ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สปอร์ตพรีเมียม 2 ทางเลือก ทั้งฟูลไฮบริด และขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ไอคอนยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานของฮอนด้า ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ภายใต้สปอร์ตดีเอ็นเอที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ตลอด 11 เจเนอเรชัน ด้วยการอัปลุคดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมที่เฉียบคมยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกเท่ สปอร์ต และทันสมัย ผสานการออกแบบด้วยสีดำและแดง พร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ได้แก่ ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่แรงเร้าใจ ผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง และขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร ขับสนุก แรงเร้าใจ สไตล์สปอร์ต ด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบต่อนาที และอัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร  มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ พร้อมยกระดับความสบายและสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย เพื่อรองรับการใช้งานในหลากหลายไลฟ์สไตล์

อัปลุคความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ใหม่

  • ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
  • ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต
  • ใหม่! ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว
  • ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว
  • ใหม่! สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)

ทางเลือกขุมพลังขับเคลื่อน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม

  • ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV มอบสมรรถนะการขับขี่ที่แรงเร้าใจ ผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบการตอบสนองที่เร็วทันใจกับแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง สามารถพาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร มาพร้อม ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS เพื่อตั้งค่าการขับขี่ในสไตล์คุณ
  • ขุมพลังเครื่องยนต์ 5 ลิตร VTEC TURBO มอบกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบต่อนาที ที่มาพร้อม Turbocharger ให้คุณขับสนุกทุกอัตราเร่ง

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อม เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง Honda SENSING มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่ โดยระบบมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)ห้องโดยสารกว้างขวาง ภายในสปอร์ตพรีเมียมด้วยโทนสีดำ เบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ทุกรุ่นย่อย และมาพร้อมเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายเหนือระดับ

  • ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้าง
    สีแดงสไตล์สปอร์ต
  • ในรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ
  • ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย
  • ใหม่! เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย

พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

  • ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย
  • ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
  • ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C จำนวน 4 ช่อง ช่องหน้า 2 ช่องและด้านหลัง 2 ช่อง
    ในทุกรุ่นย่อย
  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย
  • ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ในทุกรุ่นย่อย

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "Soukai Civic Evo Design" ที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง สะท้อนถึงความเพลิดเพลินในการขับขี่ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร การใช้งานที่ตอบโจทย์ตามแบบชีวิตที่หลากหลาย และต้องคำนึงถึงความเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง

ดีไซน์ภายนอกของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "Soukai Exterior EVO" ที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นสปอร์ตซีดานอย่างชัดเจน ด้วยการออกแบบอย่างประณีตในทุกรายละเอียด เพื่อยกระดับความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว  

รุ่น EL+ ให้ลุคสไตล์ “Authentic Sport” มาพร้อมกับ

  • ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
  • ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว
  • ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน
  • กรอบตกแต่งไฟหน้าสีดำ
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม
  • มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
  • ท่อไอเสียแบบคู่
  • ล้ออัลลอยขนาดใหม่ 17 นิ้ว

รุ่น e:HEV EL+ ส่งมอบประสบการณ์ “Advanced Sport” มาพร้อมกับ

  • ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
  • ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว
  • ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
  • กรอบตกแต่งไฟหน้าสีเดียวกับตัวรถ
  • โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็น
    ยนตรกรรมไฮบริดได้อย่างชัดเจน
  • มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

พิเศษยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน ในรุ่น e:HEV RS

  • ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว พร้อมสัญลักษณ์ RS
  • ใหม่! ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต
  • กระจกมองข้างสีดำ
  • มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม
  • เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
  • สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย
  • ท่อไอเสีย พร้อมปลอกท่อไอเสีย

ภายในห้องโดยสาร ออกแบบเน้นที่การสร้างความรู้สึกที่สดใหม่ ส่งมอบความสปอร์ตที่สบายตา สะดวกสบายเมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร พร้อมออกเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆ การจัดวางอุปกรณ์ฟังก์ชันการใช้งาน
ต่าง ๆ จะเน้นความเรียบง่ายให้ตอบโจทย์และใช้งานได้อย่างคล่องตัว เน้นอรรถประโยชน์และเส้นสาย
ที่สวยงาม ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยมในทุกผิวสัมผัส

  • วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ (รุ่น EL+ และ e:HEV EL+)
  • ใหม่! เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ
  • ใหม่! แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดพร้อมไฟส่องสว่างด้านคนขับและ ผู้โดยสารด้านหน้า
  • กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางทุกรุ่นย่อย และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า
    4 ทิศทาง (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
  • พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
  • ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย

ยกระดับความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร รุ่น e:HEV RS

  • เบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต
  • ไฟส่องสว่างตกแต่งแผงประตูคู่หน้าและที่เท้า
  • แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต

2 ขุมพลังขับเคลื่อนที่แตกต่าง มอบการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ไร้กังวลในทุกการเดินทาง

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV  ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit - IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว มอบกำลังมอเตอร์สูงสุดได้ถึง184 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง

โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด โดยระบบจะเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับระดับ
ของแบตเตอรี่ สภาพถนน และพฤติกรรมในการขับขี่ ประกอบด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่

  • โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โดยมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอรอบ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่อง
  • โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มอบอัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
  • โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์อัตโนมัติ
    E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงคงที่

และมาพร้อมกับสวิตซ์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ 4 โหมด ได้แก่

  • ใหม่! Individual Mode - โหมดการขับขี่แบบ Individual (ในรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS) ที่สามารถปรับตั้งค่าการขับขี่เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะและความต้องการในแต่ละไลฟ์สไตล์ โดยสามารถเลือกรูปแบบการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย และเสียงเครื่องยนต์ และพิเศษสำหรับรุ่น e:HEV RS สามารถเลือกรูปแบบสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ
  • ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
  • Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
  • Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
(รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS) ที่เหมาะกับการใช้งานบนถนนในทุกสภาวะการขับขี่ ให้ทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ควบคู่ไปกับความปลอดภัย

ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ขับสนุก แรงทุกอัตราเร่ง เร้าใจเต็มอารมณ์สปอร์ต และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 2 โหมด ได้แก่

  • ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
  • Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป

ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชัน
การทำงานหลัก ๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูล ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบปัจจุบัน ได้มีการเพิ่มการตรวจจับจักรยานยนต์และจักรยานที่สวนมาเมื่อเลี้ยวขวาที่ทางแยกและเพิ่มการตรวจจับรถยนต์ที่เคลื่อนผ่านด้านหน้า

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้า
    ที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบปัจจุบัน
ได้ปรับปรุงการควบคุมการเร่งความเร็วหรือการลดความเร็ว ระหว่างการขึ้นเขาและทางลงเพื่อความนุ่มนวลยิ่งขึ้น และปรับปรุงประสิทธิภาพในช่วงการเบรกหรือการเร่งความเร็วตอนออกตัวให้รู้สึกถึงการขับขี่อย่างเป็นธรรมชาติ

  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร

  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่  เมื่อเปรียบเทียบกับระบบปัจจุบัน ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการรักษาช่องทางเดินรถให้ดียิ่งขึ้น

  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำ
เมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า

  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า

นอกจากนี้ ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยที่ครบครัน อาทิ

  • ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (รุ่น e:HEV EL+ และ
    e:HEV RS) ที่ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยใช้กล้องจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 9 นิ้ว เพื่อการมองเห็นที่ไร้มุมอับ ให้ความปลอดภัยในทุกการขับขี่
  • ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)

ระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัย เมื่อพบว่าประสิทธิภาพในการควบคุมรถของผู้ขับขี่ลดน้อยลง ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT และเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้า ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมมีเสียงเตือนและจะทำการ
สั่นเตือนที่พวงมาลัย

  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)

ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา
180 องศา และมุมมองจากด้านบน

  • ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)

ระบบป้องกันล้อล็อก ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและ
หักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) จะช่วยกระจาย
แรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเพื่อให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกและเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก

  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS)

เป็นระบบที่ทำงานโดยอัตโนมัติ โดยสัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำงานเมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหัน
เป็นการแจ้งเตือนรถที่ตามมาข้างหลัง

  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA)

ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ช่วยการยึดเกาะถนน มั่นใจกับทุกการขับขี่

  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA)

ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลัง ในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกเมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน

  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
  • ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
  • ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว (รุ่น e:HEV RS) และ
    มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น EL+และ e:HEV EL+)
  • ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้า (Side Airbags) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
  • เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS) (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
  • ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
  • จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
  • อุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว (TPRK) (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)

เชื่อมต่อชีวิตเหนือระดับ ด้วยหลากหลายฟังก์ชันและเทคโนโลยีล้ำสมัยครบครัน

  • ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว โดยติดตั้งครั้งแรก
    ใน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อย่าง Google Assistant, Google Maps และแอปอื่น ๆ อีกมากมาย
    จาก Google Play ในรถยนต์ของคุณ เพื่อประสบการณ์การขับขี่แบบมีผู้ช่วยที่ราบรื่นและปรับเปลี่ยนได้ในแบบของคุณ ประกอบด้วย
  • Google Assistant เมื่อมี Google Assistant คุณก็ทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนนหรือละมือจากพวงมาลัย โทรหรือส่งข้อความหาเพื่อน ตั้งการช่วยเตือน หรือแม้แต่เปลี่ยนอุณหภูมิในรถได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังนำทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป หรือสำรวจละแวกใกล้เคียงได้ จะข้ามไปที่เพลงถัดไปหรือย้อนฟังพอดแคสต์ก็สบายด้วยแอปสื่อที่คุณชื่นชอบ เพียงแค่พูดว่า "Ok Google" หรือกดปุ่มเสียงบนพวงมาลัยเพื่อเริ่มต้นใช้งาน
  • Google Maps ช่วยให้คุณเดินทางสู่จุดหมายต่อไปได้เร็วขึ้นด้วยข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ และคำแนะนำช่องทาง ขณะที่ฟังเพลงโปรดไปด้วยได้
    ให้ Google Assistant ช่วยนำทางคุณกลับบ้าน ค้นหาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด หรือบอกเวลาทำการของร้านค้า เพื่อให้คุณโฟกัสกับการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนหรือปล่อยมือจากพวงมาลัย เพียงพูดว่า "Ok Google" หรือกดปุ่มเรียกใช้งานบนพวงมาลัยเพื่อเริ่มต้นใช้งาน
  • Google Play ช่วยให้คุณดาวน์โหลดแอปโปรดไว้ในรถได้ง่าย ๆ เหมือนเวลาดาวน์โหลดในโทรศัพท์ จะฟังเพลงโปรด พอดแคสต์ หนังสือเสียง และอื่น ๆ ก็ทำจากรถโดยตรงได้สบาย ๆ
    หากต้องการดาวน์โหลดแอปสื่อ ให้ตรวจสอบว่ารถจอดอยู่กับที่ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ และลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google แล้วเริ่มต้นใช้งานด้วยแอปที่เราชื่นชอบ เช่น

YouTube Music - สร้างสุดยอดเพลย์ลิสต์สำหรับฟังระหว่างขับรถ

Spotify - เข้าถึงเพลงนับล้านสำหรับทุกอารมณ์

  • ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
  • ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น EL+ และ e:HEV EL+)
  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
  • ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
  • ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา (รุ่น e:HEV RS)
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน
  • ช่องเชื่อมต่อ USB Type C จำนวน 4 ช่อง ช่องหน้า 2 ช่องและด้านหลัง 2 ช่อง
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
  • ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
  • ยกระดับชีวิตให้สมาร์ตขึ้นไปอีกขั้นกับ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ในทุกรุ่น เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

รุ่น

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

  • รุ่น e:HEV RS            
  • รุ่น e:HEV EL+            
  • รุ่น EL+            

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ ใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (Canyon River Blue Metallic) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+) พร้อมด้วย สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (Ignite Red Metallic) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) พร้อมด้วย สีขาวแพลทินัม (มุก) (Platinum White Pearl) สีดำคริสตัล (มุก) (Crystal Black Pearl) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) (Meteoroid Gray Metallic) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) (Lunar Silver Metallic)

ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ ด้วยวัสดุหนังกลับและหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง หรือเบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ (รุ่น EL+ และ e:HEV EL+)

ยกระดับความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Enhanced More Sportiness” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งใหม่ให้เลือก อาทิ ไฟตัดหมอกหน้า ราคา 10,500 บาท ม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง ราคา 2,600 บาท อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ราคา 6,000 บาท ฟิล์มกันรอยบริเวณที่เปิดประตู ราคา 600 บาท ชุดโลโก้ H-Mark สีดำ ราคา 1,300 บาท (สำหรับรุ่น PET), และ 1,200 บาท (สำหรับรุ่น e:HEV)  คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้าสีดำ ราคา 1,950 บาท  เป็นต้น

หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่

  • Modulo Aero Package ราคา 21,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง
  • Modulo Aero Sporty Package ราคา 29,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง และสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
  • Exhaust Pipe Finisher Package ราคา 1,950 บาท ประกอบด้วย ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 2 ชิ้น
    โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชิพ'พาฮอนด้าCBR1000RR-R คว้าอันดับ2และ3 'เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง2024' ที่ญี่ปุ่น

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” โชว์ผลงานยอดเยี่ยม “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ทะยาน Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 ผงาดคว้าโพเดียมอันดับที่ 2 คัมแบ็คจากเกมสุดโหด หลังจากคู่แข่งชนและธงแดง ในรุ่น “เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี” (ASB1000) ขณะที่นักบิดดาวรุ่งไทย “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ บิดรถแข่ง Honda CBR600RR เก็บประสบการณ์ทำผลงานอย่างต่อเนื่องคว้าอันดับ 6 ในรุ่น “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” (SS600) ของการแข่งขัน FIM Asia Road Racing Championship 2024 สนามที่ 3 เรซที่ 1 ที่ โมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา

'ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์' ยกทัพสู้ศึก 'เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง'สนาม3ญี่ปุ่น

ทัพนักบิด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” และสุดยอดรถแข่ง Honda CBR Series พร้อมสู้ศึกเต็มร้อย นำทัพโดย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และ “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ ในรุ่นใหญ่ที่เร็วที่สุดของรายการอย่าง “เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี” (ASB1000) ด้วยรถแข่ง Honda CBR1000RR-R และ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ ใน “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” (SS600) ด้วยรถแข่ง Honda CBR600RR ในศึก FIM Asia Road Racing Championship 2024 สนามที่ 3 ที่สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ต โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายน นี้

สัมผัส “Honda e:N1” ยนตรกรรมไฟฟ้า 100%

หลังจากฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรุ่นแรกของทางฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งได้นำมาอวดโฉมในงาน บางกอกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

“ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” รุ่นย่อย S ทางเลือกใหม่ของความคุ้มค่า

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำทางเลือกใหม่ของความคุ้มค่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รุ่นย่อย S อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อเป็นเจ้าของซิตี้คาร์ยอดนิยมได้ง่ายยิ่งขึ้น

'ฮอนด้า'ส่งดาวรุ่ง เก็บประสบการณ์โชว์ผลงานดี ศึก'เอเชีย ทาเลนต์ คัพ2024'กาตาร์

“ฮอนด้า” ส่งนักบิดดาวรุ่ง นำโดย “จิมมี่” บูรพา วันมูล พร้อม “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ และ “ไฮ-เปค” กฤษฎา ธนะโชติ เรียนรู้ประสบการณ์ มุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามแนวคิด “The Next Successor To Become The World Class Riders” ลงประชันฝีมือในการแข่งขันรายการ “อิเดมิตซึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” ซึ่งจัดโดยดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ และ ผู้จัดการแข่งขัน รถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี เพื่อเปิดโอกาสให้นักบิดเยาวชน อายุระหว่าง 14-17 ปี ที่มีความสามารถมากที่สุดในเอเชียและโอเชียเนียได้ลงแข่งและเรียนรู้บนเส้นทางสู่ MotoGP™ ด้วยรถแข่ง Honda NSF250R Moto3™ นักบิดดาวรุ่งสามารถสร้างผลงานคว้าแต้มและต่อสู้กับกลุ่มหัวแถวได้อย่างเข้มข้น ในสนามเปิดฤดูกาล เมื่อสุดสัปดาห์ผ่านมา ที่ ลูแซล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์