บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ฉลองสุดยอดขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ที่ขับเคลื่อนอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้นตั้งแต่ปี 2546 ด้วยการเปิดรับคำสั่งจองอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่น ‘Speed Edition 12’ รุ่นลิมิเต็ด เอดิชัน ประกอบไปด้วย Flying Spur Speed Edition 12 ราคาเริ่มต้นที่ 24.8 ล้านบาท Continental GT Speed Edition 12 ราคาเริ่มต้นที่ 26.4 ล้านบาท และ Continental GT Convertible Speed Edition 12 ราคาเริ่มต้นที่ 28.8 ล้านบาท ทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 12 สูบที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุคปัจจุบัน โดย รุ่น Speed Edition 12 จะผลิตเพียง 120 คันต่อรุ่นเท่านั้นและจะถือเป็นการส่งท้ายความสำเร็จทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ของเบนท์ลีย์อย่างสง่างามก่อนการยุติสายการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 ในเดือนเมษายน 2567‘Edition 12’ พร้อมให้ครอบครองในรุ่น Flying Spur, Continental GT และ Continental GT Convertible โดยมาพร้อมกับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์มากมายไม่ว่าจะเป็นป้ายรุ่น Edition 12 แผ่นป้ายหมายเลขเครื่องยนต์ งานปักชื่อรุ่น Edition 12 การเย็บเบาะโดยสารแบบไล่ระดับสี และแผงหน้าปัดตกแต่งด้วยแผ่นไม้วีเนียร์สีดำสนิทแบบ Grand Black พร้อมตัวเลขลำดับการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ที่สลักไว้ข้างป้ายรุ่น Edition 12 อัครยนตรกรรมรุ่นลิมิเต็ดจะมีการผลิตเพียงรุ่นละ 120 คันเท่านั้นเพื่อให้มั่นใจว่ารุ่น Speed Edition 12 จะเป็นรุ่นที่หายากและควรค่าแก่การครอบครองเพื่อเฉลิมฉลองขุมพลังเครื่องยนต์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดของเบนท์ลีย์ในปี 2546 การเปิดตัวเครื่องยนต์รุ่น W12 ได้ประกาศศักราชใหม่ของบริษัทในฐานะเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ยุคใหม่รุ่นแรกภายในเครือ Volkswagen Group นั่นก็คือ Continental GT ซึ่งรูปแบบการวางกระบอกสูบของเครื่องยนต์รูปตัวอักษร W อันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบรุ่นนี้ ทำให้ใช้พื้นที่เก็บเครื่องยนต์ในห้องเครื่องน้อยกว่าเครื่องยนต์รุ่น V12 ที่มีความจุเท่ากันถึง 24% โดยไม่ลดทอนกำลัง ประสิทธิภาพ หรือการพัฒนาแต่อย่างใด นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การวิวัฒนาการที่มีมาอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถพัฒนาพละกำลังเพิ่มขึ้นถึง 37% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% พร้อมกับการปล่อยมลพิษที่ลดลงกว่า 25% สำหรับในรุ่น Speed Edition 12 นี้ เครื่องยนต์รุ่น W12 สามารถผลิตพละกำลังกว่า 650 แรงม้าที่รอบเครื่อง 5,000-6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดกว่า 900 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องเพียงแค่ 1,500-5,000 รอบต่อนาทีการออกแบบภายนอกของรุ่น Speed Edition 12 รังสรรค์ขึ้นด้วยความละเอียดอ่อน ดึงดูดสายตาด้วยรายละเอียดที่โดดเด่น อาทิ คาลิเปอร์เบรกสีเงินที่มีเฉพาะรุ่นลิมิเต็ด เอดิชัน สำหรับรุ่น Continental GT และ Continental GT Convertible ตกแต่งด้วยป้าย Speed Edition 12 ที่บังโคลนหน้า ในขณะที่รุ่น Flying Spur จะตกแต่งด้วยป้าย Edition 12 บริเวณส่วนท้ายของตัวถังพร้อมกับโลโก้ Speed มากไปกว่านั้น ภายใต้ฝากระโปรงรถยังเผยให้เห็นถึงแผ่นป้ายหมายเลข Edition 12 ตกแต่งบนฝาครอบเครื่องยนต์อีกด้วย การตกแต่งภายนอกได้รวมถึง ชุดแต่ง Blackline Specification ล้ออัลลอยด์เฉดสีดำขนาด 22 นิ้ว และตัวยึดโลโก้กึ่งกลางล้ออัลลอยด์ พร้อมกับตัวเลือกเฉดสีใหม่ เฉดสีเทาอมเขียว โทนอ่อน Opalite ที่จะสะท้อนแสงอาทิตย์อย่างงดงามการออกแบบภายใน งานฝีมือระดับมาสเตอร์คลาส ไฟต้อนรับโลโก้ Edition 12 และกาบบันไดเรืองแสงตกแต่งอย่างสวยงามต้อนรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารสู่การตกแต่งภายในห้องโดยสารที่รังสรรค์ขึ้นด้วยงานฝีมือ รุ่น Edition 12 มาพร้อมกับการแบ่งเฉดสีของรุ่น Speed ด้วยเฉดสีหลักคือเฉดสีดำ Beluga ที่สามารถเลือกเป็นสีเบาะโดยสารสีเดียวหรือเสริมด้วยเฉดสีน้ำเงิน Brunel เฉดสีแดง Cricketball เฉดสีขาว Linen หรือเฉดสีส้ม พร้อมด้วยการตกแต่งด้วยแผ่นไม้วีเนียร์เฉดสีดำเงาแบบ Grand Black คุณลักษณะเฉพาะของรุ่นลิมิเต็ดนี้รวมถึงการปักเบาะโดยสารแบบ Mulliner Silver และ และโลโก้ Edition 12 บริเวณเบาะโดยสารด้านบนบุนวมและตัดเย็บแบบสามเฉดสีไล่ระดับตั้งแต่เฉดสีดำ Anthracite เฉดสีเทา Porpoise จนถึงเฉดสีน้ำเงิน Stratos พร้อมกับแผงประตูห้องโดยสารบุนวมเย็บแบบตัดกัน ปุ่มบริเวณช่องแอร์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยตัวเลข '12' ขึ้นรูปบริเวณจุดสัมผัสด้านบน อีกหนึ่งรายละเอียดที่งดงามคือแผงหน้าปัดตกแต่งด้วยแผ่นไม้วีเนียร์ในเฉดสีดำ Grand Black บริเวณคอนโซลหน้าที่มีลำดับตัวเลขการจุดระเบิดของเครื่องยนต์รุ่น W12 สลักไว้บริเวณด้านข้างโลโก้ Speed Edition 12ผู้ครอบครองอัครยนตรกรรมรุ่นลิมิเต็ด ‘Speed Edition 12’ จะได้รับของที่ระลึกเป็นโมเดลจำลองเครื่องยนต์รุ่น W12 ในสัดส่วน 1:15 ขนาด 15% ของเครื่องยนต์ขนาดจริง สำหรับตั้งโชว์บนโต๊ะ ตู้ หรือชั้นวางของ แบบจำลองเครื่องยนต์หล่อขึ้นด้วยการใช้อะลูมิเนียมที่นำมาจากบล็อกเครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาดเต็มเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของขุมพลังในตำนานของเบนท์ลีย์
เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง Flying Spur Speed Edition 12 ราคาเริ่มต้นที่ 24.8 ล้านบาท Continental GT Speed Edition 12 ราคาเริ่มต้นที่ 26.4 ล้านบาท และ Continental GT Convertible Speed Edition 12 ราคาเริ่มต้นที่ 28.8 ล้านบาท พร้อมการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตและบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อีซูซุ เปิดตัวขุมพลังใหม่ 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก
อีซูซุ กระตุ้นตลาดส่งท้ายปี 2567 ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก
Hyundai PALISADE D-SUV พรีเมียม และอเนกประสงค์
ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย จัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนทดลองขับ เพื่อสัมผัสสมรรถนะของ Hyundai PALISADE เส้นทาง กทม.-นครนายก
Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 4 จ.เชียงใหม่ แข่งสุดมันส์ Night Show สุดอลังการ
นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” พร้อมจัดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี
แขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต
มิตซูบิชิ ชวนลูกค้า ร่วมเวิร์กชอปถ่ายภาพ
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพื่อสร้างประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้า ด้วยกิจกรรมพิเศษ
บีวายดี และ เรเว่ ผนึก ช่อง 3 ลงพื้นที่อุทกภัยเชียงราย
บีวายดี บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต นำโดยนายเคอ ยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด