ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ สมรรถนะดีเยี่ยมเพื่อทุกการผจญภัย

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักการผจญภัยตัวจริงด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น ภายในห้องโดยสารออกแบบอย่างประณีตพิถีพิถัน เพื่อรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยเหนือระดับ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เผยโฉม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นสปอร์ต รุ่นไทเทเนียมพลัส และรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดคือรุ่นแพลทินัมi ฟอร์ดจะวางจำหน่ายรุ่นย่อยต่างๆ แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างเหมาะสม โดยรายละเอียดอื่นๆ จะได้รับการเปิดเผยช่วงใกล้การเปิดตัวในประเทศนั้นๆ ระยะฐานล้อที่กว้างและระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้นทำให้นักออกแบบสร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนมากขึ้นให้กับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ สะท้อนดีเอ็นเอด้านการออกแบบระดับโลกของฟอร์ดอย่างชัดเจนบนไฟหน้าใหม่รูปตัว C และลายเส้นอันทรงพลังบนกระจังหน้า ส่วนหน้าของรถยังมีการผสมผสานขององค์ประกอบที่มีทั้งแนวตั้งและแนวนอน สื่อถึงเสถียรภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้น เส้นด้านข้างตัวถังทอดยาวจากด้านหน้าจรดท้ายรถเน้นการออกแบบตัวถังที่สะดุดตา ฐานล้อที่กว้างทำให้ซุ้มล้อใหญ่โดดเด่น เพิ่มความแข็งแกร่งและทันสมัยให้กับรถ

ความกว้างขวางในห้องโดยสารฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เกิดจากการออกแบบที่สอดรับกันหลายส่วน ตั้งแต่แผงหน้าปัดด้านหน้าที่วางเต็มความกว้างของพื้นที่ คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า ในบางรุ่นรถยังรองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter หุ้มด้วยหนังสวยงามจับถนัดมือ พร้อมเบรกไฟฟ้า เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับอุณภูมิและระบายอากาศได้ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเบาะนั่งแถว 2 ยังสามารถปรับอุณภูมิได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย เบาะนั่งแถวที่ 3 เข้า-ออกได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบให้เบาะนั่งแถวที่ 2 ขยับมาด้านหน้ามากกว่าเดิม นอกจากนี้ ผู้โดยสารทุกคนยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระ และชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเองได้ด้วยการติดตั้งปลั๊กไฟทั้ง 3 แถว ฟอร์ดให้ความสำคัญกับเบาะนั่งที่ปรับได้หลายแบบ โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งทำให้รถจุผู้โดยสารได้ 7 คน แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับได้แบบไฟฟ้าสำหรับบางรุ่น ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาวๆ ได้อย่างปลอดภัย ทีมออกแบบคิดค้นวิธีการป้องกันไม่ให้ของตกเมื่อเปิดประตูท้ายรถ โดยสร้างขอบเล็กๆ ที่เรียกกันเองในทีมว่า “จุดดักแอปเปิ้ล” (Apple catcher) บริเวณด้านหลังของที่เก็บสัมภาระ และยังมีที่เก็บของใต้พื้นรถเพื่อความเป็นระเบียบของห้องโดยสาร

นอกจากความประณีตและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นแล้ว ฟอร์ดยังให้ความสำคัญกับการยกระดับอุปกรณ์เชื่อมต่อการสื่อสารและเทคโนโลยีอันทันสมัยภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 หรือ 12.4 นิ้วขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย และยังมีหน้าจอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว อีกด้วย ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และเข้าถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึงการติดตั้งโมเด็มมาจากโรงงานเพื่อให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass™) เพื่อยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถด้วยความสามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่างๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อค และปลดล็อคผ่านโทรศัพท์มือถือ หน้าจอทัชสกรีนแนวตั้งยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา โดยมีหน้าจอแยกส่วนเพื่อให้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเดินทางบนสภาพเส้นทางที่มีความสมบุกสมบัน

เครื่องยนต์ใหม่และขุมพลังเหนือชั้น เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ ให้กำลังและแรงบิดในแบบที่ลูกค้าต้องการจากเครื่องยนต์ขนาดใหญ่” ปริติกา มหาราช ผู้จัดการโครงการฟอร์ด เอเวอเรสต์ กล่าว “เครื่องยนต์แข็งแกร่งมากในแง่ของพละกำลังและแรงบิดที่มหาศาล แต่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบเมื่ออยู่บนถนน” ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ที่เหมาะกับไลฟสไตล์ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ อีก 2 แบบ ทั้งที่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบซีเล็กชิฟท์ 10 สปีดอันทรงประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวเน้นให้พละกำลัง แรงบิด และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงและชาญฉลาดสำหรับลูกค้าที่ต้องการกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้น และยังคงคำนึงถึงเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมพาคุณไปสัมผัสทุกการผจญภัย ด้วยตัวเลือกระบบการขับขี่ 4 ล้อ 2 รูปแบบ วัสดุป้องกันช่วงล่าง โหมดการขับขี่ออฟโรดที่หลากหลาย เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ตะขอคู่หน้า และช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch ระบบการขับขี่ 4 ล้อทั้ง 2 รูปแบบ ประกอบด้วย เกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ พร้อมการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ขณะรถเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า (Electronic Shift-On-The-Fly) หรือเรียกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงแบบฟูลไทม์ ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case - EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งานให้เหมาะกับสภาพถนนได้ และในบางประเทศ เอเวอเรสต์ ยังมาพร้อมตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อด้วย หน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดในเอเวอเรสต์ แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและสภาพเส้นทางด้านหน้าจากกล้องหน้าพร้อมกับแนวเส้นกะระยะ ช่วยผู้ขับขี่ฝ่าทุกอุปสรรคได้ง่ายขึ้น เพียงกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูข้อมูลได้ครบครัน ทั้งระบบส่งกำลังและระบบล็อกเฟืองท้าย มุมการบังคับควบคุมพวงมาลัย และระดับความเอียงของรถ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร และมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม (พร้อมเบรก) ขณะที่ห้องเครื่องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับแบตเตอรี่สำรองอีกลูก เพื่อส่งมอบพลังให้กับอุปกรณ์เสริม ราวหลังคาของเอเวอเรสต์เป็นมากกว่าการออกแบบเพื่อความสวยงาม แต่นี่คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการผจญภัยโดยเฉพาะ รองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัมขณะรถจอดอยู่กับที่ และรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ มอบการใช้งานแบบอเนกประสงค์ยิ่งขึ้นเพื่อบรรทุกสิ่งของ เช่น จักรยาน เรือแคนู กล่องสัมภาระ ไปจนถึงเต็นท์บนหลังคารถ พร้อมจุดยึดที่รองรับการใช้งานหลากหลายเหมาะสำหรับการติดตั้งหรือใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ

เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ เริ่มต้นจากถุงลมนิรภัยใหม่ติดตั้งระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า เพิ่มการป้องกันในกรณีที่มีการชนจากด้านข้าง และถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้าป้องกันเข่าและขา ทำให้เอเวอเรสต์มาพร้อมถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 9 ตำแหน่ง รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างระดับหน้าอกทั้ง 2 ฟาก และม่านถุงลมนิรภัยคู่ด้านข้างครอบคลุมถึงที่นั่ง 3 แถว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่จำหน่าย ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างปลอดภัยเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็วและเบรกในการจอดรถแบบขนานหรือเข้าช่องจอดได้อย่างง่ายดาย และระบบจะนำรถออกจากที่จอดรถแบบขนานเมื่อได้รับคำสั่ง ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ที่มีในบางรุ่นและบางประเทศ มอบทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติอันชาญฉลาด ได้แก่ ระบบปรับระดับแสงไฟตามความเร็วอัตโนมัติที่ปรับความสว่างของแสงไฟด้านหน้าตามระดับความเร็วของรถ นอกจากนี้ ไฟหน้ายังมาพร้อมความสามารถในการปรับแสงตามการเลี้ยวทั้งขณะจอดนิ่งและเคลื่อนที่ ไปจนถึงไฟสูงแบบป้องกันแสงสะท้อน มอบความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่และไม่รบกวนผู้ใช้ถนนคนอื่น

ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติใหม่ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีทั้งหมด 3 แบบ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่วางจำหน่าย ประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive cruise control with stop and go) ช่วยผู้ขับขี่รักษาความเร็วตามที่ตั้งไว้และรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า พร้อมเบรกให้รถจอดสนิทเมื่อจำเป็นระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive cruise control with stop and go and lane centering) จับเส้นแบ่งช่องทางและช่วยควบคุมให้รถอยู่ตรงกลางช่องทางได้ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent adaptive cruise control) อ่านป้ายจราจรและปรับความเร็วอัตโนมัติตามที่กำหนดได้

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ประกอบด้วย (ใหม่) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping system with road-edge detection) ช่วยป้องกันรถออกจากเส้นทางในพื้นที่ชนบท (ใหม่) ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive steer assist) ออกแบบให้ทำงานขณะขับขี่ในเมืองหรือบนทางด่วน โดยใช้เรดาร์และกล้องตรวจจับรถที่ขับด้วยความเร็วต่ำหรือหยุดนิ่งด้านหน้า และส่งแรงช่วยผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยหลบเพื่อลดความเสี่ยงจากการชน (ใหม่) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse brake assist) ช่วยให้ถอยหลังเพื่อเข้าซองจอดหรือจอดในพื้นที่แคบๆ ด้วยการเตือนด้วยเสียงและภาพ ระบบสามารถตรวจจับรถ จักรยาน และคนเดินถนนที่ผ่านมาด้านหลังได้ และยังช่วยเบรกให้รถจอดสนิทได้ด้วยหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองอย่างทันท่วงที (ใหม่) ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind spot information system with trailer coverage) ตรวจจับจุดบอดรอบคันรวมถึงส่วนต่อพ่วง โดยจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อระบบคาดว่าอาจเกิดอันตราย ระบบนี้รองรับเทรลเลอร์ที่มีความกว้างสูงสุด 2.4 เมตร และยาว 10 เมตรระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision assist with intersection functionality) ช่วยส่งแรงเบรกรถอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดผลกระทบจากอุบัติเหตุ ขณะที่ผู้ขับขี่กำลังเลี้ยวรถผ่านช่องทางที่มีรถวิ่งสวน เมื่อระบบประเมินว่าอาจเกิดการชนได้


โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บทพิสูจน์ MAZDA CX-5 ครอสโอเวอร์เอสยูวีโฉมใหม่ปรับดีไซน์ใหม่หรูหรา

มาสด้า ผู้บุกเบิกตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวี สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์มาแล้ว ทั่วโลก เดินหน้าปลุกกระแสตลาด

ขับนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ และอัลเมร่า กับทริป “Waycation: ขับสนุกตามแสงตะวัน”

นิสสัน พาสัมผัส คิกส์ อี-พาวเวอร์ และอัลเมร่า ขับเพลินในฤดูกาลท่องเที่ยวปลายฝนต้นหนาว ในทริป “Waycation ขับสนุกตามแสงตะวัน

ฉลองปีใหม่กับแคมเปญ “YES! NISSAN Plus Campaign นิสสัน พลัสเพิ่มความสุข กับบริการที่นิสสัน”

นิสสัน มอบความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เปิดตัวแคมเปญ “YES! NISSAN Plus Campaign นิสสัน พลัสเพิ่มความสุข กับบริการที่นิสสัน”

วัยอนุบาลก็สนุกได้ กับงาน MOTOR EXPO 2024

นักเรียนอนุบาล โรงเรียนกุมุทมาส เข้าร่วมกิจกรรมมากมายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ทั้งเรียนรู้ขับรถตามกฎจราจร ฝึกทักษะขับรถ F1 ชมรถโบราณ ฯลฯ

‘มิชลิน’ ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ในงาน Asia Pacific Media Day 2024

มิชลิน ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตวัสดุคอมโพสิตและการนำเสนอประสบการณ์การเดินทางเพื่อขับเคลื่อนชีวิตที่ดีกว่า จัดกิจกรรมครั้งใหญ่ Michelin Asia Pacific Media Day 2024