ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เพื่อการผจญภัยในทุกเส้นทาง

ไม่ว่าจะลุยเส้นทางวิบากหรือเดินทางข้ามจังหวัดบนถนนหลวง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย ทั้งโหมดการขับขี่ที่เลือกให้เหมาะกับทุกการเดินทาง ตลอดจนกล้องมองรอบคัน 360 องศา ไปจนถึงระบบล็อกเฟืองท้ายที่ช่วยให้ทุกการผจญภัยเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น

เอียน ฟอสตัน หัวหน้าวิศวกรแพลตฟอร์ม T6 เปิดเผยว่า ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่พร้อมพิชิตเส้นทางสมบุกสมบันได้อย่างน่าประทับใจอยู่แล้ว เราจึงต้องการตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้าในรถรุ่นใหม่ ด้วยการพัฒนาการใช้งานให้หลากหลาย เพิ่มความมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยการผนวกเทคโนโลยีมากมายเพื่อให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มีสรรถนะเหนือชั้นที่สุดเท่าที่ฟอร์ด เอเวอเรสต์เคยมีมา

ทีมวิศวกรของฟอร์ดได้พัฒนาโหมดการขับขี่ที่เลือกได้มากถึง 6 โหมดสำหรับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ โดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าถึงความสะดวกสบายและสมรรถนะที่ดีเยี่ยมได้ง่ายๆ เพียงหมุนปุ่มควบคุม   ซึ่งรถแต่ละรุ่นจะมีโหมดการขับขี่แตกต่างกันไป ได้แก่

  • โหมดปกติ – สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ทั้งบนทางเรียบและออฟโรด ในรูปแบบการขับขี่ปกติ
  • โหมดประหยัด – เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุดด้วยการลดความไวของคันเร่ง ปรับการเปลี่ยนเกียร์ให้ไวขึ้น และปรับจูนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
  • โหมดลากจูงและบรรทุก – ออกแบบมาเพื่อใช้งานขณะลากจูงหรือบรรทุกของหนัก โดยจะปรับเกียร์ให้เหมาะสมเพื่อรักษากำลังและการหน่วงกำลังเครื่องยนต์ขณะขึ้น-ลงเขา รวมถึงการเพิ่มน้ำหนักพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น
  • โหมดทางลื่น – สำหรับการขับขี่บนพื้นแข็งที่มีผิวลื่น เช่น หญ้าเปียก เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานร่วมกันเพื่อลดการลื่นไถล พร้อมปรับการทำงานของระบบป้องกันล้อหมุนฟรีเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนและทรงตัวให้ดียิ่งขึ้น
  • โหมดโคลน/ร่อง – สำหรับการใช้งานออฟโรดบนเส้นทางที่เป็นแอ่งโคลนหรือมีน้ำขัง ออกแบบมาเพื่อช่วยรักษาโมเมนตัมของรถ แต่ยังคงปล่อยให้ล้อปั่นอย่างพอเหมาะเพื่อรีดโคลนออกจากดอกยาง
  • โหมดทราย – สำหรับการขับขี่ออฟโรดเช่นกัน เหมาะใช้งานทั้งบนพื้นทรายและหิมะหนา โดยระบบจะเพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลัง การเปลี่ยนเกียร์ และการควบคุมการทรงตัวเพื่อรักษาโมเมนตัมของรถ

 

โหมดการขับขี่ดังกล่าวยังผสานการทำงานกับเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ เช่น ระบบล็อคเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเปิดใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านหน้าจอ SYNC ในโหมดสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัด รวมถึงการแสดงภาพจากกล้องหน้าบนหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ตรงกลางคอนโซล

 

นอกจากเทคโนโลยีเพื่อสมรรถนะที่ดีเยี่ยมแล้ว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมแชสซีที่มีความยาวกว่าเดิม 50 มิลมิเมตร และฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลมิเมตร ทำให้ส่วนหน้าและท้ายรถสั้นลง รวมถึงมุมจากและมุมเงยที่เพิ่มขึ้น (สูงสุด 30 องศา)  ส่งผลให้การควบคุมรถและสมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้นทั้งบนทางเรียบและออฟโรด  

 

การติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะและการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ขณะรถเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า (Electronic Shift-On-The-Fly) ด้วตัวเลือกการขับขี่แบบ 2H, 4H และ 4L  โดยค่าเริ่มต้นในโหมดปกติอยู่ที่เกียร์ 2H สำหรับการขับขี่ทั่วไปเพื่อการประหยัดน้ำมันสูงสุด แต่เมื่อคุณเข้าสู่เส้นทางออฟโรด เกียร์ 4H จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะและเสริมการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น สำหรับทางลาดชัน พื้นหิน และทราย เกียร์ 4L จะเพิ่มแรงบิดแบบทวีคูนเพื่อการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้นเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ


โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 สนามที่ 4 จ.เชียงใหม่ แข่งสุดมันส์ Night Show สุดอลังการ

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” พร้อมจัดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี

แขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต

บีวายดี และ เรเว่ ผนึก ช่อง 3 ลงพื้นที่อุทกภัยเชียงราย

บีวายดี บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต นำโดยนายเคอ ยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด