อนาคตของ 'ไฟใต้' จะดับด้วยการ 'พัฒนา' หรือด้วยการใช้กำลังอาวุธ

ขึ้นปีงบประมาณใหม่ ไฟใต้ เบ่งบานในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทั้งใน อ.ยี่งอ, บาเจาะ, จะแนะ และสุไหงปาดี ลามไปถึงการวางระเบิดเสาไฟฟ้าบนถนนสายสุไหงปาดี-สุไหงโก-ลก และเชื่อว่าการก่อเหตุร้ายจะลุกลามเข้ามายัง จ.ปัตตานี และพื้นที่อื่นๆ ตลอดทั้งเดือนตุลาคม 2564 นี้ นี่เป็นการ วิเคราะห์ สถานการณ์ของ ไฟใต้ แบบรายเดือน ซึ่งจะมีการก่อเหตุทุกเดือน ก็เท่ากับ ไฟใต้ ยังเกิดขึ้นตลอดไป และหากยังไม่มี นโยบาย ที่ถูกต้องมาเป็นตัวกำหนด ไฟใต้ ก็จะเป็น สงครามประจำถิ่น ตลอดปี และตลอดไป  

นโยบายในการดับ ไฟใต้ ที่ดำเนินมาตั้งหลายปี มีหลักๆ ด้วยกัน 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่นำไปสู่การ ดับไฟใต้ นั่นคือการดับ ไฟใต้ ด้วยการพัฒนา ซึ่งหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ที่มีบทบาทในการ บูรณาการ กับภาคส่วนต่างๆ ทั้งหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน  

ในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่ในด้านการรักษาความสงบ ป้องกัน ปราบปราม ขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีอยู่ 2 แนวทางที่ทำการ ขับเคลื่อน เพื่อการดับ ไฟใต้ นั่นคือการใช้วิธีการ เจรจา กับฝ่ายแบ่งแยกดินแดนที่มี บีอาร์เอ็น เป็นผู้นำ ซึ่งการใช้แนวทางในการ เจรจา ทำกันมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ที่เป็นการ เจรจา และเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ เริ่มตั้งแต่ 10 ปีก่อน สมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น นายกรัฐมนตรี  

และอีกแนวทางหนึ่งของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คือการดับ ไฟใต้ ด้วย ยุทธวิธี ทางทหารภายในพื้นที่ ซึ่งมีการก่อความไม่สงบ เช่น การปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม นำคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหากมีการต่อสู้ก็จบลงด้วยการ วิสามัญ ซึ่งเป็นความชอบธรรมทางกฎหมาย  

วันนี้จะติดตามการดับ ไฟใต้ ก็จะเห็นว่ามีการ ขับเคลื่อน ไปพร้อมๆ กันทั้ง 3 แนวทาง ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือ การ ยุติ สงครามแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเกิดขึ้นและ คาราคาซัง นานนับ 100 ปี  

งานด้านการใช้การพัฒนาเพื่อดับ ไฟใต้ ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขับเคลื่อนอยู่นั้น จะมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของความยากจน ความเหลี่ยมล้ำในสังคม ด้วยการพัฒนาอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ดึงกลุ่มทุนเข้ามาลงทุนให้มากที่สุด เพื่อให้คนว่างงานได้มีงานทำ พัฒนาการค้าชายแดน และการท่องเที่ยว ที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่  

ปีงบประมาณใหม่นี้ ศอ.บต.กำลังขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบ พลิกโฉมหน้า ด้วยการใช้การวิจัยและนวัตกรรมเข้ามาเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำข้อมูลประชากรในพื้นที่ ซึ่งอยู่ในข่ายของ คนจน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริงครบถ้วน เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีข้อมูลจำนวนคนจน จำนวนครัวเรือนที่ยากจน แต่ยังไม่มีการลงรายละเอียดว่าเป็นความจนในด้านไหน  

เช่น จนในด้านอาชีพ จนในด้านการศึกษา จนในด้านสุขภาพ, จนในด้านของรายได้ จนในด้านสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นคนจน 5 ประเภท ของภาคใต้ และจะมีฐานข้อมูลจากเลข 13 หลัก และเลขที่บ้านเป็นหลักฐาน เพื่อง่ายต่อการดำเนินการในการแก้ปัญหาของคนจนที่ค้นเจอ  

เป็นการค้นหาคนจนแบบ ชี้เป้า คนจนอยู่ที่ไหน ต้องไปค้นหาให้เจอ และต้องตั้งโจทย์ว่า สาเหตุของความจนมาจากอะไร และจะแก้อย่างไร โดย ศอ.บต.ได้มอบหมายให้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นผู้ดำเนินการในการลงพื้นที่เพื่อการค้นหาคนจนแบบชี้เป้า แบบต้องหาให้เจอ ต้องมีหลักฐาน ซึ่งขณะนี้มหาวิทยาลัยในพื้นที่ 3 แห่ง ได้ดำเนินการแล้วใน จ.นราธิวาส ในพื้นที่ อ.เมือง, สุไหงปาดี และสุคิริน  

โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งต่อให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด และนำมาใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหา โดย ศอ.บต.เป็น แม่งาน ในการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทุกกระทรวง โดยมีกำลังสำคัญในพื้นที่ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และพัฒนาชุมชน เป็นต้น  

โดยจะมีการให้ความสำคัญกับทุนเดิมในพื้นที่ซึ่งมีอยู่แล้ว เมื่อพิจารณาจากทุนเดิมก็จะทราบว่าควรจะพัฒนาอย่างไร และจะนำไปสู่แบบบูรณาการประจำปีของงบประมาณในปี 2565 ซึ่งต่อไปหน่วยงานในพื้นที่หน่วยไหนทำอะไร มีแผนพัฒนาอย่างไร แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ศอ.บต.ต้องรับรู้ และมีการ บูรณาการ ด้วยกัน มิใช่ต่างหน่วยต่างทำ ต่างคนต่างเดิน และซ้ำซ้อนทับซ้อนกันอย่างที่เคยเกิดขึ้น  

และการพลิกโฉมการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ใน มิติใหม่ คือ จะใช้งานวิจัยและนวัตกรรมให้มากขึ้น โดยสำนักวิจัยแห่งชาติ (วช.) จะเป็นหน่วยงานที่จัดหางบประมาณเพื่อให้คนในพื้นที่ ซึ่งมีความรู้ เป็นปัญญาชน เป็นปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ และอื่นๆ ทำการวิจัยในปัญหาต่างๆ ที่เป็นปัญหาของพื้นที่ โดยให้คนในพื้นที่เป็นผู้วิจัยและนำเสนองานวิจัยให้กับ ศอ.บต. โดย ศอ.บต.จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนเวลาของงานวิจัยต้องใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน ยกตัวอย่างเช่น ไปวิจัยว่า ในสถานการณ์ของ โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งเรียกว่าเป็นยุคของ นิวนอร์มอล เราจะอยู่อย่างไร เป็นต้น  

ต่อไปนี้ปัญหาของคนในพื้นที่ จะเป็นหน้าที่ของคนในพื้นที่เป็นผู้กำหนด โดย ศอ.บต.กับ วช.เป็นผู้วางกรอบชี้เป้าให้ บ้านเกิดของท่านจะเป็นอย่างไร ท่านต้องการเห็นอย่างไร ท่านจะต้องมีส่วนในการกำหนด หน้าที่ของ ศอ.บต.คือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็น เจ้าภาพ เพื่อขับเคลื่อนการ บูรณาการ แบบ จริงๆ จังๆ  

แต่..ในการขับเคลื่อนของทุกภาคส่วนที่จะเกิดขึ้นตามแผนพัฒนาเดินหน้าจังหวัดชายแดนภาคใต้โฉมใหม่ ต้องอิงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ แผนแม่บท, พหุวัฒนธรรม และปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 การเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาเป็นด้านหลัก  

นี่คือบางส่วนบางตอนที่เป็นการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่จะใช้นโยบาย พลิกโฉมจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการพัฒนา เพื่อที่จะบอกว่า ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้จะจบอย่างไรอยู่ที่คนในพื้นที่ต้องการ  

สำหรับในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้านั้น ปีงบประมาณใหม่ ในนโยบายเดิม เพราะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ย้ำมาโดยตลอดว่า เราเดินมาถูกทางแล้ว ดังนั้นจึงยังคงเดินหน้าในเรื่องของการนำคนกลับบ้าน การใช้เวทีของ สล.2 และ สล.3 ที่มีนโยบาย นักรบพบรัก กล้วยและแอปเปิล ซึ่งเป็น ไอเดีย ของ พล.ท.ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 ที่เป็นผู้กำกับดูแล ศูนย์สันติวิธี ด้วยการเน้นการ พูดคุย ในพื้นที่เป็นด้านหลัก  

ส่วนการ เจรจา กับตัวแทนของบีอาร์เอ็น ที่มีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งมีการ ยุติ ไปเพราะ สถานการณ์ของ โควิด-19 โดยมีเพียงการ พูดคุย นอกรูปแบบระหว่างกันนั้น ก็ต้องฟังดูว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงคนใหม่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม จะมีนโยบายอะไรใหม่ๆ หรือยังเป็นนโยบายเดิมที่กำกับการแสดงโดย "แม่ทัพเมา" - พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และอดีตหัวหน้าคณะ พูดคุย ซึ่งปฏิเสธที่จะไม่คุยกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลุ่มอื่นๆ ยกเว้นบีอาร์เอ็นเท่านั้น  

แต่...กลุ่มบีอาร์เอ็นที่มีรายชื่อในโต๊ะของการ พูดคุย ณ วันนี้ ซึ่งสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วนั้น อาจจะเป็นบีอาร์เอ็นก็จริง แต่เป็นบีอาร์เอ็นที่ไม่มีตำแหน่งแห่งหนในขบวนการแล้ว ดังนั้นการเจรจากับบีอาร์เอ็นกลุ่มนี้ก็อาจจะไม่มีมรรคมีผลที่จะทำให้ ไฟใต้ สามารถ ยุติ ลงได้ด้วยการ เจราจา ก็แเป็นได้  

หรือสุดท้ายแล้วการดับ ไฟใต้ ยังต้องใช้ บริการ กำลังเจ้าหน้าที่และอาวุธในการใช้ความรุนแรง ภายใต้อำนาจของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จนกว่าบีอาร์เอ็นจะอ่อนแรง หรือจนกว่าบีอาร์เอ็นจะสร้างมวลชนได้ในจำนวนที่ต้องการ และสร้างสถานการณ์ให้ ต่างชาติ เข้ามาเป็น คนกลาง ในการตัดสินปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้  

ก็ต้องจับตามองว่า การใช้แผนพลิกโฉมการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ ศอ.บต.จะทำให้มวลชนละทิ้ง ขบวนการบีอาร์เอ็นได้หรือไม่ เพราะการแพ้-ชนะในสงครามแบ่งแยกดินแดนนั้น มวลชนคือผู้ชี้ขาด ถ้าบีอาร์เอ็นไม่มีมวลชนสนับสนุน ไม่มีงบประมาณ ไม่มีที่พักพิง ไม่มีผู้ส่งเสบียงอาหาร ก็เหมือน ตะเกียง ที่ขาดน้ำมัน สุดท้ายก็ย่อมที่จะดับไปเอง. 

เมือง ไม้ขม รายงาน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำนูณ ผ่าปม 2 ได้ 3 เสีย ถ้าไม่ยกเลิก MOU 2544

ความเคลื่อนไหวและการแสดงความคิดเห็นเรื่อง MOU 2544 ที่เชื่อมโยงถึงเกาะกูด, การหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา ที่มีการประเมินกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท ยั

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???

อย่าได้ประมาทในธรรม.. “เมื่อใจตรง .. จะตรงใจ”..

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. เดินทางกลับมาจากอินเดีย เมื่อ ๗ พ.ย.๒๕๖๗.. ถึงกรุงเทพฯ ๘ พ.ย.๒๕๖๗ หลังจากไปร่วมประชุม “The First Asian Buddhist Summit 2024” ที่นิวเดลี งานนี้จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของรัฐบาลอินเดีย

ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว ! ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” ในเอกสารแนบท้าย MOU 2544

เขียนและพูดเรื่อง MOU 2544 มาหลายปี หลากมุมมอง ล่าสุดช่วงนี้ก็จำแนกข้อดีข้อเสีย รวมทั้งส่วนที่จะได้และส่วนที่จะเสียหากเจรจาสำเร็จ ล้วนหนัก ๆ ทั้งนั้น .

ไม่เลิก MOU 44 ได้สอง-เสียสาม !

คำถามของท่านนายกรัฐมนตรึเมื่อวันก่อนที่ว่าถ้าเราเลิก MOU 2544 แล้วจะ “ได้” อะไร ดูเหมือนท่านจะเห็นว่าเราจะ “ไม่ได้” อะไรเลยละกระมัง จึงสรุปว่าจะไม่เลิกและจะเดินหน้าต่อ