การออกกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายของเรานั้น ย่อมต้องทำเพื่อประชาชนภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอันถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ โดยต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชน การจัดทำประชาพิจารณ์แสดงความคิดเห็นนำไปสู่ร่างกฎหมายที่เสนอต่อรัฐสภาเพื่อตราเป็นกฎหมายต่อไป
ในปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมานั้น ต้องยอมรับว่าการบังคับใช้กฎหมายหลายกรณีมีความไม่เสมอภาค สองมาตรฐาน ขาดธรรมาภิบาล แต่บทความเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นถึงการใช้อำนาจของรัฐในการตรากฎหมายที่แม้เพียงเป็นการเริ่มต้นก็เดินหลงทางบนความถูกต้องด้วยความผิดหลง สำคัญผิดว่าการใช้อำนาจรัฐสามารถทำได้ทุกอย่างภายใต้กฎหมายรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงการกำกับและควบคุมการทำความดีในสังคม
เมื่อไม่นานมานี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการของร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้ หรือกำไรมาแบ่งปันกัน พ.ศ…..โดยในหลักการของร่างกฎหมายนั้น มีการระบุไว้ว่า ในปัจจุบันมีการจัดตั้งองค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกันขึ้นในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก บางส่วนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ และบางส่วนดำเนินการในรูปคณะบุคคลที่มิได้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ทำให้ภาครัฐมีการกำกับดูแลไม่ทั่วถึง และมีองค์กรจำนวนมากที่อ้างว่า เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกัน แต่กลับดำเนินการในลักษณะที่เป็นการหารายได้มาแบ่งปันกันในระหว่างผู้ร่วมดำเนินการโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ซึ่งเป็นการหลอกลวงประชาชน และมีจำนวนมากที่รับเงินหรือทรัพย์สินของบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือคณะบุคคล ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย มาใช้ในการดำเนินกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย สมควรที่จะต้องมีกฎหมายกลางขึ้นเพื่อกำกับการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรเป็นไปอย่างถูกต้อง เปิดเผย โปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งหลายประเทศได้กำหนดให้มีกฎหมายในลักษณะเดียวกัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้เพื่อให้มีกฎหมายกลางในระดับพระราชบัญญัติขึ้นเพื่อกำกับการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไร
การกำกับและควบคุมอย่างไรบ้างนั้น ขอนำมาเล่าสู่กันฟังว่า ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นว่าเราควรจะแสดงความเห็นส่งต่อไปยังรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องพร้อมๆ กัน อย่างน้อยดังนี้
1.คำนิยาม
“องค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกัน หมายความรวมถึง คณะบุคคลที่มิได้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ แต่ดำเนินกิจกรรมโดยไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปัน”
เห็นได้ว่า คำว่า “คณะบุคคล” รวมทุกกลุ่มบุคคล ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิ สมาคม ชมรม กลุ่มเพื่อน กลุ่มจิตอาสาในภารกิจเพื่อสังคม หรือองค์กรทำความดีต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์มในโลกโซเชียล เช่น จส.100 ธนาคารเวลา องค์กรทำความดี เทใจดอทคอม ซ.โซ่อาสา ขนมปังเทวดา ร้านบ้านคุณตาคุณยาย เป็นต้น ที่จะต้องตกอยู่ภายใต้การบังคับตามร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดความวุ่นวายโกลาหล เพราะคำว่า “หมายความรวมถึง” คือการครอบจักรวาลเพื่อการที่รัฐต้องการเข้ามาจัดระบบแบบขึ้นทะเบียนกับทางราชการในการกำกับและควบคุมทุกๆ กลุ่มของผู้คนที่ต้องการทำความดี
2.การเข้ามากำกับและควบคุมการทำความดี
ร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ “คณะบุคคล” และอาจรวมถึง “บุคคล” ใดๆ ที่จัดตั้งองค์กรหรือในรูปโครงการ แต่ดำเนินงานโดยคณะบุคคลในการทำการกุศลขึ้นมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งก็ตามที่ตกอยู่ในคำนิยามให้มีหน้าที่ต้องไปจดแจ้งขึ้นทะเบียนการเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกันกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเพื่อการกำกับ ควบคุมต่างๆ แบบครบวงจร กล่าวคือ :
2.1 ต้องเปิดเผยแหล่งที่มาและจำนวนของเงินหรือทรัพย์สิน ที่ใช้ในการดำเนินกิจกรรมในแต่ละปี และต้องยื่นแบบรายการภาษีเงินได้ทุกปี
2.2 ต้องเสนอรายงานการสอบบัญชีประจำปี โดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตต่อผู้รับจดแจ้งภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี และให้ผู้รับจดแจ้งเผยแพร่ต่อสาธารณะ
2.3 กำหนดให้องค์กรที่ไม่แสวงหารายได้ จะรับเงินหรือทรัพย์สินจากบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือคณะบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย หรือไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งในไทย มาใช้ในการดำเนินกิจกรรมในไทยได้เฉพาะกิจกรรมที่กฎหมายกำหนด
3.โทษทางอาญา
ร่างกฎหมายฉบับนี้มีการกำหนดโทษทางอาญา (จับกุม คุมขัง และโทษปรับ) อีกด้วย ซึ่งเป็นการผิดวิสัยของการที่รัฐต้องการเข้ามาสนับสนุนดูแลการทำงานของภาคประชาสังคม
ในเรื่องนี้มีความเห็นเพิ่มเติมว่า มีการเตรียมออกกฎหมายฉบับนี้เข้าไปยึดโยงเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองอีกด้วย คือความเข้าใจว่ามีการระดมทุนทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลผ่านกลไกขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้เหล่านี้ นอกจากนี้ยังได้ยินมาอีกว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ขอมีส่วนร่วมให้มีการเพิ่มเติมการกำกับและควบคุมเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอีกด้วย ดังนั้นการทำความดีหรือการตั้งใจทำความดีอาจเป็นการทำคุณบูชาโทษได้ในอนาคตหากไม่มีการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้
แม้ต่อมาทางรัฐบาลจะได้ออกมาชี้แจงผ่านสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าร่างดังกล่าวเป็นเพียง “หลักการ” เท่านั้น และจะต้องมีการยกร่างขึ้นมาโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งอาจจะไม่เหมือนของเดิมที่เป็นหลักการเลยก็ได้ แต่ความไม่แน่นอนย่อมทำให้ประชาคมจิตอาสาเกิดความกังวล ไม่สบายใจได้ อย่างไรก็ตาม ก็ขอฝากท่านผู้อ่านทุกคนโดยเฉพาะในภาคประชาสังคมว่าอย่าได้ท้อแท้ใจกับเรื่องนี้ ขอให้ทุกท่านทำความดีต่อไป เชื่อมั่นว่ากฎหมายที่ร่างด้วยความไม่สมเหตุสมผล ขาดการมีส่วนร่วม ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ธรรมาภิบาลและหลักสิทธิมนุษยชนย่อมจะต้องแพ้ภัยตัวเองในที่สุด
เขียนโดย
เทวัญ อุทัยวัฒน์
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2
รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า
วิปริตธรรม .. ในสังคม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. เลียบบ้านแลเมือง มองดูเข้าไปในหมู่ชนของบ้านเรา.. ในยามที่นักการเมืองเป็นใหญ่ มีอำนาจวาสนาบริหารราชการแผ่นดิน จึงได้เห็นความไหลหลงวกวนของหมู่ชน ที่สาละวนอยู่กับการแสวงหา เพื่อให้ได้มาใน ลาภ สักการะ ยศ สรรเสริญ สุข.. ไม่เว้นแม้ในแวดวงนักบวชที่มุ่งแสวงหามากกว่าละวาง
ธุรกิจคาสิโนถูกกฎหมาย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักเกี่ยวพันผู้มีอำนาจทางการเมือง
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดงานเผยแพร่ผลการศึกษาผลกระทบของคาสิโนถูกกฎหมายต่อการฆาตกรรมและการข่มขืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก
แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง
ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..
รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ
เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก