การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายนัดประวัติศาสตร์...มีความเข้มข้นเพราะฝ่ายค้านพร้อมเต็มที่ จะเป็นนายกฯ หุ่นเชิดหรือไม่ใช่หุ่นเชิด รอดูในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะไปขอให้คนในครอบครัวบางคนมาช่วยก็ไม่ได้..หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจมันจะมีเรื่องอื่นต่อ หลายเรื่องที่นำมาอภิปราย มันมีปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้นที่นำมาขยายผลได้ อาจจะแปลงเป็นคำร้องต่างๆ เช่นยื่นกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือส่งศาลรัฐธรรมนูญ
ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
การเมืองตลอดสัปดาห์หน้าร้อนระอุแน่นอน กับ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม และลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 26 มีนาคม
รายการ "ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" สัมภาษณ์ "ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมฝ่ายค้าน" กับ "พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) นักวิเคราะห์การเมือง" เพื่ออุ่นเครื่องก่อนศึกซักฟอกจะระเบิดขึ้น ซึ่งพรรคประชาชน พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ใช้แคมเปญการอภิปรายครั้งนี้ว่า "ดีลแลกประเทศ" ท่ามกลางการเฝ้ารอติดตามชมของประชาชนทั้งประเทศ โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้มีเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจ
ไพบูลย์-การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้น รู้สึกพอใจกรอบเวลาการอภิปรายที่ฝ่ายค้านได้เวลามา 28 ชั่วโมง เพราะที่จะให้อภิปรายแค่วันเดียวคงเป็นไปไม่ได้ สองวันถือว่าเหมาะสม ได้มา 28 ชั่วโมงเชื่อว่าฝ่ายค้านจะใช้กันครบ เพราะผมก็เคยอยู่ซีกรัฐบาลมาก่อน พออภิปรายถึงวันที่สอง การพูดของรัฐบาลจะน้อยลงเอง เพื่อให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายจบตามกรอบเวลาที่กำหนด รัฐบาลก็จะไปบริหารเวลาของตัวเอง แม้ว่าจะอภิปรายกันถึงตีห้าแต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาตลอดการประชุม และยังมีช่องทาง YouTube ที่นำคลิปไปลงได้อีก พวก สส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายเด่นๆ ดังๆ ก็อาจมาช่วงเวลาที่คนรอดูกันเยอะ
พลโทนันทเดช-มองว่าฝ่ายค้านตัดสินใจผิดที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ คนเดียว แทนที่จะอภิปรายรัฐมนตรีรายกระทรวง เพราะทำให้ฝ่ายค้านเสียเวลาการอภิปรายที่ได้ไปมาก ทั้งที่เรื่องซึ่งจะพูดมีมาก และขอบเขตการอภิปรายไปพูดถึงเรื่องบุคคลในครอบครัวนายกฯ จะมีน้อยเกินไป เพราะคาดว่าคงมีการประท้วงเป็นระยะ การประท้วงจะทำให้เวลาในการอภิปรายร่นเข้ามาเรื่อยๆ ก็อาจทำให้การลงมติเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 มีนาคม มองว่าหากยื่นอภิปรายรัฐมนตรีหลายคน ฝ่ายค้านที่ตั้งใจอภิปรายนายกฯ โดยเชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณ เพราะทักษิณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทุกกระทรวง โอกาสที่จะได้พูดถึงทักษิณก็จะมีมาก แต่เมื่อฝ่ายค้านคิดแบบนี้ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ฝ่ายค้านก็ต้องนำปัญหาที่ประชาชนสนใจจริงๆ ขึ้นมาพูดที่ตรงกับความสนใจของประชาชน
ไพบูลย์-ตอนที่พลังประชารัฐไปร่วมประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราได้เสนอว่าควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ คนเดียว เพราะปัญหาทั้งหมดมาจากนายกรัฐมนตรีคนเดียว เพราะหากอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย ประเด็นการอภิปรายมันจะแตก
ดังนั้นการมุ่งไปตีที่จุดอ่อนเลยจะได้ผลมากกว่า ซึ่งตอนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านคุยกันตอนแรก พรรคประชาชนก็ยังเห็นว่าควรอภิปรายรัฐมนตรีหลายคน แต่พอมีการเปลี่ยนมาเป็นยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ คนเดียว ก็ถูกใจพลังประชารัฐมาก ยิ่งเมื่อเห็นเนื้อหาในญัตติยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ผมชอบมาก โดยเฉพาะตอนที่ยังเป็นญัตติที่ยังไม่ได้แก้ไข ที่บอกว่ายินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาชักใย เป็นหุ่นเชิด เขียนชื่อทักษิณเป็นการเขียนที่มีความชัดเจนมาก ถึงขนาดต้องขอให้มีการตัดชื่อออก
-การที่ฝ่ายค้านยอมตัดชื่อทักษิณออก แล้วใช้คำว่า บุคคลในครอบครัว อันไหนดูรุนแรงกว่า?
พลโทนันทเดช-นายทักษิณแน่นอน เพราะคนในครอบครัว จะไปเอาใครมาพูดถ้าไม่ใช่นายทักษิณ หากว่าไม่ได้มีการตัดชื่อนายทักษิณออกจากญัตติก็คงกระทบกับต่างประเทศ เพราะนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน และมีหลายเรื่องที่เป็นปัญหากับนายทักษิณเอง
ไพบูลย์-การตัดชื่อออกทำให้ญัตติผ่าน แต่ว่าพออภิปรายแล้ว แต่ถ้า สส.ที่อภิปรายเอ่ยชื่อนายทักษิณ ถ้ามีประท้วงก็ประท้วงไป ให้ถอนก็ถอน แต่หากเป็นผมก็จะบอกว่า "ให้ถอนชื่ออะไร คุณทักษิณใช่ไหม" ก็จะได้ย้ำชื่ออีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าประท้วงเยอะก็ไปพูดเรื่องชั้น 14 พูดเรื่องนักโทษเทวดาแทน ทั้งบ้านทั้งเมืองก็รู้ว่าเป็นใคร ถ้าให้ถอนนักโทษเทวดาอีก ก็จะบอกว่าที่ให้ถอนนักโทษเทวดาถอนเพราะอะไร หมายถึงคุณทักษิณหรือ? ซึ่งความจริงคนก็รู้กันทั้งประเทศ แต่เมื่อตัดชื่อออกก็ไม่เป็นไร การใช้คำว่าคนในครอบครัวก็ขยายไปได้อีก
-พรรคประชาชนใช้แคมเปญในการอภิปรายครั้งนี้ว่า ดีลแลกประเทศ ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ยิงแคมเปญ ไปไหนอะ กลับมานี่! อย่าอภิปรายเป็นฝ่ายแค้น หลงประเด็น หลงประเทศ หลงวาทกรรม หลงตัวเอง?
พลโทนันทเดช-หากเปรียบเทียบแคมเปญการอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน จะเห็นว่าของพรรคประชาชนทำได้เหนือกว่ามาก ลงประเด็นที่ประชาชนต้องการรู้ หากการอภิปรายออกมาลักษณะนี้ มันจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ประชาชนทั้งประเทศคอยเฝ้าดู มากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา โดยทั้งคู่ (พรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชน) ต้องเอาปัญหาที่เคยปกปิดกันไว้ออกมาพูดใส่กัน เพราะฉะนั้นดูแล้วสนุกแน่
ไพบูลย์-แคมเปญดังกล่าวที่มีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชนเป็นคนนำเสนอ ฝ่ายทีมงานของนายกฯ คงเจ็บปวดมากและรู้สึกว่าเป็นคำที่รุนแรงมาก
สมัยผมเป็นฝ่ายรัฐบาล ตอนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคเพื่อไทยเองตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจรุนแรง ผมก็ประท้วง ตอนนั้นประธานสภา (ชวน หลีกภัย) บอกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เมื่อเขาไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี จะให้ฝ่ายค้านพูดดีๆ ได้ยังไง ที่พูดมาถูกแล้ว
การที่นายวิโรจน์พูดดังกล่าว ในฐานะที่เขาจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นการพูดแบบมาตรฐานคือเขาไม่ไว้วางใจจริงๆ ไปพูดในสภา หากถูกประท้วง ประธานสภาก็ควรให้เขาพูด เพราะเขาอภิปรายไม่ไว้วางใจ คนไม่ไว้วางใจกันก็ต้องหาเรื่องใส่แรงๆ จะเอาคำชมก็รอไว้ตอนวาระอื่น แม้ สส.รัฐบาลจะประท้วง แต่ก็ได้แค่ประท้วงเท่านั้น จะไปช่วยก็ไม่ได้ แล้วที่จะตอบโต้กลับคงลำบากมาก นายกฯ จะไปโต้กลับวิโรจน์หรือ ผมว่าไม่ได้ แล้วจะไปเที่ยวชี้รัฐมนตรีคนอื่น จะผิดข้อบังคับอีก เพราะว่าอภิปรายนายกฯ ตัวนายกฯ ไปบอกให้รัฐมนตรีคนอื่นมาช่วย โดยที่ฝ่ายค้านไม่ได้อภิปรายพาดพิงเลย ทำไม่ได้
"บอกได้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายนัดประวัติศาสตร์ เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่นเป็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคนเดียว และมีความเข้มข้นเพราะฝ่ายค้านพร้อมเต็มที่ ที่สำคัญเป็นนายกฯ นอมินี นายกฯ หุ่นเชิด การจะเป็นหุ่นเชิดหรือไม่ใช่หุ่นเชิด ก็รอดูในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะไปขอให้คนในครอบครัวบางคนมาช่วยก็ไม่ได้ และอย่าดูเฉพาะตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเดียว เพราะหลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจมันจะมีเรื่องอื่นต่อ เพราะหลายเรื่องที่นำมาอภิปราย มันมีปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้นที่นำมาขยายผลได้ เช่นเรื่องผลประโยชน์ชาติ หรืออาจจะแปลงเป็นคำร้องต่างๆ เช่นคำร้องยื่นกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือมีการส่งคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญที่มันก็อาจมีผล เช่นหากมีคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากทั้งข้อกฎหมาย ความถูกต้องต่างๆ มันพร้อมทั้งองค์ประกอบ มันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นมา"
-เรื่องที่อาจไปร้องต่อที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีอะไรบ้าง?
ไพบูลย์-เช่นสมมุติ แต่ไม่รู้ว่าจะไปหรือไม่ไป ต้องรอฟัง อาจจะเปิดมาด้วยกรณีที่ชัดเจน เรื่องของตัวนายกฯ เลย การครอบครองที่ธรณีสงฆ์ ไปครอบครองที่ธรณีสงฆ์ เป็นเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หากมีข้อกฎหมายครบถ้วน ถ้านายกฯ ไปกระทำอย่างนั้น ก็ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ก็ไปที่ศาล รธน. โดยศาล รธน.มีบรรทัดฐานในการวินิจฉัยไว้อยู่แล้ว และยังมีบรรทัดฐานที่ศาลฎีกาด้วย กรณีอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการ และในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการพูดถึงเรื่องการครอบงำ ที่ครอบงำทั้งตัวนายกฯ และตัวพรรคการเมือง เรื่องนี้อย่าประมาท กกต.สอบไปตั้งเยอะแล้ว แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจมันก็จะเสริมเรื่องเข้าไปอีก เกิดกกต.ฟังขึ้นมาแล้วลงมติส่งศาล รธน. สนุกกันแน่ทีนี้ แต่ทั้งหมดผมถือว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้จะบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
พลโทนันทเดช-การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านเป็นต่อมากมาย เพราะมีเรื่องให้พูดมากมาย อย่างเรื่องสำคัญๆ ก็เช่นปัญหาเศรษฐกิจ ที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งนายกฯ จะแก้ตัวว่าเพิ่งบริหารมาหกเดือนไม่ได้ เพราะเวลาของรัฐบาลที่บริหารประเทศมาเกือบสองปี เอาเวลาไปทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเกือบหมด จนเดือดร้อนกันหมดทั้งคนจนคนรวย และยังมีเรื่องปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ที่รัฐบาลไม่เคยวางแผนล่วงหน้าไว้เลย เรื่องเรือนจำขาดมาตรฐานในการดูแลนักโทษ เรื่องที่คนมองว่านายกฯ เป็นหุ่นเชิด ที่แม้แต่ต่างประเทศก็ล้อเลียน แต่ต้องพูดแบบมีขอบเขต เพราะถ้าพูดไม่มีขอบเขตก็จะกลายเป็นผลเสียกับฝ่ายค้าน รวมถึงเรื่องนโยบายที่มุ่งหาประโยชน์ให้กับพรรคพวก ที่เห็นชัดเจนจากหลายเรื่องเช่น ข้อตกลง MOU 2544, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ, นโยบายการเปิดกาสิโน ซึ่งไม่ต้องมีใบเสร็จ แต่เจตนามันเห็นชัดๆ ถามว่าเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ใครอยากมาเที่ยวสวนสนุก มาเที่ยวโรงแรม แต่อยากมาเล่นการพนัน เรื่องเหล่านี้ทำให้รัฐบาลเสียเวลาในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไปหมด ทั้งที่มีเวลาบริหารงานถึงเกือบสองปี แต่เอาเวลาไปใช้เลอะเทอะ แต่หากอภิปรายนอกประเด็น
-หลายคนเฝ้าติดตามการอภิปรายของพลเอกประวิตร ถึงตอนนี้ยังยืนยันว่าพลเอกประวิตรจะอภิปรายแน่นอนใช่หรือไม่?
ไพบูลย์-อภิปรายแน่นอน และอย่างที่ผมบอก ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ ส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของพลเอกประวิตรที่จะอภิปรายด้วย
ส่วนประเด็นที่จะอภิปรายก็จะเป็นการอภิปรายภาพรวม ที่จะพูดถึงประเด็นที่เป็นสาเหตุของปัญหาต่างๆ แต่จะไม่ลงรายละเอียดเพราะการลงรายละเอียดเป็นเรื่องของ สส.พลังประชารัฐที่จะอภิปราย ซึ่งก็อาจจะสอดรับกับดีลแลกประเทศ เพราะกลายเป็นปัญหาตอนนี้ คือกลายเป็นการให้คุณทักษิณ ได้อำนาจในการควบคุมประเทศและกลายเป็นปัญหาในส่วนที่เป็นผลประโยชน์ ก็อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวถึงคือ เป็นผลประโยชน์ของส่วนตนของพรรคพวกมาเป็นตัวตั้งก่อนในการกำหนดนโยบาย แล้วจากนั้นถึงค่อยออกมาเป็นนโยบาย
อย่างเรื่อง "กาสิโน" นี้ชัดเจน คือกำหนดขึ้นมาจากผลประโยชน์ก่อน คือการมีแล้วได้ผลประโยชน์ ส่วนว่าผลประโยชน์เป็นอย่างไร ก็รอฝ่ายค้านขยี้เอา รับรองขยี้ลึกเลยได้รู้ว่าจะได้เท่าไหร่ด้วย ซึ่งทั้งหมดมันมหาศาลผลประโยชน์ที่เขาจะได้ แล้วค่อยหาคำมาอธิบายเช่นว่าทำแล้วจะดีกับประเทศอย่างไร พยายามแต่งปรุงเข้าไป แต่มันก็รู้เท่าทันกัน
หรืออย่างเรื่อง MOU 2544 ที่ไปแบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลกับกัมพูชา ตั้งขึ้นมาจากอะไร ก็จากผลประโยชน์ก่อน ผลประโยชน์ส่วนตัวก่อน เหมือนกับตั้งบริษัทเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว รับสัมปทานอะไรต่างๆ เป็นแสนๆ ล้านเลย ซึ่งสิ่งนี้ฝ่ายค้านก็จะนำเสนอ แล้วเลี้ยวกลับไปว่าถึงค่อยมาทำ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่หลายเรื่อง รวมถึงตอนหลังเรื่องธุรกิจการเงินที่จะซื้อหนี้ประชาชน ก็จะเปิดช่องให้มีการทำธุรกิจการเงินโดยลดอำนาจ ตัดอำนาจของธนาคารกลาง ทั้งหมดมีอย่างเดียวก็คือ เอาประเทศไปเพื่อที่จะไปหาผลประโยชน์
การลุกขึ้นอภิปรายของพลเอกประวิตร เวลาที่อภิปราย ก็อาจจะอยู่ที่ประมาณบวกลบไม่เกินสิบนาที โดยหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตั้งใจมากในการอภิปรายครั้งนี้ เพื่อทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเป็นเชิงสัญลักษณ์ด้วยว่าพรรคพลังประชารัฐเอาจริง เราทำจริงทุกเรื่อง เป็นรัฐบาลก็จริง เป็นฝ่ายค้านก็เอาจริง ทั้งหมดที่ทำมา ความคาดหวังก็คืออยากให้มีการเลือกตั้ง หากมีการเลือกตั้งเราก็พร้อมที่จะเข้าไปในสนามเลือกตั้ง และลุงป้อมก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะต้องกลับมา
-ยังมีการมองกันอยู่ว่า ทักษิณกับธนาธร ยังไงก็ยังใจถึงใจ คิดว่าจะมีการซูเอี๋ยกันได้หรือไม่?
พลโทนันทเดช-เดิมปัญหาเรื่องซูเอี๋ยมันเคยเกิดขึ้น แต่มันเริ่มเกิดรอยร้าวมากขึ้นระหว่างพรรคประชาชนกับเพื่อไทย โดยเฉพาะทีมงานของนายกฯ กับทีมงานของพรรคประชาชนมันไปกันไม่ได้ เราจะเห็นว่านายกฯ มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับภูมิใจไทยมากกว่า ท่าทางของอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังไงก็น่าไว้ใจกว่าพรรคประชาชน ทำให้ผมคิดว่ายังไงอนาคตก็คงต้องอยู่กันต่อไป เรื่องยุบสภาภายในเร็วๆ นี้คงไม่มี
-คิดว่าในปีนี้จะมีการยุบสภาหลังจากนี้หรือไม่?
ไพบูลย์-ก่อนปลายปีนี้ การยุบสภาของการเมืองไทยจะเกิดตอนช่วงเกิดปัญหา ต้องหนีปัญหา ผมพูดไว้เลยว่ามันมีเหตุที่จำเป็นต้องยุบ
พลโทนันทเดช-ก่อนปลายปีอาจจะได้ เพราะมันก็มีปัญหาสะสมทางกฎหมายเช่นเรื่องคุณทักษิณ
-ยุบสภาฯ แล้วอุ๊งอิ๊งจะกลับมาได้อีกหรือไม่?
ไพบูลย์-อาจจะกลับมา แต่สภาพก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว จากอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ก็หนักแล้ว ก็คงจะมีคดีอะไรเยอะแยะ อย่างเวลาหาเสียงจะเอาอะไรไปหาเสียง เพราะผมก็พูดเสมอในพรรคการเมืองที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมดตอนนี้ พรรคที่มีอันตรายต่อประเทศก็คือพรรคเพื่อไทยที่มีนายทักษิณครอบงำ หรือพรรคที่คุณทักษิณไปครอบงำ เพราะพอไปครอบงำเมื่อใดมันเป็นปัญหาทั้งนั้น ครั้งก่อนตอนปี 2566 เราก็ไปมองแบบหน่อมแน้มว่าไม่เป็นไร เขาเข้ามาแล้วก็คงไม่มีอะไร คงไม่ทำอะไรอย่างนั้น ปรากฏทำเกลี้ยงเลย หนักกว่าเก่าอีก ผมว่าพรรคการเมืองหลายพรรคตอนนี้ก็คิดอย่างนั้น มองพรรคนี้ในลักษณะอันตราย คือคบยาก คืออย่าไปมองตัวคุณอุ๊งอิ๊ง ต้องมองที่พ่อคุณอุ๊งอิ๊ง ทุกคนก็ไม่สบายใจกับคุณทักษิณในการครอบงำประเทศขณะนี้
-ในการอภิปราย หากนายกฯ พูดจากหัวใจว่าในความเป็นพ่อลูกก็แนะนำกันได้ และยืนยันว่าไม่ได้ถูกครอบงำ คิดว่าคำชี้แจงแบบนี้ฟังขึ้นหรือไม่?
พลโทนันทเดช-ฟังไม่ขึ้น สถานการณ์มันมาไกลเกินเหตุที่จะแก้ตัวแล้ว โดยหากพรรคฝ่ายค้านทำการบ้านดีๆ ลำดับการเคลื่อนไหวของทักษิณ จะเห็นว่าทักษิณจะล้ำหน้ารัฐบาลหนึ่งก้าวตลอด มองว่าการอภิปรายที่จะส่งผลกระทบต่อสถานะของรัฐบาลเพื่อไทย คือต้องชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลล้มเหลวมากไม่ใช่แค่ล้มเหลวธรรมดา ส่วนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็คงมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น แล้วก็แจกเงิน (ดิจิทัลวอลเล็ต) แล้วก็อยู่ต่อไปอีก ก็อาจมีการปรับเล็กๆ เช่นปรับเพื่อพยายามจะเอา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ามา
ไพบูลย์-ผมว่าไม่มีทาง (ปรับ ครม.แล้วนำ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาเป็นรัฐมนตรี) เพราะหลังจากที่รัฐบาลทำหนังสือถามศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการตีความความซื่อสัตย์สุจริตฯ ถามให้ใคร ก็เป็นระดับพรรคร่วมรัฐบาลสองคนและตัวนายกฯ อีกหนึ่งคน ที่มีปัญหา
-บางคนมองว่าที่รัฐบาลถามไปที่ศาล รธน.เพื่อปิดทาง ร.อ.ธรรมนัส?
ไพบูลย์-แต่ตอนเริ่มต้นที่ส่งไปศาล รธน. ผมเชื่อว่าเพื่อปูทาง แล้วไม่ใช่เฉพาะชื่อคนที่พูด แต่ตัวนายกฯ เองก็ง่อนแง่นอยู่เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต คือจะดูแค่ที่ถามศาล รธน.แค่นั้นไม่พอ ต้องดูที่เขาเคยยื่นร่างแก้ไข รธน. เขา (พรรคเพื่อไทย) เคยเสนอร่างแก้ไข รธน.มาตรา 160 (4) และ (5) แก้เพื่อใครตอนนั้น(คุณสมบัติรัฐมนตรี) บางเรื่องย้อนเวลาไม่ได้แล้ว มันผิดไปแล้ว แต่ว่าแก้ไม่ได้ เพราะสังคมโจมตีอย่างหนัก พอแก้ไม่ได้ก็เลยมาใช้วิธีถามศาลรัฐธรรมมนูญ ต้องย้อนไปตอนแก้ รธน.ด้วย
"ถ้าผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจไป แล้วยังมีวิกฤตเศรษฐกิจ แล้วก็มีแต่นโยบายที่มีแต่ปัญหาไปหมด ทั้งหมดจะเป็นจุดที่ทำให้พรรคเพื่อไทยขาดคุณสมบัติที่จะเป็นพรรคแกนนำต่อไปได้".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนุกดี 'อิ๊งค์' ชอบซักฟอกวันแรก ตลกพ่อมอนิเตอร์ตลอด ส่งข้อความหาเพียบ ลั่น!ไม่กลัวฝ่ายค้าน ชั้น 14 ให้ 'ทวีไอพี'ตอบ
ที่อาคารรัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสภาเพื่อเข้าร่วมประชุมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่2 พร้อมให้สัมภาษ
อดีตสว. ชี้ช่องฝ่ายค้าน 'มาตรา 144' น็อกแพทองธาร!
อดีตสว.สมชาย ชี้ช่องฝ่ายค้าน หยิบรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ปิดเกมอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อน็อก "แพทองธาร" ได้แน่นอน!
'สุริยะ' ซูฮกนายกฯแจงซักฟอกได้ชัดเจน งง! บอกการอภิปรายฝ่ายค้านไม่มีน้ำ เป็นแค่เครื่องปรุงเฉยๆ
ที่อาคารรัฐสภา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเมื่อ
เสียเหลี่ยม! 'นิพิฏฐ์' เสียดาย ฝ่ายค้านเสียเวลาไพร์มไทม์ไปให้รัฐมนตรีดาหน้าชี้แจง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความหัวข้อ เวลา prime time (ไพร์ม ไทม์) ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุรา
ถึงบางอ้อ 'นายกฯแพทองธาร' หนีภาษีจริงไหม?
นักวิชาการ วิเคราะห์ธุรกรรมการขายหุ้นของนายกฯแพทองธาร ผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน ชี้ไม่ใช่การหนีภาษี แต่เป็นการวางแผนภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมยืนยัน “ผมมั่นใจว่าผมเสียภาษีให้รัฐน้อยกว่าท่านแบบถูกกฎหมายแน่ๆ”
'พริษฐ์' ชำแหละละคร 5 ตอนรัฐบาลเพื่อไทย ดีลอำมหิต-ไร้ประชาชนในสมการ
'พริษฐ์' ฉายภาพละคร ‘รัฐบาลเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน’ 5 ตอน ซัดดีลกันแบบนี้ ไม่เคยมี ปชช.อยู่ในสมการ เหตุอะไรที่ไม่อยากทำแล้วอ้างติดที่พรรคร่วมฯ เปรียบ 'แพทองธาร' เหมือนเป็ดง่อย ตัดสินใจอะไรไม่ได้ด้วยตนเองได้ คอยรอคำตอบจาก ‘นายกฯ คนพ่อตัวจริง’