บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมันของ “ฮอนด้า ซีวิค ใหม่” ยนตรกรรมไอคอนสปอร์ตพรีเมียมซีดานของฮอนด้า บนเส้นทาง กรุงเทพฯ สู่เขาใหญ่ รวมระยะทางไป-กลับ กว่า 342 กิโลเมตร โดยมีรถยนต์ทั้ง 2 ทางเลือก ขุมพลังการขับเคลื่อน ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลังเทอร์โบเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมสร้างความมั่นใจตลอดเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆที่ครบครัน* อาทิ ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS) อีกทั้งมีการปรับโฉมและเพิ่มเติมคุณค่าในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ภายนอกที่อัปลุคความสปอร์ตพรีเมียมไปอีกขั้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมยกระดับสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อาทิ ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบาย อาทิ ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง และ เบาะที่นั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อยเส้นทางการทดสอบสมรรถนะ มีทั้งฝ่าการจราจรในเมือง และขับขี่นอกเมือง ผ่านทางเลี้ยวโค้ง และช่วงเขาเพื่อพิสูจน์พละกำลังของรถยนต์ โดยได้สัมผัสกับความแรงเร้าใจ ที่มาพร้อมอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมของระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว กับเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึงถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร มอบความแรง และประหยัด ไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง** พร้อมสัมผัสการทำงานของระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด โดยระบบจะเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับระดับของแบตเตอรี่ สภาพถนน และพฤติกรรมในการขับขี่ระหว่างโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่แบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) และ ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV เพื่อมอบการขับขี่ที่โดนใจสไตล์คุณ นอกจากนี้ยังมาพร้อมอีกหนึ่งทางเลือกขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC TURBO มอบกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบต่อนาที และอัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตรนอกจากนี้ ยังได้ทดลองใช้งานเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ครั้งนี้มีการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานใหม่ให้สามารถตรวจจับ รถยนต์ จักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน ผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น บนเส้นทางจริง โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) และมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆ อาทิ ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
ภายนอก ได้มีการอัปลุคให้สปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น มาพร้อม ใหม่ กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ไฟท้าย LED รมดำ ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต และในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว
ส่วนภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบายที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เบาะที่นั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 และช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งเทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่ออันล้ำสมัยที่ครบครัน* อาทิ ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto และ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ในทุกรุ่นย่อย เป็นต้น โดยมีสีภายนอกที่มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ส่วนราคาฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย รุ่น e:HEV RS ราคา 1,239,000 บาท รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,099,000 บาท รุ่น EL+ราคา1,039,000 บาท
โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เริ่มแล้ว มหกรรมลดราคาแรงสนั่นเมืองที่บี-ควิกทุกสาขาทั่วประเทศ
B-QUIK EXPO 2024 | งานมหกรรมลดราคาแรงสนั่นเมือง พิเศษ! พบกับบูธกิจกรรมของซัพพลายเออร์และรับของแถมเพิ่มเติมได้ที่บูธกิจกรรม
สรยท.จับมือไทยฮอนด้า จัดอบรมหลักสูตรขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน
สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมกับบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด จัดกิจกรรม ‘อบรมขับขี่รถจักรยานยนต์
ครั้งแรกในไทย การประมูล เมอร์เซเดส-เบนซ์ เรียลไทม์ออนไลน์ อย่างเป็นทางการ
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการทางการเงินสำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ และให้บริการอื่นๆ
มูลนิธิกลุ่มอีซูซุมอบเงินสนับสนุนกว่า 2 ล้านบาท สานต่อกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์
มร. ทาคาชิ ฮาตะ ประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ยึดมั่นในวิสัยทัศน์องค์กร คือ
คอนติเนนทอล จัดงานโชว์เคสไลน์อัพนวัตกรรมยานยนต์ และยางรถยนต์แบบครบวงจร
คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก และคอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์และยางรถยนต์ระดับโลก
ยัวซ่า แบตเตอรี่ จัดโครงการ “YUASA FOOTBALL INSPIRATION 2024”
กิจกรรม “YUASA FOOTBALL INSPIRATION 2024” จัดขึ้นเป็นสนามที่ 4 อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา