
ผู้เขียนขอหยิบยกรายงานจากสถานทูตอื่นๆที่มีต่อเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองต่อจากตอนที่แล้ว โดยผู้เขียนได้คัดลอกมาจากหนังสือ ฝรั่งมองไทยในสมัยรัชกาลที่ 7: ตะวันออกที่ศิวิไลซ์ ของ ธีระ นุชเปี่ยม จัดทำโดยมูลนิธิประชาธิปก-รำไพพรรณี
“5.2 ตะวันตกมองการเริ่มต้นของระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญในสยาม
จากตอนที่แล้ว ที่ได้ยกรายงานสถานทูตต่างประเทศที่มีต่อพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรและงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 โดยมีสาระสำคัญว่า ทางฝ่ายฝรั่งเศสเห็นว่า การปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งนั้นถือเป็น “การรัฐประหาร” ส่วนทางฝ่ายอังกฤษเห็นว่า ไม่ใช่ และเห็นด้วยกับ “การยุบสภาฯ” ครั้งนั้น นั่นคือ ทางอังกฤษเห็นว่าเป็นการยุบสภาฯ ส่วนในแถลงการณ์ของรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดาและในพระราชกฤษฎีกาใช้คำว่า ปิดประชุมสภาฯ และผู้เขียนได้ทิ้งคำถามท้ายบทความไว้ว่า “ท่านผู้อ่านได้อ่านเรื่องราวข้างต้นไปแล้ว ท่านเห็นว่า ปรากฎการณ์ทางการเมืองวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นการทำรัฐประหารตามความเห็นของพันโทรูซ์ หรือไม่เป็นตามความเห็นของอัครราชทูตอังกฤษ ?”
------------------
ต่อประเด็นการปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 นี้ ม.ล. วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ได้ศึกษาไว้ใน “แนวพระราชดำริทางการเมืองของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว: การวิเคราะห์เชิงประวัติศาสตร์” (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต แผนกวิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2520) ได้กล่าวไว้ว่า
“การปิดสภาและงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราของพระยามโนปกรณ์นิติธาดานี้เป็นเหตุให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา แต่ในแง่ที่ว่าจะเป็นการละเมิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการละเมิดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จริงอยู่ แม้ในรัฐธรรมนูญจะมิได้กำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทว่าถ้าคิดในแง่ธรรมเนียมปฏิบัติที่ใช้กันอยู่ในประเทศที่มีการปกครองในระบอบรัฐสภา หากเกิดกรณีที่มีการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารจนไม่สามารถจะรักษาสถานการณ์ไว้ได้ รัฐบาลอาจยุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ จึงอาจกล่าวได้ว่า การกระทำของพระยามโนปกรณ์นิติธาดามิได้เป็นการกระทำที่จะละเมิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแต่ประการใด”
--------------
ผู้เขียนขอยกบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ที่กล่าวถึงการปิดและการยุบสภาผู้แทนราษฎร ไว้ดังนี้
“มาตรา 29 สมัยประชุมสามัญสมัยหนึ่งๆ ท่านว่ามีกำหนดเวลาเก้าสิบวัน แต่พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าฯ ให้ขยายเวลาออกไปก็ได้
อนึ่งในระหว่างเวลาเก้าสิบวัน จะโปรดเกล้าฯให้ปิดประชุมก็ได้
มาตรา 30 พระมหากษัตริย์ทรงเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามสมัยประชุม และทรงเปิดปิดประชุม
พิธีเปิดประชุม จะทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนิรมาทรงทำหรือจะโปรดเกล้าฯให้รัชชทายาทที่บรรลุนิติภาวะแล้ว หรือนายกรัฐมนตรีกระทำพิธีแทนพระองค์ก็ได้
มาตรา 31 เมื่อเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พระมหากษัตริย์จะทรงเรียกประชุมวิสามัญแห่งสภาผู้แทนราษฎรก็ได้”
และ
“มาตรา 35 พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งสมาชิกใหม่ ในพระราชกฤษฎีให้ยุบสภาเช่นนี้ ต้องมีกำหนดให้เลือกตั้งสมาชิกใหม่ภายในเก้าสิบวัน”
ถ้าพิจารณาตามข้อความในพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 จะพบว่า เป็นพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่การยุบสภาฯ ดังนั้น การปิดประชุมสภาฯจึงเป็นไปตามมาตรา 29 ที่บัญญัติไว้ว่า
“สมัยประชุมสามัญสมัยหนึ่งๆ ท่านว่ามีกำหนดเวลาเก้าสิบวัน แต่พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าฯ ให้ขยายเวลาออกไปก็ได้
อนึ่งในระหว่างเวลาเก้าสิบวัน จะโปรดเกล้าฯให้ปิดประชุมก็ได้”
สภาผู้แทนราษฎรที่ปิดไปนี้ เปิดประชุมครั้งแรกวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2475

จากรูปภาพที่ 2 และ 3 จะเห็นได้ว่า ในการประชุมครั้งที่ 47 เป็นการให้นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้สภาลงมติไว้วางใจ เป็นสาระสำคัญของการเปิดประชุมสภาฯครั้งแรก
เมื่อเปิดประชุมสภาฯครั้งแรกวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ตามมาตรา 29 กำหนดให้สภาสมัยหนึ่งๆมีกำหนดเวลาเก้าสิบวัน ดังนั้น การปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 จึงเป็นไปตามมาตรา 29 เพราะสมัยประชุมสภาฯได้ดำเนินมาเป็นระยะเวลาเกินเก้าสิบวันแล้วด้วย ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาฯจึงมิไม่ถือว่าเป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญและเป็นการทำรัฐประหาร
ขณะเดียวกัน ในตอนท้ายของรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2475 ได้มีข้อความในหมายเหตุท้ายรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 59 (สมัยสามัญ) วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2475 มีข้อความที่หน้า ๑๐๐๐ ว่า
“หมายเหตุ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๖ ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกประชุมวิสามัญตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๖ เป็นต้นไป...”
จากรายงานดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ได้มีการประกาศในที่ประชุมสภาฯวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2475 ว่าจะปิดประชุมสภาฯตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 และจะให้มีการเรียกประชุมวิสามัญในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2476 เป็นที่เข้าใจกันในบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เข้าประชุมในวันที่ 31 มีนาคมฯ และไม่มีสมาชิกฯผู้ใดทักท้วงการปิดประชุมสภาฯ
ดังนั้น ผู้เขียนจึงขอย้ำอีกครั้งว่า การมีพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 เป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
ประเด็นต่อไปที่ผู้เขียนจะนำมาพิจารณาในตอนต่อไป คือ การปรับคณะรัฐมนตรีและการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ที่ปรากฏในประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 เข้าข่ายเป็นการทำรัฐประหารหรือไม่ ?
ป.ล. ขณะเดียวกัน ผู้เขียนอยากจะฝากให้ท่านผู้อ่านตั้งข้อสังเกตว่า “ทำไมพระยาพหลพลพยุหเสนา, หลวงพิบูลสงคราม และหลวงศุภชลาศัย ถึงต้องทำการรัฐประหาร โดยนำกำลังทหารบีบให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดาลาออกจากตำแหน่งในเวลาหัวค่ำของคืนวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 หนึ่งวันก่อนที่จะมีการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญตามที่ได้ประกาศไว้ในรายงานการประชุมสภาฯวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2475 ?”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE 'หนู' ผงาดคู่ 'ราชสีห์' 'เชน' ตะล่อม 'ป้อม'..แตก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
'เดชอิศม์' เปิดใจเว้นวรรคการเมือง ไม่ลงสมัครเลือกตั้ง ไม่เป็นสมาชิกพรรค
นายเดชอิศม์ ขาวทอง อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต สส.สงขลา เขต 5 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เปิดใจนายกชาย "ผมขอหยุด เพื่อประกาศให้คนไทยเห็นว่าผมไม่เห็นด้วยกับระบบการเมืองที่บิดเบี้ยวในขณะนี้"
เพื่อไทยแปดริ้ว ดัน ‘โจ๊ะ’ พันธุ์พงศ์ ชิง สส.เขต 2
สนามเลือกตั้ง เพื่อไทยแปดริ้ว “เฮียเน้า” สมชัย อัศวชัยโสภณ ดันลูกชาย “โจ๊ะ” พันธุ์พงศ์ ชิงพื้นที่ เขต 2 จ.ฉะเชิงเทรา อ้อนคนในพื้นที่ขอชนะใจด้วยการทำงาน เชื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไม่ประมาทคู่แข่ง
🛑LIVE 'อภิสิทธิ์'กล้าทำ-'อนุทิน'กล้าบวก พลิกกระดานตั้งรัฐบาล!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันพุธที่ 24 ธันวาคม 2568
🛑LIVE นารีขี่ม้าสีน้ำเงิน!! 'อนุทิน' ส่ง 'แต๋ม' ดันแต้ม | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568

