เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปร่วมขับเคลื่อน โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีเฉลิมพระเกียรติเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ณ บริเวณพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. เริ่มต้นด้วยการบิณฑบาตของพระสงฆ์จำนวน ๑๕ รูป และสืบต่อด้วยการสมาทานศีล ถวายสังฆทาน เจริญพระพุทธมนต์ และแสดงธรรมในเรื่อง “ทศพิธราชธรรม .. ธรรมของผู้ปกครอง .. ผู้บริหารราชการแผ่นดิน..”
โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม.. ได้ดำเนินเข้าสู่จังหวัดที่ ๖ คือ จังหวัดอุตรดิตถ์.. ซึ่งเป็นจังหวัดเป้าหมายในภาคเหนือตอนล่าง โดยมี นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นเจ้าภาพในการจัดงานในครั้งนี้ ด้วยการเห็นคุณค่าของการปลูกสร้างสำนึกในคุณธรรมความดีของผู้ปกครองแผ่นดินที่ควรดำเนินตาม ทศพิธราชธรรม .. จักรวรรดิธรรม ซึ่งเป็นหลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่ทรงคุณค่ายิ่งต่อการขัดเกลา กล่อมเกลา จิตใจของนักปกครอง .. ผู้นำองค์กรสังคม ประเทศชาติ เพื่อให้สามารถกำกับและควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ อีกทั้งเพื่อบริหารจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตนเองให้มีสุขภาพจิตที่ดี.. มีคุณภาพและสมรรถภาพที่ดี
กล่าวสรุปได้ว่า ราชธรรมทั้ง ๑๐.. และจักรวรรดิธรรมทั้ง ๑๒ เป็นหลักธรรมที่พัฒนาจิตใจให้ผู้ปกครอง.. ผู้นำ.. ผู้บริหารสังคม ประเทศชาติ เป็น ผู้ฉลาดในอารมณ์ (Emotional Quotient หรือ EQ) ที่สำคัญยิ่ง คือ มีภาวะยืดหยุ่นในการปรับใช้เมื่อต้องรับอารมณ์นั้นๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็น พลังความรู้สึกเชิงบวก ในการขับเคลื่อนการดำเนินการให้เป็นไปเพื่อบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ ที่เรียกว่า Resilience Quotient หรือ RQ
ราชธรรม .. จึงเป็นธรรมคุ้มครองตน และเป็นธรรมใช้กำกับ คุ้มครอง รักษา เพื่อดำเนินตนให้สอดรับระหว่างบทบาทและหน้าที่ ด้วยความฉลาด.. ความเข้าใจในธรรมเพื่อชีวิต เพื่อบรรลุถึงความเกื้อกูล ประโยชน์ และความสุขที่แท้จริง ดังที่เรียกว่า Intelligence Quotient หรือ IQ
ในยามเช้าของวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ ณ บริเวณพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล.. จึงได้เห็นความพรั่งพร้อมของข้าราชการฝ่ายปกครองและข้าราชการทุกภาคส่วน พร้อมประชาชนในพื้นที่และที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ เพื่อมาร่วมตักบาตร รับศีล ฟังธรรม.. และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
โดยในวันนั้น.. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ นายณรงค์ จีนอ่ำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาร่วมงานกับทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมายให้ นางสาวนิรชา บัณฑิตย์ชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ มาทำหน้าที่แทน เนื่องจากมีราชการสำคัญที่ต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่
แม้ว่าแสงอาทิตย์ในยามเช้าจะสาดส่องเข้ามาอย่างรวดเร็ว สมกับการเข้าสู่ต้นฤดูร้อน.. แต่บรรยากาศแห่งธรรม.. ที่เกิดจากการสาธยายราชธรรมอย่างต่อเนื่องไปจนจบ ได้สร้างเกราะกำบัง คุ้มครองให้จิตใจของทุกคนที่เคารพธรรม มีความเยือกเย็น แช่มชื่น เบิกบาน และสงบ.. ท่ามกลางเปลวแดดยามเช้าที่เริ่มลามเลีย จึงได้เห็นการแสดงบทบาทที่สอดรับกับหน้าที่อย่างมีวุฒิภาวะของคณะผู้เข้าร่วมศึกษาปฏิบัติธรรมในยามเช้า ตามโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ที่เป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพดียิ่ง
โดยเฉพาะเมื่อได้ขยายความพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ที่ให้ “พึ่งตน-พึ่งธรรม” สมดังพระพุทธองค์ตรัสไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนว่า.. การพึ่งตนเองที่ทำให้บุญเจริญยิ่งขึ้น.. คุณความดีเจริญยิ่งขึ้น และมารจะขัดขวางไม่ได้ ด้วยวิธีการเจริญสติปัฏฐาน ๔
การเจริญสติปัฏฐาน ๔ แท้จริงคือ การประกอบชีวิตของตนอยู่ด้วย สติ สัมปชัญญะ และวิริยะ ซึ่งเป็นวิธีการทำบุญที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา.. เป็นธรรมวิธีที่จะนำไปสู่การผ่านพ้นปัญหาอุปสรรค.. พ้นภัยมารทั้งปวงได้อย่างแท้จริง.. ที่สุด เพื่อการบรรลุถึงซึ่งความดับทุกข์สิ้น คือ พระนิพพาน!!
สำคัญยิ่ง คือ การแสดงให้เห็นความเป็นจริง.. ที่เป็นไปได้ เมื่อใช้หลัก “พึ่งตน-พึ่งธรรม” .. เพื่อการถึงพร้อมใน ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ โภคะ และพละ .. โดยแจกแจงให้เห็นจริงว่า..
หากต้องการเข้าถึงความเป็นผู้มีอายุยืน ให้เจริญอิทธิบาทสี่.. หากต้องการวรรณะที่ดีงาม ทรงแนะนำให้รักษาศีล .. สำรวมในปาติโมกข์
หากต้องการโภคะอันสมบูรณ์ .. ทรงแนะนำให้เจริญ อัปปมัญญา (พรหมวิหาร ๔) เพราะเป็นเหตุให้มีโภคะ (ทรัพย์สมบัติ)
และหากต้องการมีพละ .. ทรงแนะนำให้เจริญ วิปัสสนา เพื่อเข้าถึง เจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ .. อันไม่มีอาสวะในปัจจุบัน.. ที่เป็นเหตุให้มีพละ
ความสมบูรณ์จากการแสดงธรรมในวันดังกล่าว แม้จะใช้เวลาไม่มาก.. แต่สรุปลงในสาระธรรมอย่างชัดเจน สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก ด้วยจิตวิญญาณของนักปกครอง.. และด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงได้เห็นภาพการตั้งใจฟังธรรมอย่างต่อเนื่องของหมู่ชนจำนวนมาก ที่นำโดย นายณรงค์ จีนอ่ำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ก่อนเข้าสู่การร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายความจงรักภักดีแด่องค์พระประมุขของแผ่นดิน.. ก่อนจบรายการ
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่สำคัญยิ่งบนแผ่นดินเมืองลับแล จึงได้ออกเดินทางเพื่อไปฉันภัตตาหารที่คณะศรัทธาจัดถวาย โดยยังไม่ทราบว่าเป็นที่ใด เพียงแต่ทราบคร่าวๆ ว่าไปฉันในเส้นทางผ่านเมืองลับแล จะมีเฉพาะคนขับรถที่ทราบ location..
ระหว่างรถวิ่งผ่านไปตามตลาดเมืองลับแล ได้เห็นสภาพบ้านเมืองที่ยังคงความเป็นท้องถิ่น อันมีเสน่ห์ทั้งสองฟากฝั่ง.. จนไปถึงโค้งเลี้ยวที่มีภูเขาลูกย่อมๆ อยู่ซ้ายมือ บนเส้นทางออกจากตัวเมืองลับแล ที่ให้เกิดความรู้สึกว่า ควรจะลงไปที่ภูเขาลูกนี้.. ซึ่งมีศาลาเล็กๆ อยู่ด้านบน
เมื่อสั่งให้รถจอดริมทางซ้ายมือ.. เพื่อเดินย้อนกลับไปที่ภูเขาลูกนั้น โดยใช้โอกาสนั้นเดินออกกำลังผ่อนคลายร่างกาย ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทราบว่าจะมีทางขึ้น.. และอยู่ตรงไหน หรือไม่.... จนเดินมาพบบันไดนาคราชที่มีป้ายเขียนระบุว่า ภูเขาลูกนี้ ชื่อ “ม่อนจำศีล” ที่มีความเกี่ยวพันกับ รัชกาลที่ ๕ และเป็นม่อนหรือภูเขาที่มีความสำคัญยิ่งต่อความเป็นเมืองลับแล... รวมความว่า ความสำคัญทั้งหลายทั้งปวงของเมืองลับแล มารวมอยู่ที่ม่อนจำศีลแห่งนี้.. ดังที่ได้บันทึกเผยแพร่ประกอบภาพไปแล้ว โดยข้อความโดยย่อดังนี้ว่า
“...เมื่อ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ ในโครงการร้อยในไทย สืบสานราชธรรม.. นับเป็นเรื่องอัศจรรย์เกินคาดคิด เมื่อเดินทางผ่านไปพบสถานที่สำคัญของเมืองลับแล ที่เรียกว่า “ม่อนจำศีล”
ตั้งแต่การเดินทางผ่านไปพบสถานที่ดังกล่าว “อย่างไม่บังเอิญ” .. การสั่งให้จอดรถริมทาง เพื่อเดินขึ้นไปบนภูเขาดังกล่าว ที่เรียกว่า ม่อน .. โดยไม่มีข้อมูลหรือเหตุผลใดๆ.. เป็นเรื่องที่เกิดโดยธรรม...
การได้ขึ้นไปกราบไหว้พระพุทธรูปในศาลาบนม่อนจำศีล การได้กระทำเทวตาพลี.. ปุพพเปตพลีให้กับบ้านเมืองแห่งนี้.. เมื่อเสร็จงานในโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม.. ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ นับเป็นเรื่องที่น่าพิจารณา เพราะไม่ได้ตั้งใจมาก่อน.. เมื่อทุกอย่างสอดรับกัน.. โดยเฉพาะ เมื่อได้อ่านข้อความที่ป้ายประวัติม่อนจำศีล ว่า สมัยหนึ่ง เมื่อ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๔๔ (ร.ศ.๑๒๐) คราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสเมืองลับแล.. พระเถราจารย์ในบ้านเมืองแห่งนี้ได้มาจำศีลภาวนาเป็นเวลา ๑ เดือน เพื่อรอรับเสด็จและทำพิธีสวดมนต์ชยปริตร สร้างความเป็นสิริมงคลให้กับพระมหากษัตริย์ที่เสด็จไปในพื้นที่ต่างๆ ..... ฯลฯ
และที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง คือ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานบนม่อนจำศีลแห่งนี้ ที่เรียกบูชาว่า พระเหลือ คือ พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นจากทองชนวนที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ครั้งที่รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสเมืองลับแล มีพระราชประสงค์ที่จะใช้ม่อนจำศีลเป็นที่ประดิษฐาน องค์พระเหลือ...”
เมื่อค้นคว้าลงไปในประวัติพระเหลือ.. พบว่า พระเหลือเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก ๒๐ นิ้ว ถูกสร้างขึ้นจากเศษทองชนวนที่เหลือจากการหล่อสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๔๔ แล้วถูกอัญเชิญมาประดิษฐานให้สักการบูชาในเมืองลับแล ตามความในพระราชหัตถเลขาเมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองลับแล.. ภายหลังได้พระราชทานนามพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวหรือพระเหลือ ว่า..
“พระเสสันตปฏิมากร” .. แห่งเมืองลับแล!! .. จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เมื่อได้เดินทางมาพบและได้สวดมนต์ไหว้พระ.. พลีบุญอุทิศแด่เทวดา.. บรรพชนของเมืองลับแลแห่งนี้.. สำคัญยิ่ง คือ การดำริจะช่วยเสริมสร้างฐานพระประธาน “พระเหลือ” ให้มั่นคง สมบูรณ์ ดูดี.. สมกับเป็นพระประธานบนม่อนจำศีลแห่ง..เมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์..!!.
เจริญพร
dhamma_araya@hotmail.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาฯ ต้าน”บุหรี่ไฟฟ้า” หวั่น เยาวชนตกเป็นทาส
ปัญหา”บุหรี่ไฟฟ้า”ที่ตอนนี้กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาทางสังคมที่หลายฝ่ายเป็นห่วง หลังพบว่าคนไทยโดยเฉพาะ”เยาวชน-คนรุ่นใหม่”
ระเบิดศึกซักฟอก ดีลแลกประเทศ
การเมืองตลอดสัปดาห์หน้าร้อนระอุแน่นอน กับ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม และลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 26 มีนาคม
หมอพรทิพย์ -สืบจากศพ ข้อสงสัย-ปมกังขา สองคดีดัง อดีตผกก.โจ้-แตงโม
ปมการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องหาใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเสียชีวิตในโรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งอดีตผกก.โจ้ได้ใช้ผ้าขนหนูผูกคอเสียชีวิตในห้องขัง
เรื่อง..“ผู้กำกับโจ้”.. ปลายคอลัมน์!!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ภายใต้กระแสไอทีที่ร้อนแรง จึงได้เห็นอำนาจวัตถุนิยมทรงพลังที่เข้ามาควบคุมวิถีโลกนี้ให้อนุวัตไปตามกระแสวัตถุ ที่ชักนำสัตว์โลกให้หลงใหลไปตาม โลกยุคสมัยไอที ที่ทรงอิทธิพลต่อจิตวิญญาณชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง
เส้นทางผลักดัน ร่าง กม.กาสิโน เดินหน้าตามรอย สิงคโปร์โมเดล
ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ที่ให้มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมีกาสิโนรวมอยู่ด้วย ฉบับที่ยกร่างโดย "คณะกรรมการกฤษฎีกา" เสร็จสิ้นการรับฟังความคิดเห็นไปแล้วเมื่อ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้กระทรวงการคลังและรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ต้องติดตามว่า กระทรวงการคลังจะเสนอร่างดังกล่าวให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาเห็นชอบเป็นครั้งสุดท้ายในวันใด ที่คาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมนี้
ดันทุรังเปิดกาสิโน เสี่ยงสร้างนรกบนดิน ตามรอย ประเทศตุรกี
การวาดฝันของนักการเมืองในประเทศที่มีการคอร์รัปชันระดับวิกฤติดังเช่นตุรกี ว่าจะมีกาสิโนเลื่องชื่อระดับโลกเช่น Monte Carlo แต่สุดท้ายกาสิโนถูกกฎหมายทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยว่า ประเทศตนมีนักการเมือง ข้าราชการ และผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่ทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ เพราะในกรณีดังกล่าว การมีกาสิโนถูกกฎหมายก็จะเป็นสวรรค์ของขบวนการมาเฟีย แต่คือนรกบนดินของคนไทยทั้งชาติ