
Soft Power หรือ “อำนาจละมุน” คือความสามารถในการดึงดูดและโน้นน้าวผู้คนโดยไม่ต้องใช้อำนาจหรือกำลังในการบังคับ แต่มีพลังเหลือล้นด้วยการใช้วัฒนธรรม ค่านิยม ซึ่งถือได้ว่า Soft Power เป็นเครื่องมือสร้างอิทธิพล ตามแนวคิด Joseph Nye นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกันที่ได้นำเสนอไว้ เมื่อกล่าวถึงวัฒนธรรม ค่านิยม ทำให้ภาพของ “เชียงใหม่” ปรากฏขึ้นมาในความคิด เชียงใหม่มีวัฒนธรรมที่งดงาม มีการสืบสานประเพณีที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นอย่างมิเคยเลือนหาย วัฒนธรรมทางด้านศิลปะล้านนา ประเพณี วัดวาอาราม สถานที่ทางวัฒนธรรมต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็น อำนาจละมุน ทั้งสิ้น และยังคงทรงพลังอยู่เสมอมา เชียงใหม่จึงเป็นเมืองที่มีศักยภาพ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมล้านนา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ธรรมชาติที่งดงาม มีวิถีชีวิตที่มีความเรียบง่ายกับความลึกซึ้งได้อย่างลงตัว
เมื่อเปรียบเทียบเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น “เกียวโต” แล้ว วัฒนธรรมอันงดงามยังคงดำรงอยู่ เรายังคงเห็นภาพผู้หญิงนุ่งผ้าถุงที่ถูกถักทอด้วยความปราณีตในวันประเพณี หรือวันสำคัญทางศาสนาในเชียงใหม่เช่นไร เราก็ยังคงเห็นผู้หญิงสวมชุดกิโมโนที่ถูกถักทอด้วยฝีมือและความปราณีตในเทศกาลต่างๆ เช่นกัน เราเห็นวัดวาอารามเก่าแก่ในเชียงใหม่เช่นไร เราก็ยังคงเห็นวัดวาอารามเก่าแก่ในเกียวโตที่ตั้งตระหง่านน่าเกรงขามเช่นนั้นเช่นกัน
ศิลปะการแกะสลักไม้ลวดลายต่างๆ การนำไม้มาใช้ในก่อสร้างด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านและใช้นำสิ่งประดิษฐ์มาใช้ประโยชน์ และนำมาตกแต่งอย่างสวยงามและคงทน จึงยังเป็นศิลปะอันวิจิตรตระการตา และบ่งบอกถึงวิถีชีวิติที่เชื่องช้าแต่ลุ่มลึก เมืองเล็กๆ ของทั้งสองเมืองที่ว่านี้ มีความเหมือนกันตรงที่เป็นเมือง Soft Power ที่ทรงพลังมาหลายทศวรรษ
ปรัชญาคำสอนที่คล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัดจากเมืองทั้งสองเป็นที่น่าพิศวงยิ่งนัก ที่มีความคล้ายคลึงกันมาก จึงสามารถกล่าวได้ว่ารากเหง้าแห่ง Soft Power ก็คือ ปรัชญาคำสอน ที่ส่งต่อถึงลูกหลาน ดังตัวอย่าง คำสอนทางล้านนาที่ว่า “ใจ้สติหื้อเหมือนคนแก่ ใจ้กำแต้หื้อเหมือนจ๊างดำ” ภาษากลางหมายถึงว่า ใช้สติให้เหมือนคนแก่ ใช้คำพูดให้หนักแน่นเหมือนช้างดำ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปรัชญาคำสอนของญี่ปุ่น “Ichi-go Ichi-e” หมายถึงหนึ่งช่วงเวลาที่มีค่า ไม่อาจย้อนกลับ ทั้งสองคำสอนจะคล้ายคลึงกันมาก ซึ่งหมายถึงการสอนให้มีสติในทุกการกระทำ และให้ความสำคัญกับคำพูด เพราะคำพูดที่พูดออกไปแล้ว ไม่สามารถย้อนคืนกลับมาได้อีก
หากเราเรียนรู้ที่จะใช้ “Soft Power” ที่มีอยู่ให้ถูกวิธีและนำมาพัฒนาให้เป็นธุรกิจ จากเมืองเล็กๆ ก็จะกลายเป็นเมืองแห่งคุณค่า เช่นปรัชญาคำสอนของทั้งสองเมืองที่กล่าวมาข้างต้นนั้น กล่าวถึงการมีสติ ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ แนวทาง “Mindfulness” ที่กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นจุดขายของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผนวกกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เมืองเชียงใหม่มีศักยภาพอยู่แล้ว อาจนำเสนอ วัดที่เงียบสงบ และธรรมชาติที่งดงาม สะอาด เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ จัดให้มีการฝึกสมาธิ การบำบัดด้วยสมุนไพรแบบไทยๆ การนวดแบบไทยเพื่อการรักษาและการผ่อนคลาย เป็นต้น อีกทั้งคนในท้องถิ่นยังสามารถจัดให้มีการอบรมการสอน การนวดแบบง่ายๆ และการสอนการทำอุปกรณ์ ในการนวด การบำบัด โดยปราชญ์ชาวบ้าน ที่เราเคยเห็นตามพื้นบ้านทั่วไป อุปกรณ์ออกกำลังที่ทำจากกะลามะพร้าว หรือไม้ที่นำมาปรับแต่งเป็นอุปกรณ์ในการกดจุด การนวดเป็นต้น สินค้าเหล่านี้ก็จะเป็นของฝาก ของที่ระลึกได้ดี เป็นอุปกรณ์ในการรักษาที่มีคุณค่าและต่อไปก็จะถูกพัฒนาต่อยอดไประดับประเทศและไปในระดับสากล ด้วยปัญญาของชาวบ้าน หรือ ปราชญ์ชาวบ้านนั่นเอง การรักษาขนบประเพณีเทศกาล วัฒนธรรมและความเชื่อของชาวเหนือ เช่นประเพณียี่เป็ง ที่ชาวเหนือตกแต่งประดับประดากระทงสวยงาม ประดิษฐ์จากใบตองและดอกไม้ เพื่อขอขมาต่อแม่น้ำคงคาในสิ่งที่ล่วงเกิน และขอพรให้สิ่งดีๆ เข้ามาให้เกิดขึ้นกับตนเอง ประเพณีจึงถือได้เป็นสินทรัพย์ทางใจที่จับต้องได้ ประเพณีในญี่ปุ่นก็มีการลอยกระทงที่มีความคล้ายคลึงกัน สะท้อนถึงแนวคิดเดียวกันคือ การปล่อยวาง บูชา และส่งสิ่งไม่ดีออกไปกับสายน้ำ ประเพณีที่เรียกว่า “Toro Nagashi” “ใจ้ฮีตป๋าเวณี คนเฒ่าป้ออุ้ยแม่อุ้ยบ่หื้อหาย” เป็นอีกคำสอนหนึ่งของล้านนาที่สะท้อนการเคารพประเพณีของชาวเหนือ หากเรานำเทศกาลล้านนา เช่น ยี่เป็ง มาพัฒนาให้เป็นเทศกาลระดับโลกได้ เชียงใหม่ก็จะกลายเป็นจุดหมายของนักเดินทางจากนานาประเทศ เศรษฐกิจและรายได้ของเชียงใหม่ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว การเปลี่ยนวัฒนธรรมดั้งเดิมให้กลายเป็นธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดจะทำให้เมืองเชียงใหม่กลายเป็นเมือง Soft Power ที่มีอิทธิพลในเวทีโลก และเจิดจ้าสง่างามได้เช่นเดียวกับเมืองเกียวโต ภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้คนที่มีมิตรไมตรี ภาษาวัฒนธรรมที่นอบน้อม Soft Power จึงไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของหน่วยงานภาครัฐ แต่หากเป็นพลังของคนทั้งเมืองที่ร่วมกันใช้วัฒนธรรมและจิตวิญญาณในแบบของตัวเองให้โลกรู้จัก เชียงใหม่มีทุกอย่างพร้อม ทั้งวัดโบราณ อาหารเลิศรส ศิลปะพื้นถิ่น และธรรมชาติที่งดงาม สิ่งที่เราต้องเป็นคือผู้นำการเปลี่ยนแปลง รวมพลังของชาวเหนือ ชาวล้านนา ลุกขึ้นมาร่วมมือร่วมใจกันในการรักษา ต่อยอด และส่งต่อคุณค่าเหล่านี้ให้ไปให้ไกลถึงฝั่งฝัน ให้เป็นที่รู้จักไปไกลทั่วโลก เราทำได้
คอลัมน์ พิจารณ์นโยบายสาธารณะ กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ดร. มรกต ณ เชียงใหม่
มูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนถล่มน้ำป่าหลาก แพแม่น้ำปิงถูกกระแสน้ำซัดเสียหายหนัก
นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 13 เม.ย. จนถึงช่วงเช้าวันนี้(14 เม.ย.) โดยเฉพาะคืนที่ผ่านมา
นายกฯ แวะจุดพักรถ อาชีวะตรวจเช็กรถยนต์ ดูแลประชาชนเดินทางปลอดภัย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวิตผ่าน X ว่า แวะจุดอาชีวะ - ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่
'พ่อนายกฯ' ชี้ต้องคุยกับ 'เมียนมา' มากขึ้น ร่วมแก้ยาเสพติด-แก๊งคอลฯ-ฝุ่นPM2.5-สารหนู
'ทักษิณ' ชี้ต้องคุยกับเมียนมามากขึ้น ร่วมกันแก้ปัญหา ทั้งปมยาเสพติด-คอลเซ็นเตอร์-ฝุ่นPM2.5-สารหนู พร้อมปลอบคนเชียงใหม่และเชียงราย รัฐบาลเร่งจัดการ
'ทักษิณ' จ่อคุย 'อันวาร์' จับมืออาเซียน เจรจา 'ทรัมป์' แบบพันธมิตร ไม่ต่อรองกดดัน
'ทักษิณ' เตรียมหยิบวาระอาเชียนรับมือกำแพง 'ภาษีทรัมป์' คุย 'อันวาร์' โอกาสเยือนไทย 17 เม.ย.นี้ ชี้เจรจาสหรัฐแบบพันธมิตร ไม่ต่อรองกดดัน มั่นใจประเทศไม่ลำบาก
'อิ๊งค์-พ่อ' แฮปปี้! เปิดงาน 'ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองสันกำแพง' สระเกล้าดำหัวย่า
'นายกฯอิ๊งค์' ควง 'ทักษิณ' เปิดงาน 'ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองสันกำแพง' พร้อมสระเกล้าดำหัว 'คุณย่าทองสุทธิ' บอกดีใจได้กลับมา พ่อแฮปปี้มาก ก่อนช้อปปิ้งอุดหนุนสินค้าชุมชน