ร่วมสัมผัสมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ขับขี่ที่สุดสนุกเร้าใจสไตล์โกคาร์ท

มินิ ประเทศไทย นำสื่อมวลชนไทยเหยียบคันเร่งเต็มสปีดเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ กับมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ มินิพลังงานไฟฟ้า 3 ประตูรุ่นใหม่ล่าสุด ในเจเนอเรชันที่ 5 ซึ่งครบเครื่องทั้งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีไซน์สไตล์มินิมอลที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจในแบบโกคาร์ท โดยการทดลองขับรถยนต์มินิครั้งนี้เป็นการขับขี่บนเส้นทางไป-กลับระหว่างจังหวัดปทุมธานีและสระบุรีสื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะในสถานการณ์ใช้งานจริง ด้วยขุมพลังขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ จากการส่งกำลัง 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ฉับไวในเวลาเพียง 6.7 วินาที ทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทไว้อย่างครบถ้วน พร้อมสัมผัสฟีเจอร์ใหม่อันโดดเด่นภายในห้องโดยสาร จากหน้าจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูง MINI Interaction Unit ทรงกลมขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลด้านหน้า และโหมดการใช้งาน MINI Experience ทั้ง 7 โหมด ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย เติมสีสันและความสนุกสนานให้กับทุกเส้นทางรถคันที่ผู้เขียนทดสอบ ได้ทดลองนั่งจริงทุกตำแหน่ง โดยไปกัน 4 คน แต่ละคนมีความสูงแตกต่างกัน คนแรกความสูง 185 ซม.จะมีอุปสรรคในการเข้าออกรถ การนั่งช่วงศีรษะค่อนข้างติด เบาะพอดีตัวแบบดิ้นไม่หลุด สำหรับการทดลองนั่งด้านหลังไม่ต้องพูดถึง ถ้ายัดเข้าไปได้ แต่ลองนั่งไม่ได้เพราะติดช่วงขาและศีษระ คนถัดมาสูง 170 แต่ค่อนข้างท้วม การเข้าออกรถไม่มีปัญหา ติดที่ตัวเบาะนั่งด้านหน้าจะเล็กไปหน่อยนั่งแบบล้นล้นส่วนด้านหลังนั่งไม่ได้เช่นกัน คนต่อไปสูง 170 ซม. รูปร่างสมส่วน นั่งด้านหน้าพอดีตำแหน่งต่างๆลงตัว ส่วนด้านหลังนั่งได้ แต่เบาะคู่หน้าต้องเลื่อนขึ้นไปเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา นั่งใกล้ๆไม่เป็นปัญหา ถ้าไกลๆมีเหนื่อย และตัวผู้เขียนเองสูง 160 ซม.จะนั่งตำแหน่งไหนก็พอดี ไม่ติดเพราะตัวเล็ก ได้ลองนั่งด้านหลัง ก็ยังคงต้องให้ปรับเบาะคู่เลื่อนขึ้นไป เพราะตำแหน่งวางขาค่อนข้างพอดีแบบเปลี่ยนท่าทางลำบาก สรุป ด้านหลังเหมาะสำหรับเด็กเล็ก หรือไม่ก็วางสัมภาระขุมพลังและการขับเคลื่อน ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่ผ่านการเสริมสมรรถนะมาอย่างรอบด้าน ส่งกำลัง 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ฉับไวใน 6.7 วินาที ทั้งยังทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้นและขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short overhang) ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทไว้ได้อย่างครบถ้วน การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ แบตเตอรี่แรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมงในมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ พร้อมส่งพลังงานสำหรับการเดินทางที่ระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนี้ ตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่ในพื้นรถยังทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกาะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยมจากการที่นั่งไป 4 คน ไม่ได้เป็นปัญหาเลย รถยังคงมีพละกำลังเหลือเฟือ ส่วนความนุ่มนวลหากเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ มินิใหม่มีเบาะนั่งนิ่มขึ้น และการซับแรงกระแทกทำได้ดีขึ้น นุ่มนวลขึ้น ทำให้นั่งสบายมากขึ้น การขับขี่ทำได้คล่องตัว เร่งแซงกระฉับกระเฉง ขับสนุกสไตล์รถโกคาร์ท ในส่วนอัตราความประหยัดไปได้จริงตามที่เคลมมา สิ่งที่ประทับใจในมินิคันนี้ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าเป็นรถที่ขับสนุก คล่องตัว ประหยัด ส่วนอรรถประโยชน์การใช้งานการขนสัมภาระ ก็แล้วแต่ส่วนตัวแต่ละคนที่เห็นไม่ตรงกัน มินิ ก็บอกอยู่แล้วว่า มินิ ไม่ได้ทำมาเพื่อขนของ หรือเน้นที่ความสบาย แต่เน้นที่สมรรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนานและมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ให้มาแบบจัดเต็ม ขับขี่แบบมั่นใจได้ โดยมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ มีราคาจำหน่ายที่ 1,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ในเจเนอเรชันที่ 5 นี้ ได้นำดีไซน์ดีเอ็นเอดั้งเดิมของความเป็นมินิ มาผสมผสานเข้านวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100% กับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างลงตัว ต่อยอดประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบ "Electrified Go-Kart" ที่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับนักขับมาแล้วทั่วโลก ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ในแบบมินิมอลสุดล้ำและนวัตกรรมดิจิทัลที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งตัวถังของมินิเจเนอเรชั่นใหม่นี้ ได้รับการออกแบบมาสำหรับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ และมีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตรเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อแรกเห็น มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ จะรู้สึกได้ถึงความโดดเด่นสะดุดตาจากงานออกแบบใหม่ตามแนวคิด ‘ความเรียบง่ายอันทรงเสน่ห์’ ที่แม้จะดูเปลี่ยนไปตามนิยามใหม่ แต่ยังคงรักษาองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิเอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งส่วนหน้ารถที่สั้น ฐานล้อยาว และล้อขนาดใหญ่ที่เติมบุคลิกความสปอร์ตแบบเต็มพิกัด ในขณะที่โฉมใหม่ในสไตล์มินิ
มอลของมินิ คูเปอร์ เอสอี รุ่นนี้ยังสามารถสังเกตเห็นได้จากมือจับประตูที่กลมกลืนกับพื้นผิวของตัวรถ เช่นเดียวกับซุ้มล้อและขอบด้านข้างรถที่เสมอกับผิวตัวถังรอบคัน ซึ่งเป็นไปตามแบบฉบับของมินิรุ่นคลาสสิก ทำให้รถดูมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่ด้านหน้าของรถยังคงโดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลมอันเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ประจำตัว และยังสามารถสร้างสีสันที่สะท้อนสไตล์และตัวตนของผู้ขับขี่ได้เด่นชัดยิ่งกว่าเดิมด้วยโหมดไฟซิกเนเจอร์ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW ดูสะดุดตาเคียงข้างกับกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่ที่ขับเน้นความสปอร์ตจากกรอบสีเงิน Vibrant Silver สไตล์ความมินิมอลในงานออกแบบยังเห็นได้จากด้านข้างตัวถังที่ไม่มีแถบสีดำ เข้าคู่กับตัวถังที่เพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28 เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน ส่วนด้านท้ายสวยสะอาดตามีสัดส่วนและเส้นสายของตัวรถที่ดูทรงพลัง และคาดกลางด้วยแถบสีดำแนวนอนบริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงท้าย

ห้องโดยสารของมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเรียบง่ายและความยั่งยืนควบคู่กัน โดยแผงหน้าปัด แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่าง ๆ ภายในรถล้วนผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 90% ส่วนเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตยังคงความหรูหราและนุ่มสบายเช่นเคยด้วย Vescin สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่ของมินิที่นำมาใช้แทนหนัง ซึ่งเป็นการเลือกใช้วัสดุที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังมีความสวยงามและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม และแม้แต่ภายนอก ล้อของมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ก็ยังตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนด้วยการใช้อลูมิเนียมรีไซเคิล มินิรุ่นล่าสุดนี้จะมาพร้อมกับชุดแต่ง Favoured Trim เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อขนาด 18 นิ้วแบบ Slide spoke ในดีไซน์ทูโทน ส่วนพื้นผิวหน้าแผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน ในขณะที่กล่องเก็บของที่บุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ พร้อมสายผ้าสำหรับใช้ช่วยเปิดที่เก็บของให้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น

สำหรับฟีเจอร์ที่โดดเด่นในห้องโดยสารของมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ที่สะท้อนตัวตนของมินิเวอร์ชั่นต้นตำรับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 คือหน้าจอ MINI Interaction Unit ทรงกลมขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลด้านหน้า ซึ่งเป็นจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูง นำเสนอประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายในแบบฉบับที่ไม่ต่างจากการใช้สมาร์ทโฟน โดยส่วนบนของหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถและสถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลงและความบันเทิงอื่น ๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้อย่างครบครันและสะดวกง่ายดาย นอกจากนี้ ระบบ Head-up Display ก็ช่วยให้
ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญของตัวรถได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนอีกด้วย

หน้าจอ MINI Interaction Unit ยังถือเป็นหัวใจสำคัญของโหมดการใช้งาน MINI Experience ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ และเติมสีสันให้กับทุกเส้นทางได้ตามใจชอบ ด้วย 7 โหมดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับขี่ของตัวรถ เสียงจำลองที่ช่วยเสริมบรรยากาศการขับขี่ และสีสันจากหน้าจอรวมทั้งระบบไฟภายในห้องโดยสาร โดยในโหมดมาตรฐาน ‘Core Mode’ ห้องโดยสารจะได้รับการตกแต่งด้วยหน้าจอและไฟในโทนสี Laguna ที่เป็นหนึ่งในสีประจำตัวของมินิ พร้อมการขับขี่โหมด Comfort และเสียงจำลองแบบมาตรฐานที่ทั้งผู้ขับขี่และบุคคลภายนอกจะได้ยินไปด้วยกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่การขับขี่และคนเดินถนน ‘Go-Kart Mode' จะเปลี่ยนชุดสีหน้าจอเป็นสีดำ Anthracite ผสมกับสีแดง และระบบไฟ ambient light สีแดง เติมความดุดันให้เข้ากับการขับขี่ในแบบสปอร์ตด้วยเสียงเครื่องยนต์จากรุ่นจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ที่ปรับแต่งมาเพื่อสร้างความเร้าใจโดยเฉพาะ ส่วน 'Green Mode' จะตั้งค่ารถเป็นโหมดการขับขี่แบบมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่สูงสุด ขณะที่หน้าจอและระบบไฟส่องสว่างจะมาในสีเขียวนวลตา

นอกเหนือจาก 3 โหมดหลักนี้ MINI Interaction Unit ยังมาพร้อมกับบุคลิกและลูกเล่นที่โดดเด่นมากขึ้นในอีก 4 โหมด นับตั้งแต่ความสามารถในการซิงค์แสงไฟภายในกับภาพปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นใน ‘Vivid Mode’ จากการใช้เทคโนโลยีลูกเล่นสี “Color Grabber” และการรองรับภาพพื้นหลังที่เลือกเองได้ใน ‘Personal Mode’ ไปจนถึงการสะท้อนภาพประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกของมินิ ผ่านทั้งภาพและเสียงใน ‘Timeless Mode’ หรือบรรยากาศความเรียบง่าย สงบ สบายใน ‘Balance Mode’

ด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซลด้านหน้า ผู้ขับจะได้พบกับแผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่หวนคืนมาจากมินิรุ่นคลาสสิก โดย Toggle Bar ใหม่นี้ จะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ ในการขับขี่ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทั้งเบรกมือ สวิตช์เลือกเกียร์ สวิตช์หมุนสตาร์ท/ดับเครื่อง สวิตช์สลับโหมด MINI Experience หรือปุ่มการควบคุมระดับเสียงเพลง

อีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ในมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ที่จะมาปฏิวัติวงการไม่ต่างจากหน้าจอ OLED ก็คือผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมตอบสนองทุกคำสั่ง เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!” หรือจะเลือกกดปุ่มสั่งการด้วยเสียงบนพวงมาลัยก็สะดวกไม่แพ้กัน ซึ่งนอกจากแค่การรับคำสั่ง MINI Intelligent Personal Assistant ยังสามารถปรากฏตัวทักทายคุณบนหน้าจอ MINI Interaction Unit ในรูปของรถ “MINI” ที่เป็นหน้าตาแบบมาตรฐาน หรืออาจเลือกอัปเกรดผ่านแพ็คเกจ MINI Connected ให้เป็นน้องหมา “Spike” ที่แฟน ๆ ต้องหลงรักก็ได้

เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่พัฒนาด้วยมือของทีมงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บนพื้นฐานของ Android Open Source Project (AOSP) เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายดายด้วยระบบสัมผัส แสดงผลด้วยภาพกราฟิกเคลื่อนไหวที่สวยงามในทุกหน้าจอ และทำงานร่วมกับฟังก์ชันอื่น ๆ ได้หลากหลาย เช่น เชื่อมต่อกับแพ็คเกจ MINI Navigation ขณะขับขี่เพื่อช่วยนำทางด้วยระบบคลาวด์ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบ 5G ในตัว และยังสามารถแสดงภาพสามมิติเพื่อช่วยนำทางผ่านจุดเลี้ยวที่ซับซ้อนได้อย่างมั่นใจ ส่วน MINI Connected Store ยังมอบแอปพลิเคชันที่หลากหลาย ครบครันทั้งแอปเพื่อการใช้งานและความบันเทิง รวมถึงเกม แอปสตรีมเพลงและวิดีโอ

มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงฟังก์ชันจอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant และแพ็คเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัปเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) โดยลูกค้าสามารถเลือกสมัครได้ในแบบ 1 เดือน 1 ปี 3 ปี และตลอดอายุการใช้งาน ส่วนฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับ ด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอชให้เป็นกุญแจรถ ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวรถ และสามารถปลดล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งพร้อมจะออกเดินทาง นอกจากนี้ยังสามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย ยกระดับอารมณ์การขับขี่แบบ Go-Kart ด้วยเทคโนโลยีระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

ในด้านสมรรถนะรถ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่ผ่านการเสริมสมรรถนะมาอย่างรอบด้าน ส่งกำลัง 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ฉับไวใน 6.7 วินาที ทั้งยังทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้นและขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short overhang) ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทไว้ได้อย่างครบถ้วน การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ แบตเตอรี่แรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมงในมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ พร้อมส่งพลังงานสำหรับการเดินทางที่ระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนี้ ตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่ในพื้นรถยังทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกาะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม

แบตเตอรี่ของมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่รุ่นนี้ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่าง ๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่น ๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App

มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ พร้อมให้นักขับชาวไทยเป็นเจ้าของได้แล้วที่ราคา 1,699,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ MSI Standard โดยมี 6 สีให้เลือก ได้แก่ Blazing Blue, Nanuq White, Melting Silver ที่มาพร้อมกับหลังคาสีดำ Jetblack และ British Racing Green, Sunny Side Yellow, Chili Red II ที่ให้ลูกค้าเลือกหลังคาดำ Jetblack หรือสีขาว Glazed White

ข้อเสนอพิเศษสำหรับมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่*

  • ลูกค้าที่จอง มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ และทำสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม โดยมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับข้อเสนอผ่อนต่อเดือนเริ่มต้น 11,555 บาท/เดือน*
  • สำหรับลูกค้าเก่าและลูกค้าปัจจุบันที่มีสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย เมื่อจอง มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ และทำสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม โดยมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับข้อเสนอขยายแพ็คเกจรับประกัน MINI Extended Protect (Extended warranty) สูงสุด 2 ปี (มูลค่ารวม 25,970 บาท)*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ MINI Contact Center 1397


โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มินิ เปิดตัว 4 รุ่นใหม่

มินิ ประเทศไทย เหยียบคันเร่งเต็มสปีดเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ลุยเปิดตัวมินิใหม่ล่าสุด ในเจเนอเรชันที่ 5 แบบ

เปิดรับพรีออเดอร์ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ พร้อมข้อเสนอ MINI Connected Package

มินิ ประเทศไทย เตรียมปลุกกระแสยานยนต์ไฟฟ้าให้โลดแล่นทั่วท้องถนนเมืองไทย ส่ง มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 ของมินิ คูเปอร์

มินิ เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ สปอร์ต คลาสสิคสไตล์มินิ พร้อมแจ้งปรับราคาบางรุ่นเดือน มิย.นี้

มินิ ประเทศไทย รุกตลาดเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพ็ค เปิดตัวมินิ 2 รุ่นล่าสุด มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition และ มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition

เปิดตัว MINI Electric Collection Edition รุ่นพิเศษกับหลังคา Multitone จำนวนจำกัด

หลังจากที่เปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรก พร้อมการตอบรับอย่างดียิ่งจากแฟน ๆ ในไทย มินิ ประเทศไทย รุกต่อเนื่องรับกระแสการขับเคลื่อนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพรีเมียมคอมแพค

EA ผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ร่วมสร้างประสบการณ์ มินิ ประเทศไทย ทดสอบการอัดประจุไฟฟ้าแบบ DC Fast Charge

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ร่วมสร้างประสบการณ์ กับ มินิ ประเทศไทย