ปฏิบัติการรื้อสร้าง-เปลี่ยนผ่าน.. การพัฒนาบุคลากรสู่โลกใหม่

เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจถึงความก้าวหน้าใหม่ ที่เปลี่ยนผ่านโลกใบเก่าสู่การเป็นโลกใบใหม่วันนี้ให้ละเอียดและประณีตทางความคิด มากกว่าแค่ได้ยินหรือเข้าใจอย่างฉาบฉวยด้วยเหตุว่าการเปลี่ยนผ่านจากโลกเก่าสู่โลกใบใหม่นั้นมีความละเอียด ลุ่มลึก เกินกว่าที่หลายคนคิด และมันส่งผลต่อการพัฒนาคนและการศึกษา ที่มีสถานะบทบาทสำคัญที่จะชี้ชะตาความก้าวหน้า ความล้าหลัง-ถดถอย หรือความรุ่งเรืองของประเทศ จากวันนี้สู่อนาคตอย่างปฏิเสธไม่ได้!!!

ประเด็นความเปลี่ยนแปลงที่กล่าวข้างต้นนั้นมีนัยสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร การศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยรวม หากพิจารณาถึงการบริหารจัดการไม่ว่าจะเรื่องการพัฒนายกระดับคนหรือองค์กร ที่กำลังเคลื่อนอยู่ในกระแสเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยจะพบว่าสภาพที่เปลี่ยนไปโดยรวมนั้นมีความเคลื่อนไหวและการงานราวเหมือนเป็นคนละโลกทีเดียว!

หากปรมาจารย์ด้านการบริหารอย่าง ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ ผู้สร้างคัมภีร์การบริหารที่รุ่งโรจน์อยู่ในช่วงศตวรรษก่อนหน้านี้ ต้องมาเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันขณะ อาจต้องพลิกตำราคิดค้น-วางกรอบแนวทางใหม่ให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าเรื่องขององค์กร สภาพการผลิต-บริการ อาชีพ-การทำงานที่ผุดขึ้นใหม่วันนี้ ซึ่งหมายถึงว่าความคิดฝังลึกในด้านการบริหารจัดการ หรือ mindset ที่ฝังอยู่ในผู้คนตลอดไป จนถึงกระบวนการปฏิบัติการแบบเดิมๆ มีสภาวะแตกต่างอย่างยิ่งกับโลกวันนี้!!!

มิติความเข้าใจโลกยุคอุตสาหกรรม 4.0 ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้นนี้ มีข้อกังขาว่าผู้คนจำนวนไม่น้อย รวมถึงผู้บริหารและบุคลากรในหน่วยงาน/สถาบันที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากร-การจัดการศึกษา นั้นเข้าใจความคิด ทิศทาง และกลไกในบริบทการเปลี่ยนแปลงเพียงใด เพราะบทเรียนจากการทำงานและการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมาบอกสอนว่า ความเข้าใจที่พร่ามัว-ไม่กระจ่างชัดนำสู่ความคิด ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีและภาคปฏิบัติที่บิดเบี้ยวพิกลพิการ! ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสร้างผลลัพธ์ที่พิกลพิการ ไม่ตอบโจทย์ความเคลื่อนไหวของโลกใหม่ยุค 4.0 ได้!!!

สมการที่ว่า การตั้งข้อสังเกตและค้นคว้า – นำไปสู่ความเข้าใจ – ความเข้าใจจะนำสู่การปรับสร้างความคิดฝังลึกในทิศทางใหม่/เปลี่ยนมายเซตใหม่-นำสู่วิสัยทัศน์ใหม่/คอนเซ็ปต์ใหม่-สร้างแนวทางการทำงานใหม่-ปรับกระบวนการปฏิบัติใหม่-เพื่อสร้างผลลัพธ์ในทิศทางและเป้าหมายใหม่ ฯลฯ นั้น สมการนี้ยังมีมนต์ขลังเสมอกับทุกสถานการณ์-ทุกบริบทของความเปลี่ยนแปลง-ทุกการสร้างการเปลี่ยนผ่านให้ทุกองค์กร!!! นี่คือความสำคัญของการตั้งข้อสังเกต-ทำความเข้าใจให้ชัดถึงโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่าน..เพื่อนำสู่การจัดการสร้างคุณภาพคนยุคใหม่ในระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ-สังคมยุคใหม่ ที่กำลังเปลี่ยนไปทุกขณะ!!!

การเปลี่ยนผ่านจากโลกเก่าสู่โลกใหม่ที่ปรากฏวันนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นผลิตผลของสติปัญญา-การสร้างความก้าวหน้าจากการประดิษฐ์คิดสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยี การสื่อสาร และการพัฒนาศักยภาพหลากหลายมิติผสมผสานเข้ากัน จนก่อรูปความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ-สังคมใน 2 ทิศทางคือ การเกิดขึ้นของโอกาสใหม่ๆ หรือไม่ก็การทำลายล้าง! โอกาสใหม่จะเป็นของผู้คน-องค์กรที่เคลื่อนไหวรับรู้เร็วเท่าทันโลกใหม่ ส่วนการทำลายล้าง-วิกฤตการณ์จะเกิดกับกลุ่มที่ปรับตัวยากหรือไม่ปรับตัวเคลื่อนไหวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น! นี่คือสภาวะที่ต้องระมัดระวังยิ่งในการพัฒนาบุคลากรยุคใหม่!

ลองพิจารณาถึงผลสำรวจอย่างง่ายๆ ที่สำนักงาน EEC HDC จัดทำขึ้นเสริมสร้างแนวทางการเปลี่ยนผ่านกระบวนระบบการพัฒนาบุคลากรจากแบบโลกเก่าสู่โลกใหม่ จากการสำรวจเชิงคุณภาพพบว่า การปรับเปลี่ยน ความคิดฝังลึก (mindset) ในการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา จากแบบเดิมสู่โลกใหม่ยุค 4.0 พบว่าบุคลากรของสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษามีจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 10 เท่านั้นที่เข้าใจและตระหนักพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการมีมากกว่าร้อยละ 70 เข้าใจและตระหนักถึงการพัฒนาองค์กร-ระบบการผลิต-การบริการที่ต้องการบุคลากรในทิศทางที่ต้องปรับปรุงหรือสร้างขึ้นใหม่ นี่คือช่องว่างที่น่าสนใจว่าบ้านเมืองในสภาวะอย่างนี้จะไปต่อกันยังไง?

ส่วนผลรวมการยกระดับพัฒนาการผลิตระบบเดิมสู่ระบบ 4.0 ของโรงงานอุตสาหกรรมกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ สำรวจพบว่าอัตราส่วนการใช้คนทำงานมูลค่า 1 ล้านบาท เดิมใช้คน 10 คน หลังปรับเป็น 4.0 จะใช้คนเพียง 1 คน และมีการลดลงของต้นทุน-การใช้ทรัพยากร-การสูญเสียโดยเปรียบเทียบระบบเดิมพบว่า อุตสาหกรรม 4.0 มีผลรวมที่ประหยัดค่าใช้จ่าย-เพิ่มศักยภาพการผลิต-หยุดยั้งการเสียหายได้ดีกว่าระบบเดิมสูงถึงร้อยละ 38 ถึง 40 ทีเดียว นี่คือ 3 มิติง่ายๆ ที่หยิบยกมาขยายความให้เข้าใจความเคลื่อนไหวและผลของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยเปรียบเทียบ!

ส่วนมิติปัญหาอุปสรรคในการปรับตัวเปลี่ยนผ่านนอกจากปัญหาทักษะ-ความรู้โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาจะวนอยู่กับเรื่องใหญ่ๆ 2 เรื่องคือ ระบบระเบียบ-สิ่งแวดล้อมในการบริหารจัดการ ปัญหา-อุปสรรคที่สุดคือ ระบบระเบียบ-แนวปฏิบัติของราชการที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ส่วนที่ 2 ก็คือ ปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ส่วนที่ 3 เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ในการจัดการองค์กรที่มีผลต่อการวางเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการที่ผิดแผกแตกต่างกันไป ส่วนด้านการพัฒนาบุคลากรและศึกษา ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคสำคัญก็เป็นเช่นเดียวกับภาคเอกชนคือ ระบบระเบียบราชการและความคิดฝังลึก (mindset) ที่เป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับองค์กร/หน่วยงานทางการศึกษา ซึ่งเป็นอุปสรรคปัญหาในการพัฒนาคน-พัฒนาบ้านเมืองอย่างมีนัยสำคัญทีเดียว!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุทธัจจะ .. ในวังวนแห่งการตื่นธรรม .. ยุคไอที!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระรัตนตรัย... สัทธายะ ตะระติ โอฆัง.. บุคคลข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา.. โอฆะ หมายถึง ห้วงน้ำ ที่มีกระแสเชี่ยวกราก พัดพาสัตว์ทั้งหลายให้ตกไปในกระแสน้ำนั้น ยากจะข้ามฝั่งไปได้

คำนูณ ผ่าปม 2 ได้ 3 เสีย ถ้าไม่ยกเลิก MOU 2544

ความเคลื่อนไหวและการแสดงความคิดเห็นเรื่อง MOU 2544 ที่เชื่อมโยงถึงเกาะกูด, การหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา ที่มีการประเมินกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท ยั

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???

อย่าได้ประมาทในธรรม.. “เมื่อใจตรง .. จะตรงใจ”..

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. เดินทางกลับมาจากอินเดีย เมื่อ ๗ พ.ย.๒๕๖๗.. ถึงกรุงเทพฯ ๘ พ.ย.๒๕๖๗ หลังจากไปร่วมประชุม “The First Asian Buddhist Summit 2024” ที่นิวเดลี งานนี้จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของรัฐบาลอินเดีย