มาสด้า เปิดตัว CX-5 ครอสโอเวอร์ใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคันราคาเพียงล้านต้น

มาสด้าปลุกกระแสตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายของปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เตรียมแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เสริมทัพตลอด 3 เดือน เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-5 กับแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” ประกาศชัดพร้อมผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่มาให้จนล้นคันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ผนวกกับดีไซน์ที่เรียบหรูสง่างามทุกมุมมอง ส่งมอบพลังแห่งความสุขที่เร้าใจไปทุกเส้นทาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วิถีชีวิตกับครอบครัว มีให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 คุ้มค่ามากที่สุด เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 เทอร์โบ ทรงพลังแรงมากที่สุด และเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 แรงและประหยัดน้ำมันมากที่สุด เติมเต็มความคุ้มค่ามากกว่าเดิมด้วยการปรับราคาจำหน่ายใหม่เพียง 1.3 ล้านบาท และพิเศษสุดในช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี หรือฟรี Mazda Care 3 ปี หรือโปรแกรมบำรุงรักษา ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทาง


ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่มาสด้าเริ่มบุกตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี ด้วยการส่ง 4 โมเดลหลัก หรือเรียกว่า CX-Series ประกอบด้วย CX-3, CX-5, CX-8 และ CX-30 ส่งผลให้รถยนต์ประเภทนี้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้นทำให้ตลาดเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2564 มียอดขายรวมสะสมประมาณ 57,000 คัน ส่วนมาสด้ามียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นประมาณ 9,700 คัน เพิ่มสูงขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จำนวน 7,653 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 17% ซึ่งการปรับโฉมและการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคาจำหน่ายใหม่ที่เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น จะส่งผลทำให้มาสด้ากลับมาครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น ปัจจุบันอันดับหนึ่งในเซ็กเมนต์รถอเนกประสงค์ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23% รองลงมาอยู่ที่ 20% ในขณะที่มาสด้าขยับขึ้นมารั้งอันดับสาม และเป้าหมายสำคัญคือเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากที่สุด


การเปิดตัวแนะนำมาสด้า CX-5 ใหม่ ในครั้งนี้ ได้รับการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ใส่มาให้อย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ทำให้เกิดความคุ้มค่ามากยิ่งกว่าเดิม แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ เรียบง่ายแต่งดงาม ระบบความปลอดภัยครบครัน ระบบเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในสังคมยุคปัจจุบัน และยังนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย 3 เครื่องยนต์อันทรงพลัง ให้เหมาะสมกับการใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ชื่นชอบสมรรถนะความแรงกับเครื่องยนต์ 2.5 เทอร์โบ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทั้งแรงและประหยัดน้ำมันกับเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 ลิตร หรือผู้ที่ต้องการใช้งานภายในเมืองที่กำลังมองหารถที่คุ้มค่าคุ้มราคากับเครื่องยนต์ 2.0 นี่คือเอกลักษณ์ของมาสด้าที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์หนี่งเดียวที่มีหลากหลายเครื่องยนต์ให้เลือกมากที่สุดในตลาด


ขณะที่ยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้านับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 25,800 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 1% จากตัวเลข 26,000 คัน ซึ่งสถานการณ์ในปีนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่ต้องประคับประคองธุรกิจให้เดินหน้าก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ โดยเฉพาะการทำงานระบบหลังบ้านให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งผลลัพธ์ถือว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง หลังจากนี้ไปมาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบโดยเฉพาะแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดให้ครบทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าการปรับกลยุทธ์สำหรับการแนะนำมาสด้า CX-5 ใหม่ ในครั้งนี้ จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น กลายเป็นโมเดลหลักสำคัญที่จะสร้างยอดขายให้กับมาสด้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ผลักดันให้มาสด้าก้าวสู่เป้าจำหน่ายของปีงบประมาณ 2564 ได้อย่างแน่นอน


ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวถึงแนวทางการสื่อสารการตลาดว่า NEW MAZDA CX-5 มาพร้อมกับแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” เป็นหนึ่งในตระกูลเอสยูวีจากมาสด้า เพื่อเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตให้ก้าวไปสู่ความเป็นที่สุด ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วันกับครอบครัว Enjoy Driving โดยเป็นยนตรกรรมที่ได้รับการพัฒนาให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำหน้า กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ใส่เทคโนโลยีและออฟชั่นเพิ่มมากขึ้นแต่ปรับราคาขายเพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เริ่มต้น 1.3 ล้านบาทเท่านั้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลทำให้ CX-5 ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นและได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทย คือ เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง การออกแบบที่สง่างาม เป็นรถที่แรงและประหยัดน้ำมัน ระบบความปลอดภัยระดับโลก และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน ใช้งานง่ายและมีความจำเป็นสำหรับผู้ขับขี่เพื่อใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน


มาสด้า CX-5 รถอเนกประสงค์เอสยูวีที่เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้านับตั้งแต่ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก จนถึงปัจจุบันมียอดขายสะสมกว่า 8 ล้านคันทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและความนิยมต่อรถประเภทนี้ โดยมาสด้า CX-5 เจเนอเรชั่นแรก ได้เปิดตัวแนะนำในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 มียอดขายสะสมสูงถึง 17,000 คัน ตามมาด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 มียอดจำหน่ายถึงปัจจุบันกว่า 15,000 คัน และครั้งนี้คือการกลับมาครั้งสำคัญของ CX-5 เพื่อกลับมาทวงคืนบัลลังก์ผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี และสร้างปรากฏการณ์ของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความสง่างามของการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในระดับโลก


กลยุทธ์ด้านราคาถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะส่งผลทำให้ CX-5 ใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 1,320,000 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติ ออฟชั่น ผนวกกับเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาจะส่งผลทำให้เกิดความคุ้มค่า คุ้มราคา มากที่สุดในตลาด และเมื่อรวมกับโปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ย ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลาที่ครอบครองแล้วยิ่งทำให้ CX-5 ใหม่ควรค่าแก่การครอบครองมากที่สุด


แนวคิดในการพัฒนามาสด้า CX-5 ใหม่ ยังคงคำนึงถึงการใช้งานและอรรถประโยชน์การใช้สอยเป็นหลัก ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง HMI (Human-Machine Interface) เพื่อให้สัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ รวมถึงการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay® และระบบ Android Auto™ ด้วยหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะที่หรูหราและจัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


การตกแต่งภายในของยังความหรูหรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พิถีพิถันในทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ และให้ผิวสัมผัสอย่างประณีต โดยการคัดสรรเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาล และใช้วัสดุตกแต่งภายในแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม หรือเบาะหนัง Nappa* สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม ในรุ่น 2.5 Turbo SP ที่เพิ่มความหรูหราและสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม


มาสด้า CX-5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคันให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เพื่อให้สามารถควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและสมดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งในขณะเข้าโค้ง ขณะอยู่ในโค้ง หรือขณะออกจากโค้ง หรือแม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง


มาสด้าคือหนึ่งเดียวในตลาดที่มีเครื่องยนต์ให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการและการใช้งานถึง 3 เครื่องยนต์ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 เทอร์โบ โดยมีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย


รุ่น 2.0 S ราคาจำหน่ายเพียง 1,320,000 บาท ส่งมอบความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดในคลาส ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม ให้พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกไดเร็คอินเจ็คชั่น รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กิโลเมตร/ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้าระบบ Auto Hold ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED เปิด-ปิด และปรับระดับสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Signature เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อค พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง หน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว


รุ่น 2.0 SP ราคาจำหน่ายที่ 1,470,000 บาท เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล พร้อมจอแสดงผลแบบสีขนาด 7 นิ้ว ระบบบันทึกตำแหน่งสำหรับเบาะนั่งคนขับ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า มอบสุนทรียภาพตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง ระบบแสดงภาพ 360 ̊ รอบทิศทาง และเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ครบครัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S)


รุ่น XDL ราคาจำหน่าย 1,770,000 บาท เครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ทั้งแรงและประหยัด ให้กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


รุ่น 2.5T SP ราคาจำหน่าย 1,830,000 บาท เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงถึง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเทอร์โบ แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ที่มอบความสนุกในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง


มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษขนาด 19 นิ้ว เบาะหนัง Nappa* สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม เพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าแบบสีดำเปียโน และสีเงินซาตินโครม รวมถึงวัสดุตกแต่งสวิตซ์ปรับเบาะ และที่เปิดกล่องเก็บของด้านหน้าแบบสีเงินซาตินโครม เพดานหลังคาสีดำ ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคู่หน้า Seat Ventilation ที่ช่วยระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ไฟอ่านแผนที่ ไฟห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระแบบ LED ไฟสร้างบรรยากาศบริเวณคอนโซลกลางแบบ Down Light ไฟส่องสว่างบริเวณที่วางเท้าหน้า-หลัง ไฟส่องสว่างในกล่องเก็บของด้านหน้า (เพิ่มเติมจากรุ่น XDL)

 

นอกจากนี้ ทุกรุ่นยังมาพร้อมกับ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันและไฟท้ายแบบ LED Signature ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus กุญแจนิรภัย สัญญาณกันขโมย และระบบล็อกและปลดล็อกประตูอัตโนมัติ กล้องมองหลัง ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวม 6 ตำแหน่ง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยิ่งขึ้น ราคาจำหน่าย รุ่น 2.0 S ราคา 1,320,000 บาท รุ่น 2.0 SP ราคา 1,470,000 บาท รุ่น 2.2 XDL ราคา 1,770,000 บาท รุ่น 2.5 Turbo SP ราคา 1,830,000 บาท


(โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขับนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ และอัลเมร่า กับทริป “Waycation: ขับสนุกตามแสงตะวัน”

นิสสัน พาสัมผัส คิกส์ อี-พาวเวอร์ และอัลเมร่า ขับเพลินในฤดูกาลท่องเที่ยวปลายฝนต้นหนาว ในทริป “Waycation ขับสนุกตามแสงตะวัน

ฉลองปีใหม่กับแคมเปญ “YES! NISSAN Plus Campaign นิสสัน พลัสเพิ่มความสุข กับบริการที่นิสสัน”

นิสสัน มอบความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เปิดตัวแคมเปญ “YES! NISSAN Plus Campaign นิสสัน พลัสเพิ่มความสุข กับบริการที่นิสสัน”

วัยอนุบาลก็สนุกได้ กับงาน MOTOR EXPO 2024

นักเรียนอนุบาล โรงเรียนกุมุทมาส เข้าร่วมกิจกรรมมากมายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ทั้งเรียนรู้ขับรถตามกฎจราจร ฝึกทักษะขับรถ F1 ชมรถโบราณ ฯลฯ

‘มิชลิน’ ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ในงาน Asia Pacific Media Day 2024

มิชลิน ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตวัสดุคอมโพสิตและการนำเสนอประสบการณ์การเดินทางเพื่อขับเคลื่อนชีวิตที่ดีกว่า จัดกิจกรรมครั้งใหญ่ Michelin Asia Pacific Media Day 2024

โฟตอน มอเตอร์ ผนึก คัมมินส์ เปิดโรงงาน “โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น” ในไทย

โฟตอน มอเตอร์ (Beiqi Foton) จับมือ คัมมินส์ (Cummins) แบรนด์เครื่องยนต์ดีเซลชั้นนำของโลก ขยายตลาด จัดตั้ง “บริษัท โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น