เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เตรียมเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่สำหรับลูกค้าชาวไทย ดึงหนึ่งในยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์กับ E-Class เจเนเรชั่นที่ 10 “The new E-Class: Launch Edition” มาในรุ่นพิเศษประเดิมการเปิดตัวในไทย จัดแสดงครั้งแรกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) พร้อมจำหน่ายโมเดล Launch Edition ในจำนวนจำกัด
ชูความเป็นเลิศของ Business Saloon สุดหรูที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเดิมในทุกองศา ขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ รวมถึงการติดตั้งเทคโนโลยีและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกที่ล้ำสมัยที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อาทิ หน้าจอ MBUX Superscreen ระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package Plus และระบบไฟหน้า DIGITAL LIGHT ระบบปิดประตูแบบ Soft Close ระบบเสียง Burmester® 4D พร้อมเทคโนโลยี Dolby Atmos และตอกย้ำการเป็นรถที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อผู้บริหารและนักธุรกิจด้วยระบบ MBUX เจเนเรชั่นที่ 3 ที่มาพร้อมกล้อง Selfie สำหรับการประชุมงานในรถ ถือเป็นรถยนต์ที่ผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมและความเป็นยนตรกรรมแห่งอนาคตได้อย่างลงตัว
พบกับ “The new E-Class: Launch Edition” ยนตรกรรมที่พร้อมทะยานไปสู่อีกขั้นของความลักชัวรี่และโลกในยุคดิจิทัลภายใต้คอนเซ็ปต์ “EVOLVES WITH YOU” เปิดให้เป็นเจ้าของก่อนใครทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล “E 220 d AMG Line” ราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท และขุมพลัง Plug-in Hybrid “E 350 e AMG Dynamic” ราคาจำหน่าย 4,250,000 บาท เปิดจองแล้ววันนี้ผ่านตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ ช่องทางออนไลน์โชว์รูมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567
The new E-Class ยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์ที่ผสานความเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการออกแบบ เทคนิคที่ล้ำสมัย และความสะดวกสบายชั้นเยี่ยม มาพร้อมรหัสตัวถัง W214 ชูความเป็นเลิศของ Business Saloon สุดหรูที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเดิมในทุกองศา และขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์ทุกความทันสมัยภายใต้คอนเซ็ปต์ “EVOLVES WITH YOU” พร้อมเปิดตัวในประเทศไทย 2 รุ่น โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล “E 220 d AMG Line” และขุมพลัง Plug-in Hybrid “E 350 e AMG Dynamic”
ในด้านสมรรถนะ E 220 d AMG Line ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี มอบกำลังแรงม้าสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 7.6 วินาที ทำงานร่วมกับ 48V electrical system (ISG2) 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ส่วน E 350 e AMG Dynamic ผสานขุมพลังการขับเคลื่อนในรูปแบบรถปลั๊กอินไฮบริดผ่านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.5 วินาที ในด้านของแหล่งพลังงาน ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 25.4 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 55 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% เพียง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที
ทั้งคู่มาพร้อมดีไซน์การออกแบบรอบคันด้วย AMG Bodystyling ที่มอบความดุดันตามแบบฉบับของ AMG พร้อมระบบปิดประตูแบบ Soft Close ทางด้านของ E 220 d AMG Line มาพร้อมไฟหน้า LED high-performance ทำงานร่วมกับระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist มอบความสะดวกสบายด้วย KEYLESS-GO Comfort Package ที่สามารถควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟน ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว ผสานการทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL ช่วยซับแรงกระแทกและทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น ส่วน E 350 e AMG Dynamic โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเรืองแสง ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ช่วยเสริมความปลอดภัยในการขับขี่และการโดยสารในทุกเส้นทาง ด้านบนมีการติดตั้งหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า และยกระดับเทคโนโลยีด้วย Heat and noise-insulting acoustic glass ช่วยสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสีอินฟาเรดและเสียงสะท้อนจากภายนอก ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบให้มีการลดอากาศหมุนวนบริเวณด้านข้างล้อ เพื่อทุกการขับขี่ที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพและความปลอดภัยขั้นสูง
ภายในห้องโดยสารของทั้งสองรุ่นมีการตกแต่งแบบ AMG Interior Package ที่เน้นความสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ควบคุมทิศทางการขับขี่ด้วยพวงมาลัย Multifunction sports steering เสริมความลักชัวรี่ด้วยเบาะหนังสีดำ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมกล้อง Selfie สำหรับการประชุมงานหรือเพิ่มความบันเทิง ติดตั้งจอ MBUX Superscreen ขนาดใหญ่พิเศษ 14.4 นิ้ว บริเวณแผงคอนโซลกลาง และจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณผู้โดยสารตอนหน้า ให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างครบครัน โดยมีการปรับปรุงให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมระบบ AI ที่จะเรียนรู้และปรับฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของรถยนต์ให้เข้ากับพฤติกรรมและรสนิยมของผู้ขับขี่ ทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL ที่สามารถปรับทิศทางลมได้อย่างอิสระ และฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่พร้อมจะมอบความสะดวกสบายอันเหนือระดับไว้อย่างเต็มพิกัด
ส่วนในด้านเทคโนโลยีและความบันเทิง E 220 d AMG Line โดดเด่นด้วยไฟเรืองแสง Ambient Lightning Plus กว่า 64 เฉดสี ที่จะเปลี่ยนบรรยากาศของห้องโดยสารได้อย่างรื่นรมย์ ทั้งยังมีการติดตั้งระบบ MBUX Augmented Reality สําหรับแผนที่นําทาง ทางด้าน E 350 e AMG Dynamic มาพร้อม Digital Vent Control ช่องแอร์ที่ปรับการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีการหมุนเวียนอากาศเสมือนมีลมธรรมชาติภายในห้องโดยสาร พร้อมเทคโนโลยี Head-up display ให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูลการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ทั้งยังมอบความพิเศษด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 4D Surround Sound System พร้อมลำโพง 21 ตัว ผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ฟังเสียงอย่างคมชัดสมจริงราวกับนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ และไฟรอบห้องโดยสารแบบ Active Ambient Lighting ที่สามารถปรับแสงสีในห้องโดยสารให้เป็นไปตามจังหวะเพลง ให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินในทุกอารมณ์
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package Plus ในรถยนต์ทั้งสองรุ่นอย่างครบครันตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบพวงมาลัยช่วยผ่อนแรงหักหลบสิ่งกีดขวางระยะกระชั้นชิด (Evasive Steering Assist) ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) เป็นต้น
E 220 d AMG Line เปิดราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech silver) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid)
E 350 e AMG Dynamic เปิดราคาจำหน่าย 4,250,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech silver) และสีเทา (Graphite Grey)
โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อีซูซุ เปิดตัวขุมพลังใหม่ 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก
อีซูซุ กระตุ้นตลาดส่งท้ายปี 2567 ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก
โตโยต้า แนะนำซีดานหรู ALL-NEW CAMRY สมรรถนะและฟีเจอร์เพิ่มมากขึ้น
นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่
“ทน พร้อม ลุย” กับ นิสสัน นาวารา ภายในดีไซน์ใหม่ พรีเมียม สปอร์ตมากขึ้น
นิสสัน เผยโฉม นาวารา ที่มาพร้อมภายในดีไซน์ใหม่ สปอร์ต พรีเมียม สุดเท่ ทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงเครื่องยนต์มาตรฐานไอเสียยูโร 5
เปิดราคา OMODA C5 EV เริ่มต้นที่ 899,000 บาท
โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยี
เปิดตัว NETA X รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ SUV เริ่มต้น 739,000 บาท
NETA ประกาศเปิดตัว NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV เสริมทัพผลิตภัณฑ์ ในประเทศไทย ชูจุดเด่นภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย 80%
มินิ เปิดตัว 4 รุ่นใหม่
มินิ ประเทศไทย เหยียบคันเร่งเต็มสปีดเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ลุยเปิดตัวมินิใหม่ล่าสุด ในเจเนอเรชันที่ 5 แบบ