ทำความรู้จัก 'หมอมือประท้วง' พรรคเพื่อไทย ตัดจบในสภาฯ-สู้ใหม่ในสนามเลือกตั้ง

หนึ่งในองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับองค์ประชุมของพรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่ได้แข็งขัน คงเป็น “หมอศรีญาดา” ทันตแพทย์หญิง ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  ที่จะออกหมัดประท้วง สส.พรรคประชาชน ที่พุ่งเป้าซักฟอก นายใหญ่ และ นายน้อย เป็นหลัก

ที่ผ่านมา “หมอศรีญาดา” ถือเป็น สส.รุ่นใหญ่ มือประท้วงของพรรคเพื่อไทยในช่วงการอภิปรายของ สส.ฝ่ายประชาชนที่ยื่นกระทู้ และ ญัตติ มาอย่างต่อเนื่อง  ด้วยจุดขายในเรื่องการใช้คำ เช่น กรณีที่ลุกขึ้นประท้วง “รังสิมันต์ โรม” จากพรรคประชาชน ที่อภิปรายประเด็น “สแกรมเมอร์”ในประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการคัดค้าน “ขอให้อภิปรายอยู่ในประเทศไทยด้วยคะ” เรียงเสียงฮาให้กับสภาฯอยู่ไม่น้อย

สำหรับประวัติการศึกษาและการทำงาน โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เป็นคนจังหวัดภูเก็ตโดยกำเนิด  ในช่วงประถมและมัธยมเรียนที่ภูเก็ตเป็นหลัก ขึ้นมาศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร  ในคณะทันตแพทยศาสตร์   ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเมื่อ เริ่มต้นทำงานในอาชีพทันตแพทย์เปิดคลินิกส่วนตัวที่จังหวัดภูเก็ต จากนั้นจึงตัดสินใจลงสนามการเมืองท้องถิ่น 2 สมัยสังกัดพรรคไทยรักไทย

เธอเล่าว่า ในตอนนั้นภาคใต้ เก้าอี้ สส.เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด บรรยากาศทางการเมืองในจังหวัดภูเก็ตจะไม่เล่นกันแรง ซึ่งการเมืองท้องถิ่นยังราบเรียบ แข่งที่ตัวบุคคลและนโยบาย  ตอนที่เราได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเป็นได้แค่ 2 สัปดาห์ คือตอนที่พรรคประชาธิปัตย์บอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง แล้วเราซึ่งลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทยชนะพรรคเล็ก  ได้เป็นสส.เข้าสภาฯ ถือกระเป๋าเข้าไปลงชื่อได้รับบัตรเรียบร้อย ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายก่อนถูกยุบพรรค

หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ เกิดเหตุการณ์ทางการเมือง และไม่ได้เป็น สส.ต่อ จึงได้ไปทำงานการเมืองฝ่ายบริหาร ช่วยงานที่กระทรวงวัฒนธรรม เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)  , เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  ส่วนใหญ่จะเป็นงานบริหารทั้งหมด และช่วยงานด้านนโยบายของพรรคเพื่อไทย ในปัจจุบันได้เป็นสส.จริงๆเหมือนเป็นสมัยแรก ถ้าจะนับในประวัติศาสตร์ก็เป็นครั้งที่ 2

“คอนเทนต์ครีเอเตอร์”แจก”แทบเลต”ยุคปู

หมอศรีญาดา ยังพูดถึงการปรับบทบาทมาทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเต็มตัวว่า ความคิดคือครั้งที่แล้วที่ได้เป็นสส. ถือว่าเป็นศูนย์ เพราะแทบจะไม่ได้เข้าสภาฯจริงๆ รอบนี้ก็เหมือนครั้งแรก ก็ตื่นเต้น มีความรู้สึกแอบกังวลในแง่ที่เมื่อรู้ว่าได้มาทำงานในรัฐสภา ก็ต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมาย รายละเอียดกฎหมายต่างๆ แต่ตอนที่ทำฝ่ายบริหารจะเป็นเรื่องการนำนโยบายไปปฏิบัติ อย่างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หรือนโยบายแจกแท็บเล็ต

“ตอนนั้นเราอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ เป็นช่วงรัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีเป้าหมายแจกแท็บเล็ตหลายแสนคน ก็ต้องมีการคุยกันว่าจะแจกอย่างไรดี ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่สนุก ในสมัยนั้นยังเป็นช่วงที่แท็บเล็ตยังไม่เป็นที่นิยม คนจึงนึกไม่ออกว่าในนั้นมีอะไร เราจึงได้มาช่วยรัฐมนตรีคิด จึงได้ผุดไอเดียให้จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกอย่างต้องมาคิดว่าจะเอาคอนเทนท์อะไรอยู่ในนั้น ทุกอย่างต้องประชุมหมด และเราต้องจัดโต๊ะนักเรียนใหม่ ฝ่ายบริหารต้องไปดูกระทั่งมุมโต๊ะว่าได้หรือไม่ ทุกคนต้องไปนั่งลอง ทั้งหมดจึงมีความสนุก ซึ่งเราค่อนข้างชอบเรื่องนโยบาย

แต่เมื่อเราได้มาอยู่สภาฯ ด้วยความที่เคยอยู่ในฝ่ายบริหารงานกระทรวงต้องอิงกฎหมาย และเราต้องอ่านตลอด บวกกับโอกาสที่เคยได้ทำงานร่วมกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  เรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี  จึงได้ช่วยร่างกฎหมาย ดูระเบียบพระราชบัญญัติ ก็ได้เรียนรู้ภาษากฎหมายในการทำนโยบาย และเมื่อเราได้มาอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติเราก็เหมือนมีความรู้ ประสบการณ์จากการทำงานกับรัฐบาลมาก่อน ทำให้รู้ว่าร่างภาษาแบบนี้  เมื่อถึงเวลาไปปฏิบัติจะทำได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องเสนอกฎหมายคงต้องฝึกไปเรื่อยๆ  

ฝ่ายค้าน-รัฐบาล ต้องจบเกมในสภาฯ

สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยผู้นี้ ยังสนใจการทำงานในเรื่องของสตรี เช่นการให้ความสำคัญเกี่ยวกับนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี  อยากจะให้มีผู้หญิงเข้าสู่การเมืองมากขึ้น เพราะเรื่องความเท่าเทียมของผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นเรื่องโอกาส เริ่มมาจากสัดส่วนจำนวนสส. ผู้หญิงที่เข้าไปพิจารณาในเรื่องนั้นๆ ไม่เท่าผู้ชาย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมุมมองของผู้หญิงกับผู้ชายต่างกัน โดยหลักทางวิทยาศาสตร์สมองผู้หญิงกับสมองผู้ชายใช้คนละแบบ จะทำให้เวลามองเรื่องคุณภาพชีวิต ผู้หญิงจะมองได้ดีกว่าและมีความละเอียดกว่า แต่ต้องมีองค์ประกอบร่วมกัน ทั้งฝั่งสมองผู้ชายและสมองผู้หญิงรวมกัน

“มีการทดลองออกมาแล้วว่าจะทำให้มีการตัดสินใจได้ดีในเรื่องต่างๆ และจะไม่ค่อยเจอเหตุการณ์ปะทะกัน ซึ่งถ้ามีผู้หญิงเข้าไปจะซอฟต์กว่า สังเกตจากนายกฯแพทองธาร ชินวัตร พูดว่าเราต้องไม่ขัดแย้ง ไม่งั้นประเทศติดขัด ไปกันต่อไม่ได้ ซึ่งนี่คือมุมมองของผู้หญิงที่มีอยู่ในสมอง เป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้ามีความขัดแย้งมากๆ อะไรที่จะทำให้นโยบายโดนขัด ก็จะเกิดความล่าช้าของนโยบายและจะไม่ทันกับโลก ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ฉะนั้น เราจึงมีความสนใจเรื่องที่ผู้หญิงเข้ามาทำงานการเมืองมากขึ้น แต่วิธีการจะสนับสนุนถ้าจะทำให้เกิดขึ้นจริงต้องมาที่นิติบัญญัติ จึงเหมือนถึงเวลาที่ทำให้เราต้องกลับมาอยู่ตรงนี้ โดยในแต่ละพรรคก็พยายามจะผลักดันเรื่องนี้ ช่วยกันให้มีสัดส่วนของผู้หญิงมากขึ้น”

สำหรับการทำงานร่วมกับฝ่ายค้านนั้น สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้ทั้งฝั่งรัฐบาลหรือฝั่งฝ่ายค้านคืออยากใช้ระบบรัฐสภาให้จบ หมายถึงรัฐบาลบริหารงานไป ถ้าไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสก็เป็นไปตามครรลองครองธรรมจนจบ สมัยหน้าค่อยว่ากันไปในการเลือกตั้ง

"เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยเราก็จะไม่เห็นการบอยคอตเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเห็น จึงค่อนข้างคิดว่าฝ่ายค้านในวันนี้ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เราช่วยๆกันทำให้ระบบรัฐสภาเข้มแข็ง ถ้าไปได้รอบหน้าการเมืองไทยก็อาจจะพัฒนาขึ้นอีก ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาก็จะไปได้อีกยาวในอนาคต" 

หมอฟันผู้หลงไหลในเรื่องของ“อวกาศ

คุณหมอยังเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เป็นเด็กเธอสนใจเรื่องอวกาศ และโตมากับคำว่า อพอลโล   ทำให้เกิดความชอบจึงได้ไปค้นคว้า หาความรู้   โดยส่วนตัวก็ชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว ตอนเด็กๆ เวลาไปสนามเด็กเล่นที่โรงเรียนก็มีของเล่น ที่เป็นยานอวกาศอยู่ด้วย เราก็จะชอบไต่ขึ้นไปเล่น ไปนั่งอยู่ข้างบน และเมื่อโตขึ้นมา เราก็สนใจโปรเจคต่างๆของนาซา เพราะเราชอบชื่อโปรเจค เมื่อเราดู ก็มีความสนุก และได้ข้อคิดว่าถ้าทำไปแล้วไม่สำเร็จ ก็ทำใหม่ พยายามทำให้สำเร็จ 

นอกจากนั้นเราเป็นคนชอบดูการถ่ายทอดการส่งยานอวกาศ  ตั้งแต่ตอนขึ้นจากฐาน และวิ่งผ่านโลกแล้วถ่ายภาพออกมา  ตั้งแต่ตอนที่ “เจมส์ เวบบ์” ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารคนที่สองขององค์กรนาซา  บวกกับภารกิจของแต่ละยานอวกาศเมื่อเราดูแล้วเรามีความรู้สึกที่ชอบ ตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้

"แต่เมื่อมาทำหน้าที่สส.แล้วงานค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หยุด เพราะงานสภาฯก็จะมีเรื่อยๆ บางครั้งในวันหยุดมีลงพื้นที่ไปช่วยพรรค และงานของพรรค โดยช่วงที่ผ่านมานั้นมี  เศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกฯ และ  แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรค ก็มีแยกทีมกัน และเราก็ไปทั้ง 2 ทีม เพราะพยายามจะไป เพื่อเห็นว่าเวลาไปเจอคนจริงๆเขามีความรู้สึกอย่างไรกับนโยบาย หรือตอนที่ผู้นำพูดอะไรกับประชาชน หมายความว่าอย่างไร และจะเอามาทำอะไร เหมือนเราไปเก็บรายละเอียด

ปัจจุบันจะเห็นว่าเราชอบถ่ายวีดีโอหรือเขียน เพื่อขยายความให้กับประชาชน ด้วยความที่เราเข้าใจนโยบายและจะใช้ภาษาให้ประชาชนเข้าใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีสิ่งที่อยากทำอีกเยอะเพื่อเป็นการสื่อสารให้กับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.พรรคส้ม เปิดแชท! ถูกเสนอ 20 ล้าน แลกเป็นงูเห่าก่อนโหวตไม่ไว้วางใจ

สส.ระยอง พรรคประชาชน เปิดหลักฐาน อ้างถูกติดต่อเสนอเงินหลายระดับ สูงสุด 20 ล้าน แลกเป็นสส.งูเห่า โหวตหนุน ‘แพาองธาร’ และหากย้ายพรรคเพิ่มอีก 5 ล้าน พร้อมตำแหน่งและเงินเดือน 250,000 บาท!

'สุริยะใส' วิเคราะห์ 'เพื่อไทย-ปชน.' พันธมิตรทางอุดมการณ์ ขาดสะบั้นแล้วจริงหรือ?

ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเผยแพร่บทวิเคราะห์ “เพื่อไทย vs พรรคประชาชน: พันธมิตรทางอุดมการณ์

‘ก่อกี้’ เฮลั่น! นายกฯอิ๊งค์ ฝ่าศึกซักฟอก เดินหน้าทำงานต่อ

สส.ก่อแก้ว มือประท้วงของพรรคเพื่อไทย โพสต์แสดงความยินดีทันที หลังแพทองธาร ผ่านศึกซักฟอก ได้รับเสียงไว้วางใจ 319 เสียง สะท้อนเสถียรภาพรัฐบาลยังแข็งแกร่ง

ประมวลวาทะ ‘แพทองธาร’ ย้อนเกล็ดพรรคประชาชน! ท้าประกาศมาจะร่วมไม่ร่วมกับใคร

“แพทองธาร ชินวัตร“ ตอบโต้ข้อกล่าวหาขาดภาวะผู้นำ ถูกพ่อครอบงำ พร้อมเผยดีลทางการเมืองปี 66 และเรียกร้องให้พรรคประชาชน ประกาศจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้า