใจทั้งสองตลอดมา
ภาพวาดเทมิสโตคลิสกับสเตไซเลาส์
อริสทีดีสเริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้บัญชาการรบในสงครามระหว่างเอเธนส์กับเปอร์เซียที่เป็นที่รู้จักกันในนามของ “สงครามมาราธอน” (the Battle of Marathon) และจากบทบาทที่โดดเด่นในการศึกสงคราม ทำให้เขาได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้นำของเอเธนส์
พลูทาร์ชได้เล่าถึงบุคลิกภาพนิสัยใจคอของอริสทีดีสว่าเป็นคนรักความยุติธรรม ไม่เข้าข้างใคร ถ้าใครทำผิด แม้ผู้นั้นจะเป็นเพื่อน อีกทั้งคนฝ่ายตรงข้ามของเขา หากไม่ผิด เขาก็จะออกมาปกป้อง จากพฤติกรรมดังกล่าวของเขาทำให้ผู้คนในเอเธนส์ต่างเรียกขานเขาว่า “อริสทีดีส ผู้เที่ยงธรรม” (Aristides the Just)
และพลูทาร์ชได้กล่าวว่า จากการที่เขาเป็นนิยมรักใคร่ของผู้คนทั่วไป อีกด้านหนึ่งเขาก็ตกเป็นเป้าแห่งความอิจฉาริษยาหมั่นไส้ และแน่นอนว่าคนที่เขม่นอริสทีดีสมากที่สุดจะเป็นใครอื่นเสีย นอกจากเทมีสโทคลิส และจากการที่เขามีนโยบายทางการทหารแนวอนุรักษ์นิยมที่เสนอให้เอเธนส์คงไว้ซึ่งการครองอำนาจในการรบทางบกทำให้เขาขัดแย้งกับเทมีสโทคลิสที่เสนอนโยบายให้เอเธนส์ขยายอำนาจทางทะเล
เทมีสโทคลิสก็ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจและหาทางกำจัดอรีสทีดิสให้พ้นจากเส้นทางอำนาจของเขา
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉอีโม่ง วิ่งเต้นล้มปมชั้น 14 เตือนหยุดทำเถอะ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ให้จับตาดูวันที่ 15 ม.ค.ที่แพทยสภาขีดเส้นตายให้แพทย์รักษาทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ส่งรายงานการรักษามาตรวจสอบการเอื้อหนีติดคุก แล้วยังต้องติดตามผลตรวจสอบของ ป.ป.ช.กรณีชั้น
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ดร.เสรี ฟาดพรรคขี้โม้-พรรควาทกรรม
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “พรรคหนึ่งมีแต่วาทกรรม ไม่เคยทำงาน
พ่อนายกฯ ลั่นพรรคร่วมรัฐบาลต้องอยู่ด้วยกันจนครบเทอม
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ว่า การเมืองคงไม่มีอะไร ยังเหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนเดิม การที่ไม่เห็นด้วยกับอะไรกันบ้าง ก็เป็น
เทวดาแม้วของขึ้น! เปิดศึกขาประจำกว่า 10 คน รวม ‘แก้วสรร-แฝดน้อง‘
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา “ทวีไอพี” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ
ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 41): ‘กรมขุนชัยนาทนเรนทร’ ทรงตกเป็นเหยื่อการเมืองของหลวงพิบูลสงคราม ? ”
รัฐธรรมนูญไทยฉบับที่ 4 คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดจากคณะทหาร นำโดย พลโท ผิน ชุณหะวัณ และพันเอก กาจ กาจสงคราม และมีนายทหารคนอื่น