เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ..จากที่เล่าไปแล้วในฉบับก่อนว่า เมื่อ ๒๕-๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ ได้ไปปฏิบัติศาสนกิจในโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน... ถวายเป็นพระราชกุศล ที่สนับสนุนโดยสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย ที่ได้ประกาศเป็นนโยบายบรรจุในแผนดำเนินงานของสมาคมฯ ประจำปี ๒๕๖๘ นี้ จึงได้เห็นภาพคณะประธานแม่บ้านมหาดไทย ๒๐ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมงานดังกล่าวอย่างพร้อมพรั่ง ที่ พระธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งนับเป็นนิมิตที่ดีของแผ่นดิน ที่ผู้นำสตรีในแต่ละจังหวัดได้กล้าหาญแสดงออกในการสนับสนุนให้ ผู้ปกครอง ผู้บริหาร.. ผู้นำ และข้าราชการในจังหวัด ได้อาศัยราชธรรม ๑๐ ประการ เป็นหลักธรรมปฏิบัติ เพื่อการมี อัตตหิตสมบัติ ที่จะนำไปสู่ ปรหิตปฏิบัติ คือ การปฏิบัติเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่สืบสานแผ่นดินไทยให้มั่นคง ดำรงความสืบเนื่องมาจนถึงความเป็นประเทศไทยในวันนี้ ทรงมั่นคงอยู่ใน ทศพิธราชธรรม มาโดยตลอด ดังปรากฏอยู่ใน ประกาศพระปฐมบรมราชโองการ ที่ทรงได้ให้ พระราชสัตยาธิษฐาน ต่อประชาชนและแผ่นดินไทย ไว้ว่า.. “..จะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน.. เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป...”
“การครองแผ่นดินโดยธรรม.. เพื่อประโยชน์และความสุขของมหาชน .. ประเทศชาตินั้น..” นับเป็นอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ที่วางเป็นจุดมุ่งหมายต่อการถือปฏิบัติของผู้ปกครองแผ่นดินที่มี ธรรมาธิปไตย ไม่ว่าจะอยู่ในระบอบการปกครองแบบใด.. เพื่อแสดงให้เห็นถึงการอยู่ในฐานะอันประเสริฐ ที่ควรแก่การเป็นผู้นำปกครองแผ่นดิน..
จึงเป็นความเหมาะควรอย่างยิ่ง ต่อการรณรงค์ให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ.. ผู้นำองค์กร ผู้บริหารราชการแผ่นดิน ทุกฝ่าย ได้กลับมาใส่ใจในการสร้างอุดมการณ์ ปลูกฝังราชธรรมไว้ในจิตวิญญาณ เพื่อการมีจิตวิญญาณนักปกครองที่แท้จริง.. ที่จะนำไปสู่การทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยคำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ.. ดังคำกล่าวที่ว่า.. เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวไทย!!
ในวันดังกล่าว.. บรรยากาศการฟังธรรมที่บรรยายโดย พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (พระ อ. อารยวังโส) ด้านหน้าพระธาตุพนม จึงศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง เมื่อทั้งผู้บรรยายและผู้ฟัง ได้ร่วมกันใส่ใจ.. ตั้งใจ ในการเคารพธรรม ดังจะเห็นได้จากภาพลักษณ์การแสดงออกของ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนางธนวัน อุ่นเพชรวรากร ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม ที่นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำองค์กรต่างๆ รวมถึงประชาชน มาร่วมกันปฏิบัติธรรม.. บูชาราชธรรม.. กันอย่างพร้อมพรั่ง โดยมี คณะแม่บ้านมหาดไทย ๒๐ จังหวัดภาคอีสาน นำโดย นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมฯ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการร้อยใจไทยฯ .. เข้าร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนเพื่อความสมบูรณ์ ในการประกาศอุดมการณ์สืบสานราชธรรมทั้งแผ่นดินไทย ตามแนววิถีพุทธศาสนา
ปรากฏการณ์อันสำคัญยิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น อันควรนำมาบอกเล่าอีกประการหนึ่ง ได้แก่ การประกอบสังฆกรรมของคณะสงฆ์ ที่นำโดย พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (พระ อ. อารยวังโส) เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน ที่ได้ประกอบสังฆกรรม ลงอุโบสถในเรือ กลางแม่น้ำโขง โดยการกำหนดเป็นเขตสีมากลางน้ำ ที่เรียกว่า อุทกุกเขปสีมา อันเป็นไปตามพระวินัยนิยมบรมพุทธานุญาต ที่จัดเป็น อพัทธสีมา
การกระทำสังฆกรรมบนเรือ ที่ลอยทอดสมออยู่กลางแม่น้ำโขง ที่เชื่อมโยงระหว่างจิตวิญญาณของประชาชนสองฝั่งโขง คือ ไทย-ลาว.. น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบยาวนานมาในสมัยอายุของพวกเราทั้งหลาย
จึงเชื่อกันว่า.. เหตุการณ์ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ ณ พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ที่กำหนดให้มี การจัดงานโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศล จึงไม่บังเอิญที่ตรงกับวันพระในรอบปักษ์หนึ่งพอดี ที่มีพุทธบัญญัติให้พระสงฆ์ลงอุโบสถ ฟังสวดปาติโมกข์สิกขาบท ๒๒๗ สิกขาบท ซึ่งจักต้องกระทำในเขตสีมา.. เมื่อมีพระภิกษุครบ ๔ รูปขึ้นไป ที่จะต้องลงอุโบสถ โดยมีพระปาติโมกข์หนึ่งรูป ที่มีความรู้ ความสามารถ ท่องบ่นจดจำศีลหรือสิกขาบท ๒๒๗ ได้อย่างแม่นยำ และยกเอาสิกขาบทดังกล่าวขึ้นสวดเป็นพระปาติโมกข์ ที่เรียก อาณาปาติโมกข์..
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง จัดหาเขตแดน (สีมา) เพื่อกระทำสังฆกรรมของพระสงฆ์ในวันนั้น ซึ่งบังเอิญยิ่งที่การจัดงานของโครงการร้อยใจไทยฯ ตรงกับวันพระใหญ่ครบปักษ์หนึ่ง ที่พระสงฆ์ต้องลงอุโบสถเพื่อกระทำสังฆกรรม ณ พระธาตุพนม จ.นครพนม
โดยครั้งแรกได้วางแผนเดินทางกลับมาลงอุโบสถ เพื่อฟังสวดปาติโมกข์ที่ วัดป่าอารยวังสาราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา .. แต่เมื่อใกล้วันจัดงานที่นครพนม.. ให้มีความเห็นว่า ควรจัดสังฆกรรมของพระสงฆ์ในแม่น้ำโขง ด้านหน้าพระธาตุพนม เพื่อเป็นอานิสงส์ของสัตว์ทั้งหลายทุกภพภูมิ ที่รอคอยมายาวนาน จะได้ กระทำการอนุโมทนา มีส่วนในบุญกุศลที่เป็นอธิการกุศลดังกล่าว ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ยากมาก.. เพราะจะต้องถึงความพร้อมในหลายประการ ทั้งความพร้อมของบุคคล วัตถุ และสีมา เป็นต้น จึงจะกระทำได้
จึงได้แจ้งประสานงานไปยังสำนักงานจังหวัดนครพนม.. ที่ได้ประสานงานกับนายอำเภอธาตุพนมว่า สามารถจัดเรือถวายพระสงฆ์ เพื่อลงอุโบสถในแม่น้ำโขง เป็น อพัทธสีมา ประเภท สีมากลางน้ำ (อุทกุกเขปสีมา) ได้หรือไม่... โดยเรือลำดังกล่าวต้องสามารถนั่งประกอบสังฆกรรมของพระสงฆ์ประมาณ ๑๕ รูปได้.. และขณะกระทำสังฆกรรมต้องจอดทอดสมอเรือให้นิ่งอยู่กลางน้ำได้ ไม่ลอยไปตามกระแสน้ำ และจะต้องไม่มีคนอยู่ในเขตประกอบสังฆกรรมบนเรือลำดังกล่าว ที่ถูกกำหนดเป็น สีมาน้ำ (อุทกุกเขปสีมา)
แม้จะมีเวลาจำกัดต่อการเตรียมเรือที่เหมาะควร แต่ปรากฏว่า นายอำเภอธาตุพนมและข้าราชการฝ่ายปกครองที่รับผิดชอบ ได้ประสานกับทางผู้ประกอบการเรือข้ามฟาก ท่าเรือธาตุพนม จนเรียบร้อย.. จึงนำมาสู่การประกอบสังฆกรรมกลางแม่น้ำโขง ด้านหน้าพระธาตุพนม จ.นครพนม ครั้งสำคัญ ที่เกิดขึ้นในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘.. เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณสองฝั่งโขง (ไทย-ลาว) ที่ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามพระธรรมวินัยทุกประการ อันควรแก่การอนุโมทนายิ่ง
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อเสร็จสิ้นการกระทำสังฆกรรมของคณะสงฆ์กลางแม่น้ำโขงแล้วนั้น ได้มีการจัดถวายสังฆทานสองฝั่งโขง โดยนิมนต์พระสงฆ์เป็นสองคณะ เพื่อไปรับสังฆทานที่ฝั่งลาวและอีกคณะหนึ่งรับสังฆทานที่ฝั่งไทย เพื่อถวายสักการบูชาพระธาตุสองฝั่งโขง ได้แก่ พระธาตุพนมฝั่งไทย และ พระธาตุตุมภวังค์ฝั่งลาว
ทั้งนี้ ได้มี การทำพิธีล่องเรือถวายพานดอกบัวบูชาพระรัตนตรัย กลางลำน้ำโขง เพื่อถวายบูชาสังฆกรรมของพระสงฆ์ที่ลงอุโบสถกลางแม่น้ำโขงในครั้งนี้ โดย นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้น้อมถวายพานดอกบัวดังกล่าว พร้อมเรือแพขนาดเล็ก ในท่ามกลางสงฆ์.. ซึ่งเมื่อเสร็จพิธีสังฆกรรมได้มี การปล่อยเรือดอกไม้บูชาพระรัตนตรัยลำดังกล่าว .. กลางแม่น้ำโขงที่ไหลเชี่ยว.. โดยเกิดอัศจรรย์ยิ่ง เมื่อเรือดอกบัวบูชาฯ ลำดังกล่าว ได้แล่นตัดกระแสน้ำเข้าสู่ฝั่งพระธาตุพนม.. เทียบตลิ่งตรงจุดขึ้นสู่พระธาตุพนมทุกประการ จึงนำมาสู่ความปีติยินดียิ่งในการประกอบมหากุศลในวันดังกล่าวจบเรียบร้อยสมบูรณ์ในทุกเรื่อง...
เมื่อเดินทางสู่สนามบินนครพนม.. จึงได้ทราบถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว และความโกลาหลในกรุงเทพฯ โดยมีการแจ้งความล่าช้าของการบินไปดอนเมืองร่วม ๔ ชั่วโมง.. ในวันนั้นจึงเดินทางถึงกรุงเทพฯ.. และกว่าจะถึงที่พักสงฆ์นครชัยศรี ก็เกือบเที่ยงคืน.. ซึ่งในวันนั้น ถ้าหากไม่กระทำสังฆกรรมที่นครพนมให้เรียบร้อย คงจะวุ่นวายกันพอสมควร.. จึงได้แต่อุทานว่า “ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม” แท้จริง!!.
เจริญพร
dhamma_araya@hotmail.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความโลภ ที่น่ากลัว...... ความเลว ที่น่ารังเกียจ..!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... นับเป็นห้วงเวลาแห่งการบำเพ็ญเพียร ประพฤติธรรม ที่ให้คุณค่ายิ่งต่อการพัฒนาจิต.. ในวิถีสติปัฏฐานธรรม รวม ๑๗ วัน ที่ให้ประโยชน์ทั้งต่อตน.. ต่อภิกษุ อุบาสก-อุบาสิกา.. และต่อการสืบอายุพระพุทธศาสนา บนภูเขาในเขตเสนาสนะป่า พระธาตุภูหว้ารัตนคีรี ที่ตั้งอยู่กลางทะเลอันดามัน เกาะภูเก็ต
อุตสาหกรรมผลิต-ขายอาวุธ ในประเทศไทยโตพุ่ง 150%
เรื่อง งบซื้ออาวุธ ของ กองทัพ เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจมาตลอด เพราะงบซื้ออาวุธคือเงินภาษีประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาถูกตั้งคำถามถึงเหตุผล-ความจำเป็น ตลอดจนเสียงวิจารณ์เรื่องความโปร่งใสในการจัดซื้ออาวุธ
บอกมาให้ชัด ต้องการใช้พื้นที่ การท่าเรือฯ-คลองเตย ทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
พูดตรงๆ ถ้าอยากได้ท่าเรือคลองเตย แล้วเขียนใส่ไว้เลยว่าตรงพื้นที่ของการท่าเรือฯ มหาศาลตรงนั้น หากจะทำให้เป็นสถานบันเทิงครบวงจร ให้มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ จะให้มีพื้นที่กาสิโนเท่าใด..ทำแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมว่าต้องเอาให้ชัด..ในอนาคตต่อไปหากจะให้ชี้ได้หลายที่แบบในกฎหมายเขียน ผมว่ามันไม่ใช่ Marina Bay Sands แบบสิงคโปร์ แต่จะกลายเป็นโมเดลแบบที่ลาว กัมพูชา ในอนาคต ซึ่งมันจะไม่ดี..แต่หากเอาที่เดียวแบบเจาะๆ มันจะชัดกว่าหรือไม่ ก็พูดดังๆ เลยหากจะเอาพื้นที่ตรงการท่าเรือฯ คลองเตย
กรณีบ่อนกาสิโน.. สู่กระแสอารยธรรม .. ที่น่าชื่นชม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ... ในห้วงเวลาที่สังคมไทยได้รับผลจากแผ่นดินไหว ตึกถล่ม.. เกิดการสูญเสียชีวิตของคนจำนวนหนึ่ง เมื่อ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา นับเป็นห้วงเวลาแห่งความกังวล ห่วงใยในภัยอันตรายจากธรรมชาติ ที่เชื่อมโยงกับภัยร้ายอันเกิดจากการกระทำของคนเรา..
ศ. ดร.ไชยันต์ ไชยพร กับการสมัครชิง ตุลาการศาล รธน. มั่นใจ ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม
การรับสมัครเพื่อสรรหาและคัดเลือก "ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" ใหม่สองคน เพื่อมาแทน ศ. ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และนายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
สว.จี้รัฐบาลถอน ร่างพรบ.สถานบันเทิงฯ ออกไปจากสภาฯ ไม่ใช่ทิ้งเชื้อคาไว้
สภาผู้แทนราษฎรได้ปิดสมัยประชุมไปแล้วเมื่อ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้มีการพิจารณา"ร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..ฯ"เพราะรัฐบาลตัดสินใจเลื่อนการผลักดันให้สภาฯพิจารณาเมื่อวันที่ 9 เม.ย.