บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยโฉม ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ใหม่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ที่จะมาขับเคลื่อนกลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น พร้อมตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวันด้วยสมรรถนะอันทรงพลังแบบฟูลไฮบริด ซึ่งผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และหรูหรามากยิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งโครเมียม และเอกลักษณ์ของยนตรกรรมไฮบริด ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ ช่องปรับอากาศตอนหลัง สะดวกสบายเหนือกว่ากับระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ด้วยราคาประมาณการรุ่น e:HEV EL+ ไม่เกิน 1,150,000 บาท และรุ่น e:HEV RS ไม่เกิน 1,270,000 บาท พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่บูทฮอนด้า (A9) งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 และเปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์ได้ที่งานและโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2565 – 31 พฤษภาคม 2565 โดยจะทำการเปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2565**
นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฮอนด้า ซีวิค เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์คอมแพคท์ของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และหลังจากที่ฮอนด้าได้เปิดตัว ซีวิค เจเนอเรชันที่ 11 ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า โดยสามารถครองอันดับ 1 ในตลาดคอมแพคท์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ได้แนะนำ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ซึ่งจะมายกระดับตลาดรถยนต์คอมแพคท์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ด้วยขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV อันทรงพลังและประหยัดน้ำมัน แต่ยังคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอความสปอร์ตสไตล์ซีวิค โดยจะเข้ามาเป็นยนตรกรรมพลังงานทางเลือกสำคัญที่พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ซึ่งระบบการขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริดจะเป็นเทคโนโลยีหลักในกลุ่ม xEV ที่ลงตัวกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน และจะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่เชื่อมไปสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคตได้เป็นอย่างดี ฮอนด้าเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัปของ ฮอนด้า ซีวิค รวมทั้งเติมเต็มไลน์อัปยนตรกรรมกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่างๆ ของฮอนด้า มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ เพื่อสร้างสังคมปลอดมลพิษให้เกิดขึ้นจริง ตามเป้าหมายการดำเนินงานของฮอนด้าปี 2593
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีใหม่
ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม และกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตพรีเมียม ด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยที่จะเชื่อมต่อคุณและรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่หลากหลาย* สำหรับรุ่น e:HEV RS อาทิ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรู พกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น
สำหรับรุ่น e:HEV EL+ อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ โดยมีทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พร้อมโหมด
การขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่
- ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการ
ขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น - Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
- เพิ่มเติมด้วย Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่ง
ได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ
มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยเตือน
ผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรง
จากอุบัติเหตุ - ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำสมัย* อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น e:HEV RS ราคาประมาณการไม่เกิน 1,270,000 บาท***
- รุ่น e:HEV EL+ ราคาประมาณการไม่เกิน 1,150,000 บาท***
โดยมีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 6 สี และสีภายใน มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยรุ่น e:HEV RS สีภายในจะเป็นสีดำเท่านั้น
สัมผัส ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้ที่บูทฮอนด้า (A9) ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 โดยลูกค้าที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ได้ในงานหรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2565 – 31 พฤษภาคม 2565 โดยจะทำการเปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2565
โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อีซูซุ เปิดตัวขุมพลังใหม่ 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก
อีซูซุ กระตุ้นตลาดส่งท้ายปี 2567 ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก
'ฮอนด้า LPGA ไทยแลนด์ 2025' ศึกระดับโลกปีที่18 จัดก.พ.68สยามคันทรีคลับฯพัทยา
ฮอนด้า ผู้นำด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อน ผนึกกำลัง 3 บริษัทภายใต้แบรนด์ฮอนด้า ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด สำนักงานใหญ่ฮอนด้า ประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านรถยนต์ และบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้นำด้านรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลัก พร้อมด้วย ไอเอ็มจี ประกาศยืนยันจัดการแข่งขัน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025” ในวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี
ทัพ'ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม' ผลงานเยี่ยม ปิด'อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ2024' ที่เซปัง
3 ดาวรุ่งนักบิดไทย “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง และ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” บิดรถแข่ง Honda NSF250R ทำผลงานเก็บคะแนนสะสมอย่างต่อเนื่อง ในการแข่งขัน “อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” สนามที่ 6 สนามสุดท้ายของฤดูกาล ณ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
'ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024' ปิดฉากที่่'สงขลา กรังด์ปรีซ์' 'วี-ธนาศิวณัฐ'แชมป์ประจำปี
“ฮอนด้า วันเมคเรซ 2024” โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่หลังดวลสนามสุดท้ายที่ สงขลา สตรีท เซอร์กิต สนามปิดเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และความคลั่งใคล้แห่งกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยผลปรากฏว่า “วี” ธนาศิวณัฐ พงสินนัชอาชัญ นักขับฟอร์มแรงจาก PT Autobacs X Mugen Thailand สร้างผลงานระดับมาสเตอร์เหมาชัยชนะไปครั้งทั้ง 2 เรซ ผงาดแชมป์ประจำปีโอเวอร์ออลล์ พร้อมคว้ารางวัลสุดพิเศษร่วมทีม M&K Racing จากประเทศญี่ปุ่นลุยศึก ซูเปอร์ ไทคิว 2024 สนามสุดท้ายที่ ฟูจิ สปีดเวย์
โตโยต้า แนะนำซีดานหรู ALL-NEW CAMRY สมรรถนะและฟีเจอร์เพิ่มมากขึ้น
นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่
‘ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่’ ไมเนอร์เชนจ์ คุ้มค่ายิ่งขึ้น ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว เพียง 89X,XXX บาท
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยสเปก ‘ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่’ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยกระดับความคุ้มค่าอีกขั้น