หลังจากที่ได้เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกในเมืองไทย ในงาน Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา จูนเหยา เปิดตัว “JY AIR” ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรก ซึ่งมี 2 รุ่นย่อย คือ JY AIR รุ่น Standard ที่มาพร้อมการรับประกัน 8 ปี หรือ 150,000 กม. และ JY AIR รุ่น Plus ที่มาพร้อมการรับประกัน 8 ปี หรือ 800,000 กม. ที่รับประกันยาวนานจนผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เพราะการันตีแบตเตอรี่จากบริษัทผู้ผลิตแบตเองโดยตรง สำหรับยอดจองในงาน Motor Expo 2024 จำหน่ายได้รวม 63 คัน เป็นรุ่น Plus ถึง 95% พร้อมส่งมอบปลายเดือนมกราคม 2568 และตอนนี้มีโชว์รูม 3 แห่ง คือที่ สุวินวงศ์ , นวมินทร์ และชลบุรี ส่วนแผนปีหน้าจะขยายเป็น 20-30 แห่งทั่วประเทศ ส่วนหามีการซ่อม ชิ้นส่วนอะไหล่การันตีว่ามาถึงใน 3 วันทำการ
มาวันนี้ “จูนเหยา” จัดการทดลองขับเพื่อให้สื่อมวลขนได้ร่วมสัมผัสสมรรถนะสัมผัสเทคโนโลยีอัจฉริยะ และสมรรถนะระดับ First Class จากยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก “JY AIR” บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – พัทยา โดย บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ในเครือเดียวกับบริษัท จูนเหยา กรุ๊ป (JuneYao Group) บริษัทแม่ของสายการบินจูนเหยา แอร์ไลน์ (JuneYao Airlines) หนึ่งในสายการบินเอกชนชั้นนำในประเทศจีน รุกตลาดรถยนต์เมืองไทย เปิดตัว “JY AIR” ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรก นำเสนอรูปแบบใหม่ของการเดินทาง ด้วยอีกขีดขั้นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อน ซึ่งพร้อมตอบรับกระแสความต้องการของผู้ขับขี่ยุคใหม่ ด้วยการผสมผสานนวัตกรรมการขับขี่ล้ำสมัย เพื่อสร้างความสะดวกสบายเหมือนอยู่บนสายการบินระดับ First Class
การทดลองขับบนเส้นทาง กรุงเทพฯ – พัทยา – กรุงเทพฯ จากจุดเริ่มต้นที่ Parc Bangna คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ย่าน บางนา – ศรีนครินทร์ ก่อนมุ่งหน้าสู่ แลนด์มาร์คใหม่แห่งเมืองพัทยาแบบ Free Run เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ณ “Castello Di Bellagio” (แคสเทลโล ดิ เบลลาจิโอ้) ร้านอาหารสไตล์เวสเทิร์น ที่น่าโดดเด่นด้วยรสชาติอาหาร ท่ามกลางบรรยากาศปราสาท ซึ่งมีแรงบันดาลใจในการสร้างจากประเทศอิตาลี ก่อนจะเดินทางแบบ Free Run อีกครั้ง เพื่อกลับสู่ PARC Bangna รวมเป็นระยะทางไป-กลับ ประมาณ 300 กม.จากการได้ทดลองขับ สัมผัสแรกเมื่อเห็นภายนอก รู้สึกถึงการออกแบบที่ล้ำสมัย เรียบง่าย แฝงความหรูหรา ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งให้กว้างขวาง และเรียบง่าย มีการจัดวางและออกแบบได้ลงตัว จากการทดลองขับ JY AIR รุ่น Plus สมรรถนะและอัตราเร่งทำได้ดีสไตล์รถไฟฟ้า แรงแต่ไม่ดุดัน พละกำลังมาแบบผู้ดี นุ่มนวล สำหรับการเก็บเสียง เมื่อความเร็ว 110 กม./ ชม. ขึ้นไปจะได้ยินเสียงลมเข้ามาจากข้างประตู น้ำหนักพวงมาลัยแม่นยำ เบาที่ความเร็วต่ำ และหน่วงเมื่อความเร็วสูง น้ำหนักในการเบรกต้องกดลึกพอสมควร มุมมองจากด้านหน้าโปร่งขับง่าย แต่เมื่อมองกระจกหลังจะมีมุมมองแคบตามสไตล์รถแฮชแบค นอกจากนี้ในรุ่น Plus มีหลังคาแก้วที่ยาวจากด้านหน้า ถึงด้านหลังให้มุมมอง คือความโปร่ง สวยงาม แต่เป็นกระจกเมื่อขับขี่กลางวันจึงมีไอร้อนเข้ามา ทำเอาคนนั่งด้านหลังร้อนพอสมควร เนื่องจากแอร์ด้านหลัง ไม่สามารถแยกซ้าย – ขวา ได้ ทางจูนเหยาแจ้งว่ามีม่านหลังคาแยกจำหน่าย ส่วนเบาะผู้โดยสารสามารถเปิด ปิดเบาะ จากในรถเพื่อหยิบสัมภาระได้ พื้นที่เก็ยสัมภาระด้านท้ายกว้างและฝาท้ายเปิด ปิด ด้วระบบไฟฟ้า สามารถปรับระดับได้ โดยรวมเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับสนุก ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง นุ่มสไตล์ผู้ดี ดีไซน์เรียบง่าย วัสดุภายในดูดี หากจะถามถึงความคุ้มค่าต้องแล้วแต่ผู้ใช้ แต่ถ้าส่วนตัวผู้เขียนมีความเห็นว่า เพิ่มส่วนต่างเงิน 110,000 แสนบาท เลือกรุ่น Plus จะได้เบาะคู่หน้าไฟฟ้า ที่ชาร์จไร้สาย หลังคาแก้ว ขับได้ไกลกว่า และยังมีออฟชั่นอื่นๆอีก ทั้งการรับประกันแบตเตอรี่ในรุ่น Plus คือ 8 ปี หรือ 8 แสนกิโลเมตรตลอดเส้นทางได้สัมผัสกับสมรรถนะของ “JY AIR” ในหลากหลายรูปแบบของการขับขี่ จากทั้ง 2 รุ่นย่อย เริ่มจาก JY AIR รุ่น Standard ที่มากับขนาดความจุแบตเตอรี่ 51 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ให้พละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า (150 kW) และ JY AIR รุ่น Plus ที่มากับขนาดความจุแบตเตอรี่ 64 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ให้พละกำลังสูงสุด 214 แรงม้า (160 kW) โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมสมรรถนะที่เร้าใจผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งทำอัตราเร่งจาก 0 -100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 170 กม./ชม. โดยใน JY AIR รุ่น Standard มีระยะทางวิ่งสูงสุด NEDC อยู่ที่ 430 กิโลเมตร ขณะที่ JY AIR รุ่น Plus มีระยะทางวิ่งสูงสุด NEDC อยู่ที่ 520 กิโลเมตรด้านการชาร์จไฟของ JY AIR ในรุ่น Standard การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุด 70 กิโลวัตต์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการชาร์จไฟจาก 30% ถึง 80% ส่วน JY AIR รุ่น Plus การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 90 กิโลวัตต์ และใช้เวลาประมาณ 21 นาทีเท่านั้น สำหรับการชาร์จไฟจาก 30% ถึง 80%โดยนอกจาก “สมรรรถนะ” ของ “JY AIR” ทั้ง 2 รุ่นย่อย ที่จะได้สัมผัสแล้วเป็นครั้งแรกแล้ว กิจกรรมในครั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยได้สัมผัสกับคุณสมบัติโดดเด่น และเทคโนโลยีสุดล้ำของ “JY AIR” ทั้ง 2 รุ่นย่อย ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย อาทิเช่น แนวคิด “ONE BOX” ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องความกว้างขวาง สะดวกสบาย ผสมผสานกับงานดีไซน์ภายใต้หลักแอโรไดนามิกส์ ด้วยแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยาน เช่น ช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้า และมุมกันชนหน้า ที่ลงตัวกับสปอยเลอร์ฝากระโปรง และบริเวณใต้กันชนหลัง รวมถึงงานออกแบบล้ออัลลอยด้วยลวดลาย Turbo Fan ซึ่งทั้งหมดช่วยให้ “JY AIR” มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ต่ำเพียง 0.23 cd เท่านั้น
ส่วนภายในห้องโดยสารของ “JY AIR” ที่ได้รับการตกแต่ง และเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง อีกทั้งงานดีไซน์ภายนอกภายใต้หลักแอโรไดนามิกส์ ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์โดยสารที่หรูหรา เงียบสงบ และผ่อนคลาย ในระดับเดียวกับสายการบิน First Class ให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร รวมไปถึงออปชั่นมาตรฐานต่างๆ ที่สะดวกสบายต่อการใช้งาน เช่น หน้าจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้วสำหรับ ผู้ขับขี่ ที่มาพร้อมหน้าจอ Intelligent Display ขนาด 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ทั้ง Apple Carplay, Android Auto, Bluetooth, บริการแอปพลิเคชันบนมือถือ และหลังคาพาโนรามาขนาด 2.072 ตร.ม. สำหรับ JY AIR รุ่น Plus ที่ช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย ทั้งยังมอบความอเนกประสงค์ในการใช้งานด้วยห้องเก็บสัมภาระขนาด 420 ลิตร ซึ่งปรับเพิ่มเป็น 1,338 ลิตรได้เมื่อพับเบาะหลัง
“JY AIR” มากับความล้ำสมัยด้วยระบบปฏิบัติการ Crystal OS ประสิทธิภาพสูง โดยทีมวิจัย และพัฒนาของจูนเหยา ซึ่งระบบ Crystal OS นี้มีฟีเจอร์ควบคุม และสั่งงานแบบอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทุกฟังก์ชันได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทั้งยังรองรับการตั้งค่าตามสภาพถนนได้แบบเรียลไทม์ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น ควบคู่ไปกับมั่นใจจากระบบความปลอดภัยต่างๆ ตั้งแต่แพลตฟอร์ม SKY EV เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับห้าดาว ที่สามารถรองรับการพัฒนารุ่นรถใหม่สำหรับทั่วโลก และครอบคลุมตั้งแต่ประเภท A ไปจนถึงรถซีดานคลาส C, SUV, Coupe, MPV และอื่นๆ ตลอดจนโครงสร้างตัวถังที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจาก CNCAP และ Euro NCAP ระดับ 5 ดาว
เสริมด้วยความล้ำสมัยของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Advanced Driving Assistant System Level 2+ ด้วยฟีเจอร์ช่วยเหลือขั้นสูงที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ช่วยในการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า, ระบบช่วยจอด, ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบควบคุมการเปลี่ยนเลน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดขณะขับขี่ รถรุ่นนี้ยังได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยระดับสูงตามมาตรฐาน NCAP และ E-NCAP ระดับ 5 ดาว ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง
โดย “JY AIR” มากับสีตัวรถให้เลือก 4 สี ประกอบด้วย สีขาว Moon White, สีฟ้า Meteorite Blue, สีเขียว Aurora Green,และ สีดำ Galactic Black พร้อมราคาเริ่มต้น 759,000 บาท สำหรับ JY AIR รุ่น Standard และ 869,000 บาท สำหรับ JY AIR รุ่น Plus
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบอัจฉริยะของ JY AIR ได้ที่โชว์รูมทั้ง 3 แห่ง คือที่ สุวินวงศ์ , นวมินทร์ และชลบุรี และจะขยายเป็น 20-30 แห่งในปีหน้า ซึ่งสามารถติดตามโปรโมชั่นที่น่าสนใจได้ทางเว็บไซต์ www.juneyaoauto.com และเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/Juneyaothailand รวมถึงข่าวสารเกี่ยวกับโปรแกรมการจอง การรับประกัน และสิทธิพิเศษอื่น ๆ ที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน
โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โชว์ต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง ลดฝุ่นอากาศสะอาดทุกลมหายใจ
"อากาศบริสุทธิ์ใน กทม.เป็นจริงได้ ด้วยจุดเปลี่ยนร่วมมือร่วมใจ ให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องได้" ด้วยแนวคิดข้างต้น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)