มาสด้าไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะทุกก้าวย่างเกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงเพื่อมวลมนุษยชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน นี่คือบทพิสูจน์ที่ท้าทายเพื่อแก้ปัญหาด้านส่งแวดล้อมในฐานะผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น หนึ่งในวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด คือการพัฒนานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ไปจนถึงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EV) วิวัตนาการเหล่านี้คือหนึ่งในวิถีทางไปสู่ Well-to-wheel ที่มาสด้าให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นกำเนิด ขบวนการขุดเจาะ การสกัดวัสดุที่จำเป็นในการผลิต ไปจนถึงสิ้นสุดอายุการใช้งานของยานพาหนะผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งในแต่ละภูมิภาคก็จะถูกปรับให้มีความเหมาะสมและแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา เนื่องจากไม่มีวิธีใดวิธีเดียวที่เหมาะสมกับทุกภูมิภาค มาสด้าจึงได้คิดค้นทุกวิถีทางในการแก้ปัญหา ตามแนวทาง Multi-Solution นั่นคือการแสวงหานวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย จนบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้วและมีประสิทธิภาพสูงสุดหนึ่งในกลยุทธ์ของมาสด้าที่เดินหน้าตามแนวทาง Multi-Solution คือการพัฒนาเครื่องยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ด้วยการนำข้อดีของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาผสานกับพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้ได้ระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น จึงเกิดเป็นเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่ดีที่สุด โดยพัฒนาต่อยอดจากรถไฟฟ้า 100% ซึ่งมาสด้านำเอาเครื่องยนต์โรตารี่อันเลื่องชื่อมาใช้เป็นตัวปั่นกระแสไฟ เปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยให้การขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางไกลมากขึ้น ตอบโจทย์ยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อจากฟอสซิลไปสู่พลังงานไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกให้เกิดความหลากหลายมากขึ้นในการเลือกรถยนต์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตน และความเหมาะสมตามความพร้อมของแต่ละภูมิประเทศ
หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV คือ เครื่องยนต์โรตารี่ เป็นตัวปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์มีขนาดเพียง 830 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กิโลกรัม เล็กกว่าเครื่องยนต์แบบลูกสูบที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน และแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด17.8 กิโลวัตต์ วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 85 กิโลเมตร โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อได้รับการปั่นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่ จะทำให้เพิ่มระยะทางในการวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร จากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน มาผสานกับการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ได้จากเครื่องยนต์โรตารี่ อันเกิดจาก "จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย” หรือ “Challenger Spirit” อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า
เทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่เป็นตัวปั่นไฟนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดจากความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามแนวทาง Multi-Solution เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้คนในแต่ละสังคม อีกหนึ่งโมเดลของมาสด้าที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในการปั่นกระแสไฟ คือรถต้นแบบที่มาสด้านำมาเผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 Mazda Iconic SP สปอร์ตคอมแพ็คคาร์คอนเซ็ปต์ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าที่ “รักในรถยนต์” และ “ปรารถนาที่จะครอบครองรถยนต์ที่สามารถถ่ายทอดความสุขในการขับขี่” โดยคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าที่ยังคงมีขนาดกะทัดรัด จึงทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในเรื่องการจัดวางพื้นที่ของห้องเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้รถต้นแบบคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น โดยแบตเตอร์รี่จะถูกชาร์จด้วยพลังงานแบบย้อนกลับและจากเครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์ ที่ใช้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์อีกหนึ่งคอนเซ็ปต์คาร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับชาวมาสด้าอย่างน่าภาคภูมิใจ ด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมประจำปีจากประเทศอิตาลี คือ RX-VISION SKYACTIV-R คือเครื่องยนต์โรตารีเจนเนอเรชั่นใหม่ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของมาสด้า เครื่องยนต์สามเหลี่ยมลูกสูบหมุน แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) โดยเครื่องยนต์โรตารี่จะทำหน้าที่เป็นตัวปั่นกระแสไฟและส่งพลังงานกลับคืนสู่แบตเตอรี่เช่นเดียวกับ e-Skyactiv R-EV ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษของคาร์บอนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเครื่องยนต์โรตารี่ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้สามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้หลากหลายประเภท รวมถึงพลังงานไฮโดรเจน พลังงานสะอาดทางเลือกแห่งอนาคต
การนำเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV มาใช้ในเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอของมาสด้าที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค หรือ Challenger Spirit ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ มาสด้าจะยังคงเฟ้นหาวิธีการต่างๆ ต่อไป ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตามแนวทาง Multi-Solution เพื่อผู้คนในเจเนอเรชั่นถัดไป เพื่อโลกของเราให้ยังคงความสวยงาม เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คน และเพื่อสร้างสรรสังคมของเราให้น่าอยู่ตราบนานเท่านานสู่ลูกหลานของเราตลอดไป
โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาสด้าชวนลูกค้าร่วมกิจกรรมทำดีเพื่อสังคม Mazda Swatcat Caravan
มาสด้าร่วมกับสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จัดกิจกรรมพิเศษ “Mazda Swatcat Caravan แรลลี่สานฝันน้อง ดวลบอล
บทพิสูจน์ MAZDA CX-5 ครอสโอเวอร์เอสยูวีโฉมใหม่ปรับดีไซน์ใหม่หรูหรา
มาสด้า ผู้บุกเบิกตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวี สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์มาแล้ว ทั่วโลก เดินหน้าปลุกกระแสตลาด
มาสด้ามอบรางวัลให้กับเยาวชนผู้ชนะเลิศโครงการ Mazda U.S. College PREP Junior Golf Championships
คณะผู้บริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นำโดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร มอบรางวัลตั๋วเครื่องบินเดินทางไปกลับ
มาสด้ามัดใจลูกค้าเก่าขับเกิน 100,000 รับคูปอง 1,000 บาท
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ส่งแคมเปญพิเศษ “THANK YOU FOR 100,000 km OF TRUST ขอบคุณกว่าแสนกิโลเมตรที่ไว้ใจให้มาสด้าดูแล”
มาสด้า จัดหนักบิ๊กเซอร์ไพรส์ขยายเวลารับข้อเสนอใหญ่ตลอดเดือนตุลาคม
นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทุ่มจัดงานอีเว้นท์ใหญ่
มาสด้าเปิดตัวโครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024
มาสด้าเปิดตัวโครงการ “MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024” ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้า