ชำแหละช่องโหว่-จุดอ่อน ร่าง พ.ร.บ.กาสิโน ฉบับกฤษฎีกา เปิดช่องทุจริตเชิงนโยบาย

คณะกรรมการนโยบายสามารถกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งแรกที่จำนวนเงินเท่าใดก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ประเด็นนี้สามารถก่อให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย...การมีแหล่งการพนันกาสิโนที่ไร้การควบคุม จะทำให้การทุจริตคอร์รัปชันทำได้โดยสะดวกมากขึ้น..ย่อมซ้ำเติมให้ประเทศไทยเกิดหายนะทางเศรษฐกิจมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

การเดินหน้าเร่งออก พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่าร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วยของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษแก้ไขปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีเนื้อหาที่แตกต่างไปจากร่างเดิมของกระทรวงการคลังหลายจุด ซึ่งพบว่าแกนนำรัฐบาลเพื่อไทยมีท่าทีไม่เห็นด้วย

ดังนั้น ต้องติดตามว่ากระทรวงการคลังจะเสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้งเมื่อใด เพื่อให้ ครม.ส่งไปให้สภาฯ พิจารณาในลำดับต่อไป

ประเด็นร้อนแรงดังกล่าว "รศ. ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิชาการที่ติดตามนโยบายสาธารณะของรัฐบาลที่ต้องการเปิดกาสิโนในประเทศไทย" ให้ทัศนะในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

เมื่อถามว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น มาตรา 65 (2) กำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งจะเข้ากาสิโนต้องมีบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน ประเด็นดังกล่าวน่าจะคลายความกังวลใจของประชาชนได้แล้วหรือไม่เกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้ประชาชนคนไทยติดการพนัน หรือมีประเด็นอื่นใดที่น่ากังวลใจ "รศ. ดร.ชิดตะวัน” ให้ทัศนะว่า  คณะกรรมการกฤษฎีกามีนักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มากมาย ในเบื้องต้นก่อนที่จะรับดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ถูกส่งมาจากครม. ควรมีการตรวจสอบว่ามติ ครม.ที่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากในช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ใช้นโยบายนี้ในการหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงมิได้รายงานนโยบายกาสิโนถูกกฎหมาย หรือการนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดินต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามมาตรา 57 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มติ ครม.ที่เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย จึงเป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 3 วรรค 2 ซึ่งบัญญัติว่า “รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม”

การที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐรับเรื่องดำเนินการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 3 วรรค 2 ประกอบมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เช่นกัน โดยมาตรา 5 บัญญัติว่า “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้”

สำหรับประเด็นว่าร่าง พ.ร.บ.ของคณะกรรมการกฤษฎีกาฉบับนี้สามารถคลายข้อกังวลของสาธารณชนได้หรือไม่นั้น ก็ต้องตอบว่าเมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว เม็ดต่อๆ ไปก็ต้องผิดตามไปด้วย นั่นคือเป็นร่างกฎหมายที่มีสาระสำคัญฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ต่อให้จะปรับแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายฉบับนี้เช่นใดก็เป็นเรื่องที่ผิดอยู่ดี

อย่างไรก็ดี หากจะให้วิพากษ์ก็ต้องกล่าวว่าร่าง พ.ร.บ.ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ไขนั้น ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากร่างฯ ของกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะจุดที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายในอนาคต

อาทิ ร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ฉบับคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา 18(2) ระบุว่า ให้คณะกรรมการนโยบายซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เสนอแนะอัตราภาษีกาสิโนต่อคณะรัฐมนตรี ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเช่นกัน การที่ร่าง พ.ร.บ.ไม่ระบุภาษีที่จะเก็บจากธุรกิจกาสิโนให้ชัดเจนว่าจะมีประเภทใดบ้าง ในอัตราเท่าใด จะนำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบายในอนาคต เพื่อเอื้อประโยชน์มหาศาลให้กับผู้ประกอบการกาสิโน เช่นเดียวกับมาตรา 18(10) ก็กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต แต่ต้องไม่เกินอัตราตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งเมื่อพิจารณาอัตราค่าธรรมเนียมตามบัญชีแนบท้ายในการได้ใบอนุญาตครั้งแรกอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงแปลความได้ว่า คณะกรรมการนโยบายสามารถกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งแรกที่จำนวนเงินเท่าใดก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ประเด็นนี้ก็สามารถก่อให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายได้เช่นกัน เช่น คณะกรรมการนโยบายในอนาคตอาจจะอ้างว่า เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมกาสิโน ดังนั้น เห็นควรเก็บค่าใบอนุญาตครั้งแรกที่ 500 ล้านบาท เป็นต้น ทั้งหมดนี้ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่ผ่านมาพบว่า ประเทศกำลังพัฒนาที่มีการแพร่หลายของการคอร์รัปชันในระดับวิกฤต มักปรากฏนโยบายปรับลดอัตราภาษีเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน โดยอ้างเหตุผลเรื่องการดึงดูดการลงทุนจากเอกชน/เพิ่มการจ้างงานในประเทศ อาทิ เมื่อต้นปี 2568 ประธานบอร์ด Philippines Amusement and Gaming Corporation (PAGCOR) ของฟิลิปปินส์ระบุอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์มีการปรับลดอัตราภาษีที่จัดเก็บจากผู้ให้บริการพนันออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจเหล่านี้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านอื่นสูง และเพื่อเป็นการลดการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย เป็นต้น

หรือแม้แต่การเก็บภาษีจากธุรกิจ Integrated Resort (IR) ที่มีบ่อนกาสิโน โดย Integrated Resort ก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ Entertainment Complex ที่รัฐบาลไทยกำลังผลักดันให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม ร้านอาหาร สวนน้ำ Shopping Mall และที่ขาดไม่ได้คือบ่อนกาสิโน การศึกษาของ National Tax Research Center ประเทศฟิลิปปินส์ รายงานว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์มีการเก็บภาษีจากธุรกิจ IR ซึ่งรวมการพนันกาสิโนในระดับที่ต่ำมาก อีกทั้งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจ Integrated Resort อย่างต่อเนื่อง จนทำให้รัฐมีรายได้รวมจากการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจ IR ที่มีบ่อนกาสิโนรวมอยู่ด้วย คิดเป็นเพียงประมาณร้อยละ 5 ของรายได้รวม  (Gross Revenue) ของอุตสาหกรรมนี้เท่านั้น อาทิ ในปี 2018 อุตสาหกรรม IR ที่มีบ่อนกาสิโนรวมอยู่ด้วย มีรายได้รวมประมาณ 138 พันล้านเปโซ แต่รัฐมีรายได้รวมจากการจัดเก็บภาษีจากอุตสาหกรรม IR ที่มีบ่อนกาสิโนรวมอยู่ด้วย เพียง 7,161 ล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 5.18 ของรายได้รวมของอุตสาหกรรมนี้เท่านั้น

การที่รัฐบาลฟิลิปปินส์มีนโยบายจัดเก็บภาษีจากธุรกิจเหล่านี้ในอัตราที่ต่ำ ทำให้บริษัทข้ามชาติและอภิมหาเศรษฐีของฟิลิปปินส์ ซึ่งนอกจากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเครือยักษ์ใหญ่ของประเทศแล้ว ยังเป็นเจ้าของ Integrated Resort ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการเสียภาษีที่น้อย ในขณะที่ประเทศในภาพรวมเกิดหายนะ เพราะรัฐมีรายได้ที่จะใช้เป็นงบประมาณเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศในระดับต่ำ อุตสาหกรรมกาสิโนภายใต้บริบทการวางนโยบายด้านภาษีที่เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนที่เป็นเจ้าของกาสิโน จึงซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น กล่าวคือ ในขณะที่อภิมหาเศรษฐีได้รับกำไรมหาศาลจากการให้บริการ Integrated Resort ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย แต่คนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ยากจนข้นแค้นไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้

สำหรับประเด็นการเขียนกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยติดพนัน เช่น มาตรา 65(2) กำหนดว่าคนไทยซึ่งจะเข้ากาสิโนได้ต้องมีบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือนนั้น เห็นว่าการเปิดกาสิโนในหลายจังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล เป็นกรณีที่ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือคนไทย เนื่องจากการตั้งข้อกำหนดมิให้คนไทยส่วนใหญ่เข้าในกาสิโนตามมาตรา 65(2) นั้น จะทำให้ธุรกิจกาสิโนที่มีจำนวนมากในประเทศไทยไม่สามารถทำกำไรได้ เพราะนอกจากธุรกิจกาสิโนในประเทศต้องแข่งขันกันเองเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว ปัจจุบันอุตสาหกรรมกาสิโนในเอเชียมีการแข่งขันที่สูง และประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนก็มีการให้บริการกาสิโนอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ดังนั้น การที่รัฐบาลระบุว่า “เปิดกาสิโนทั่วประเทศ” เพื่อ “ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ” จึงเป็นคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผล

การอนุญาตให้มีธุรกิจการพนันกาสิโนถูกกฎหมาย ภายใต้บริบทการคอร์รัปชันที่แพร่หลาย ในทางปฏิบัติจะทำให้เกิดช่องทางในการแสวงหาประโยชน์ร่วมกัน ระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจกาสิโนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้กลุ่มเปราะบางไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์ ผู้มีรายได้น้อย ประชาชนทั้งหมดสามารถเข้าเล่นพนันในกาสิโนได้ นอกจากนี้ การมีแหล่งการพนันกาสิโนที่ไร้การควบคุม จะทำให้การทุจริตคอร์รัปชันทำได้โดยสะดวกมากขึ้น ทั้งหมดนี้ย่อมซ้ำเติมให้ประเทศไทยเกิดหายนะทางเศรษฐกิจมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะงานวิจัยชี้ชัดว่า การคอร์รัปชันที่สูงและธรรมาภิบาลภาครัฐที่ต่ำ จะทำให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลง

-รัฐบาลอ้างว่า การไม่ระบุอัตราภาษีลงไปให้ชัดเจน  เพราะไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีปัจจัยใดเกิดขึ้น การให้คณะกรรมการนโยบายภายใต้การอนุมัติของ ครม.พิจารณากำหนดจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า?

ในประเทศพัฒนาแล้วที่มีการทุจริตคอร์รัปชันในระดับต่ำ เช่น เดนมาร์ก ฟินแลนด์ สิงคโปร์ นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเป็นบุคคลที่มีคุณธรรม มีสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี รู้จักละอาย

ดังนั้น ผู้บริหารประเทศก็จะกำหนดภาษีกาสิโน โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศที่มีการทุจริตคอร์รัปชันในระดับรุนแรง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นักการเมืองส่วนใหญ่มีสำนึกและความละอายต่ำ จึงมักออกนโยบายโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนและวงศ์ตระกูลเป็นที่ตั้ง จนทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ดังนั้น การที่กฎหมายไม่มีการระบุประเภทและอัตราภาษีที่จะจัดเก็บจากธุรกิจกาสิโน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการทุจริตเชิงนโยบายของฝ่ายบริหารในอนาคต

            -อยากให้อาจารย์ ดร.ชิดตะวัน ยกตัวอย่างของประเทศอื่นให้ชาวไทยได้เห็นภาพชัดๆ ว่า ถ้าประเทศไทยมี Entertainment Complex ที่มีกาสิโนรวมอยู่ แล้วประเทศไทยจะอยู่ในสภาพเช่นใด?

เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า หากเมืองไทยมีกาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายจะมีสภาพสังคมและเศรษฐกิจเช่นใด ต้องหยิบยกประเทศที่มีบริบททางสังคม เศรษฐกิจ การแพร่หลายของการคอร์รัปชัน และการบังคับใช้กฎหมายที่ไร้ประสิทธิภาพ รวมถึงลักษณะอุตสาหกรรมกาสิโน ซึ่งมีความใกล้เคียงกับที่รัฐบาลไทยกำลังผลักดันมากที่สุด เมื่อพิจารณาการสำรวจขององค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ข้อมูลเผยแพร่ล่าสุดพบว่า ปี 2567 ในขณะที่เดนมาร์กและสิงคโปร์มีการคอร์รัปชันต่ำที่สุดในโลกลำดับที่ 1 และ 3 (ได้คะแนนที่ 90 และ 84 ตามลำดับ โดยคะแนนยิ่งมากหมายถึงการคอร์รัปชันน้อย) ไทยและฟิลิปปินส์อยู่ในลำดับที่ 107 และ 114 (ได้คะแนนที่ 34 และ 33 ตามลำดับ)

รัฐบาลไทยมีการวางเป้าให้มี Entertainment Complex  ซึ่งมีกาสิโนในหลายจังหวัด ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยมาตรา 18(1) ไม่ได้กำหนดจำนวนใบอนุญาตขั้นสูงแต่อย่างใด จึงหมายความว่าในอนาคตประเทศไทยอาจจะมีการให้บริการกาสิโนถึง 100-200 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศก็ได้ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยมีความพยายามที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย จะเห็นได้ว่าบริบทวิกฤตการคอร์รัปชัน และจำนวนผู้ประกอบการกาสิโนของไทยที่จะเกิดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล มีความใกล้เคียงกับกรณีของฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีธุรกิจกาสิโนนับแต่ปี 1976 โดยปัจจุบันมีจำนวนกว่า 50 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ และมีการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เช่น กาสิโนออนไลน์ พนันกีฬาออนไลน์ ที่ให้บริการแก่ชาวฟิลิปปินส์โดยตรง แม้ว่าอุตสาหกรรมกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในฟิลิปปินส์จะมีกำไรมหาศาล โดยทำรายได้ในปี 2024 เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ แต่ฟิลิปปินส์ก็ยังเป็นประเทศยากจน และคนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้

1) ทรัพยากรมนุษย์ของฟิลิปปินส์จำนวนมากไม่มีคุณภาพ เพราะมีชีวิตที่พัวพันกับการพนัน ในประเด็นดังกล่าวประธานบอร์ด PAGCOR รัฐวิสาหกิจที่ดูแลกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ระบุชัดเจนว่าปี 2024 อุตสาหกรรมกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในฟิลิปปินส์มีรายได้เกินเป้าที่วางไว้ โดยรายได้ส่วนใหญ่ของอุตสาหกรรมกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายมาจากคนฟิลิปปินส์ แม้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ชาวเกาหลีใต้ จีน  ญี่ปุ่น ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า การที่คนฟิลิปปินส์จำนวนมากติดการพนัน โดยจำนวนไม่น้อยตกงาน และหลายกรณีกลายเป็นอาชญากรในที่สุด อาทิ โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญในปี 2017 ที่ฆาตกรซึ่งในอดีตเป็นข้าราชการกระทรวงการคลัง  แต่ต้องตกงานเพราะติดการพนันกาสิโนอย่างหนัก ได้บุกปล้นกาสิโนและกราดยิงผู้คนล้มตายรวม 37 ราย ส่งผลให้ผลิตภาพของกำลังแรงงานโดยรวมตกต่ำ

2) การทุจริตคอร์รัปชันในระดับวิกฤต ซึ่งเป็นรากเหง้าของการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ฟิลิปปินส์ไม่สามารถควบคุมปัญหาอาชญากรรมและปัญหาทางสังคมได้ การแพร่หลายและความรุนแรงของอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการพนันกาสิโน เช่น การฟอกเงิน การลักพาตัว การค้ามนุษย์ ฯลฯ ทำให้ฟิลิปปินส์ไม่สามารถดึงการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมอื่น ซึ่งใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และแรงงานทักษะสูง โดยกระทรวงการคลัง (Department of Finance) ของฟิลิปปินส์ได้พิจารณาผลกระทบของอาชญากรรมต่อเศรษฐกิจ อ้างอิงจากการศึกษาใน 67 ประเทศ พบว่าเหตุการณ์อาชญากรรม 1 ครั้งต่อประชากร 100,000 คน จะทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง 1% และอาชญากรรมจากการพนันทำให้การลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI)  ลดลงประมาณ 16-26 พันล้านเปโซ

3) แม้รายได้ของอุตสาหกรรมกาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายจะมีมูลค่ามหาศาล แต่การที่รัฐมีนโยบายจัดเก็บภาษีจากธุรกิจเหล่านี้ในอัตราที่ต่ำ ทำให้บริษัทข้ามชาติและอภิมหาเศรษฐีของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเจ้าของ Integrated Resort ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการเสียภาษีที่น้อย ในขณะที่ประเทศในภาพรวมเกิดผลกระทบหลายด้านอยู่ในขั้นหายนะ เพราะรัฐมีรายได้ที่จะใช้เป็นงบประมาณในการบริหารประเทศในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเปรียบเทียบกับมาเก๊าที่มีการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ จากธุรกิจกาสิโนในระดับสูง เช่น ในปัจจุบันเก็บที่ร้อยละ 40 ของ Gross Gaming Revenue (GGR) ด้วยเหตุนี้รัฐบาลฟิลิปปินส์จึงไม่มีงบประมาณเพียงพอไปใช้เยียวยาปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่หลายของอุตสาหกรรมการพนัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการลักพาตัว การเรียกค่าไถ่ การค้ามนุษย์ การฆาตกรรม ดังนั้น จึงไม่ต้องพูดถึงการจะมีงบประมาณไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอื่นใด เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมระดับสูงได้เลย.

โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จุลพงศ์-พรรคประชาชน เอ็กซ์เรย์ แผลอักเสบ นายกฯ ผิดจริยธรรม-นิติกรรมอำพราง

ถึงแม้ว่า"แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี"จะผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านไปได้ด้วยคะแนนเสียงโหวตไว้วางใจท่วมท้น 319 เสียง แต่ประเด็นข้อกล่าวของฝ่ายค้านที่ซักฟอกนายกฯกลางสภาฯ

โรยเกลือ 'ตั๋ว PN' ไปไกลแค่ไหน? จากชั้น 14 สู่แพทยสภา-เร่งกาสิโน!

ยุทธการ “โรยเกลือ” ที่ฝ่ายค้านเริ่มต้นจะไปได้ไกลแค่ไหน? พรรคประชาชนจะผลักดันเรื่องนี้ถึง ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ หรือจะถูกตัดตอนแค่ในชั้นกรมสรรพากร?

'100 องค์กร' แถลงการณ์ค้าน 'กม.กาสิโน' ตีเช็คเปล่าซูเปอร์บอร์ด-ครม.

เครือข่ายภาคประชาสังคม 100 องค์กร อันประกอบด้วยองค์กรศาสนา องค์กรชุมชน องค์กรเด็กเยาวชนและครอบครัว องค์กรอาสาสมัคร องค์กรการศึกษา และอื่นๆ

'นายกฯอิ๊งค์' จ่อส่งคนเคลียร์ม็อบต้าน 'กาสิโน' พร้อมแจงประเด็น 10%

นายกฯ เตรียมส่งคนคุยม็อบเห็นต่าง 'เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์' แจง 10% 'กาสิโน' หมายถึงขนาดพื้นที่ ไม่ใช่มูลค่าเงินลงทุน

แบ่งเค้ก“กาสิโน”ลงตัว เร่งเชื้อไฟ-ท้าทายปชช.

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ....หรือร่างกฎหมายกาสิโน เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา