อย่าได้ประมาทในธรรม.. “เมื่อใจตรง .. จะตรงใจ”..

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. เดินทางกลับมาจากอินเดีย เมื่อ ๗ พ.ย.๒๕๖๗.. ถึงกรุงเทพฯ ๘ พ.ย.๒๕๖๗ หลังจากไปร่วมประชุม The First Asian Buddhist Summit 2024 ที่นิวเดลี งานนี้จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของรัฐบาลอินเดีย โดยมี IBC (International Buddhist Confederation) เป็นผู้บริหารจัดการงานดังกล่าว ที่เชิญผู้นำองค์กรพุทธศาสนามาจากประเทศต่างๆ ในเอเชีย.. สำหรับประเทศไทย ได้มีหนังสือเชิญเจาะจงมาถึงวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน เพื่อไปเป็นองค์บรรยายในภาพรวมของ “พุทธจริยา เพื่อการเผยแผ่พุทธธรรม” นับเป็นหัวข้อที่ถูกใจยิ่ง

การได้ไปประกาศ พุทธคุณ ผ่าน พุทธจริยา.. พุทธกิจ.. ในการเผยแผ่พุทธธรรมของพระพุทธเจ้า ทำให้ต้องศึกษาเชิงลึกในความหมายของ พระมหากรุณาธิคุณ.. ที่นำเอา พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ มาผนวกไว้เป็นหน้าเดียวกัน ไปสู่มหาชน.. สัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งเทวดา มนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในอันที่จะได้รับพระพุทธคุณ.. ที่จะชักนำให้จิตใจของเวไนยสัตว์เหล่านั้นได้เข้าสู่กระแสธรรม.. เพื่อ มรรค ผล พระนิพพาน

จึงได้เห็นการทรงพุทธกิจ ๕ ประการตลอดต่อเนื่อง ๔๕ พรรษา โดยประชุมธรรมทั้งปวงลงที่ อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ.. ท่านทั้งหลาย จงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด.. โดยในทุกๆ วัน วันละ ๒ เวลา รวมต่อเนื่องตลอด ๔๕ พรรษาที่ทรงแสดงอัปปมาทธรรมรวมทั้งสิ้น ๓๒,๘๕๐ ครั้ง นับเป็นหลักธรรมที่ทรงเน้นย้ำอัปปมาทธรรมดังกล่าวมากที่สุดตลอดชีวิตของพระองค์ จนถึงวาระสุดท้ายที่ทรงแสดง ปัจฉิมวาจา ประกาศอัปปมาทธรรม.. ใต้ต้นสาละคู่ พระราชอุทยานกุสินารา ซึ่งมีชื่อในท้องถิ่นว่า.. มาถากุนวะระกาโกฎ (Matha-Kunwar-Ka-Kot) มถากัวร์ มาจาก มฤตกุมาร แปลว่า เจ้าชายสิ้นชีพ ปรากฏตามคัมภีร์ว่า เมืองนี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่า ผุสสะ เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์หลายครั้ง เคยเป็นราชธานีนามว่า กุสาวดี ของพระเจ้ามหาสุทัสสนจักรพรรดิ

การเดินทางไปอินเดียในครั้งนี้ ก็เฉกเช่นการไปอินเดียในทุกๆ ครั้ง ที่มีจุดประสงค์หลัก คือ การประพฤติปฏิบัติธรรม.. โดยในทุกวัน จะหาโอกาสแวะไปสักการบูชาด้วยการปฏิบัติตามสถานที่สำคัญที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ซึ่งที่นครนิวเดลีก็จะมีสถานที่หนึ่งที่ อักษรพราหมี เขียนระบุว่า เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับแสดงสติปัฏฐานสี่ให้กับชาวแคว้นกุรุ ณ กัมมาสธัมมะนิคม ซึ่งเขียนประชาสัมพันธ์เป็นภาษาอังกฤษาในปัจจุบันว่า Asokan Rock Edict ปัจจุบันตั้งอยู่ใน เขตไกรลาศตะวันออกของนครนิวเดลี อยู่ในการดูแลของกองโบราณคดี กระทรวงวัฒนธรรม อินเดีย ซึ่งได้ประกาศไว้ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๑ สำหรับในแคว้นกุรุหรือพื้นที่นครเดลีส่วนหนึ่งในปัจจุบัน จะมี เสาหินพระอโศก ที่เรียก Ashoka Pillar.. จักแสดงเครื่องหมายความเป็นพื้นที่สำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการเสด็จมาแคว้นกุรุดังกล่าวของพระพุทธเจ้า.. ซึ่งปรากฏ อักษรพราหมี บนเสาหินดังกล่าว ตั้งอยู่ในพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยเดลี และเสาหินพระอโศกอีกแห่ง ตั้งอยู่ภายในกองโบราณสถาน เป็นป้อมปราการ ฟิโรซซาห์ โกตลา (Feroz Shah Kotla Fort)

การปฏิบัติธรรมที่นครนิวเดลี ณ ไกรลาสตะวันออก จึงเป็นการอัญเชิญ มหาสติปัฏฐานสูตร จัดอยู่ในพระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค ขึ้นสวดสาธยายเป็นภาษาบาลีจนจบ ด้วยความแคล่วคล่องว่องไวในทำนองการสวดคล้ายการสวดพระโอวาทปาติโมกข์ ๒๒๗ สิกขาบท ซึ่งได้รับทั้งพลังธรรม.. และความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมอันสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นหลักธรรมที่จะต้องนำไปปฏิบัติเพื่อการรู้แจ้งใน อริยสัจ ๔ .. อันเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ที่เรียกว่า พระนิพพาน

ทั้งนี้ เมื่อได้สวดสาธยายเป็นบาลีคาถาจนจบอย่างรวดเร็วแล้ว จึงได้นำสู่การอรรถาธิบายตามความหมายของคำและพยัญชนะที่พระพุทธองค์ตรัสแสดงไว้ดีแล้ว โดยสิ่งสำคัญยิ่งคือ การแปลคำบาลีให้ถูกตรงตามคำและความหมายที่จะต้องค้นคว้าใน อรรถกถา ฎีกา มาประกอบ

จึงได้เห็นความสำคัญของ อรรถกถา ฎีกา ที่เปรียบดุจ Dictionary ของภาษา พุทธธรรม.. ปัจจุบันในยุคไอที สะดวกรวดเร็วต่อการเข้าถึง เพียงแค่จิ้มนิ้วลงไปให้ตรงเรื่องราวที่ต้องการ ก็จะพบกับ คัมภีร์พุทธธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ป.อ.ปยุตฺโต คอยช่วยอรรถาธิบายให้ได้เข้าใจ รวมถึงจากหนังสือต่างๆ ที่อ้างอิงพระไตรปิฎก..

แม้ว่าการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอน เพื่อการเข้าถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ที่ประมวลรวมลงใน พระธรรมวินัย จะสะดวกรวดเร็ว ชัดเจนแจ่มแจ้ง ตรงกับ พระสัทธรรมแท้

แต่ก็ยังมีคนจำนวนมาก รวมถึงผู้เข้ามาบรรพชา-อุปสมบทในพระศาสนา พากันละเลย ไม่ศึกษาค้นคว้าให้ถูกเรื่อง ตรงธรรม.. จึงนำไปสู่การทะเลาะวิวาทตามหน้าสื่อต่างๆ เมื่อมีผู้คัดค้านแนวความคิด คำสอนของบุคคลเหล่านั้นที่แอบอ้าง พระสัทธรรมแท้..

จึงได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อสมเด็จพระสังฆราชได้ทรงมีพระกรุณาตักเตือนพระภิกษุบางรูป บางคณะ.. ดังที่ทรงรับสั่งปรากฏตามหลักฐานของ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ที่ได้ออกหนังสือจำนวน ๒ หน้า เป็นหนังสือรายงานพระกรณียกิจประจำวันพฤหัสบดี ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ โดยมีลายมือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ลงนามรับรอง มีความในตอนหนึ่งที่ควรอัญเชิญมาพิจารณายิ่ง โดยในเอกสารระบุว่า สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงรับ สำเนามติมหาเถรสมาคม มติที่ ๖๕๘/๒๕๖๗ แล้วอ่านโดยออกพระสุรเสียง ก่อนจะมีพระดำรัสว่า..

“มตินี้ออกมาแล้ว มหาเถรสมาคมมอบทั้งสองมหาวิทยาลัย (ทรงอ่านมติ) ตรงตัวอยู่แล้ว ก็ดำเนินการเท่านั้น ทำให้ถูกต้องตามมตินี้ มติของมหาเถรสมาคม ก็ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น ประชุมมาแล้ว ให้ไปแล้ว อย่านอกรีตแล้วกัน อย่าเอาอะไรมาเพิ่มเติมให้นอกรีตนอกรอยแล้วกัน

แต่พระเรามักมีอย่างนี้ ขอพูดตรงๆ เถิด ทางพระปฏิบัติ ถ้ามันจะเดินกันอย่างนี้ ไม่ได้มีกันเสียเลย ก็จะไม่มีหนามออกมาสักหน่อย ให้ทำให้ตรงตามพระธรรมวินัย อะไรก็ไปได้ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ ให้ตรงกับพระธรรมวินัย ทางนี้ผ่านมาแล้ว (ทรงชี้พระองค์) ขอให้ดำเนินการตามนั้นก็แล้วกัน..

พระดำรัส “อย่าเบี้ยว ว่าของฉันดี ของเธอไม่ดี อย่าเอาอย่างนี้มาก็แล้วกัน พูดกันตรงๆ เลยนะ ให้ดำเนินการ ให้นำหลักวิชาการ จึงอนุโมทนาสาธุด้วย!!”

พระดำรัส “ถ้าเดินตาม ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย ไม่มีปัญหา ถ้านอกรีตนอกรอย อันนี้มีปัญหามาก แล้วแก้ลำบากด้วย เพราะฉะนั้น เราในฐานะผู้ที่จะปกป้องไว้ซึ่งพระธรรมวินัยของพระศาสดา ก็ต้องอย่าให้นอกรีตนอกรอยก็แล้วกัน ให้ดำเนินการตามที่พูดนี้ก็แล้วกัน..

พระดำรัส “นั่นแล พระรัตนตรัยต้องมาก่อน อริยสัจ ๔ เป็นของจริง อย่าไปนำของเกจิคนไหนมาทำให้วุ่นวายสมองหมด เป้าหมายอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้วกัน เป็นใช้ได้ อริยสัจ ๔ เท่านั้นแหละ เกจิมากเดี๋ยวนี้ เกจิมากทำให้ปลุกปั่น และลูกศิษย์ของเกจิทำให้ปั่นมาก ทำไม อาจารย์ฉันดี อาจารย์ฉันดี ผู้นั้นไม่ดี ของฉันดีกว่า กิเลสท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เอากิเลสมาท่วมหัวเอาตัวรอดกันไหม...”

“เพราะฉะนั้น ตัดตัวกูออก ถ้ามี ๑๐๐ ให้เหลือสัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ จะดีขึ้นเยอะหน่อย ถ้าไม่มีเลยยิ่งดี

เอาเถิด.. ขออนุโมทนา.. ถ้าดำเนินการเพื่อรักษาศาสนธรรม คำสอนของพระพุทธองค์ก็แล้วกัน

ไปเถิด ไป อัตหิตประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึง ปริหิตประโยชน์ นี้สำคัญ พระธรรมวินัยสำคัญ

หมายเหตุ.. การอัญเชิญพระดำรัสมาลงในคอลัมน์ปักธงธรรมในครั้งนี้.. ด้วยเจตนาเพื่อถวายความเคารพอย่างสูงสุดในพระดำรัสที่ทรงพระกรุณาสั่งสอนอย่างตั้งใจ เพื่อประโยชน์สูงสุด คือ การรักษาพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา ให้สืบเนื่องต่อไปอย่างถูกต้อง ตรงตามพระสัทธรรมแท้จริง..”

โดยเฉพาะ พระดำรัสในตอนท้ายที่ว่า..

“..ไปเถิด ไปอัตหิตประโยชน์ (ทำประโยชน์ตนให้ถึงพร้อม)..

ไม่ต้องพูดถึง ปริหิตประโยชน์ (ทำประโยชน์เพื่อเกื้อกูลผู้อื่น)...”

ในความหมายดังกล่าว ชัดเจน ตรงธรรมยิ่ง ว่า.. เมื่อทำประโยชน์ตนถึงพร้อมได้แล้ว.. ประโยชน์ต่อผู้อื่นก็จะเกิดขึ้นเอง โดยธรรม... นับเป็นคำกล่าวหรือพระดำรัสที่สำคัญยิ่ง... ขอสาธุชนพึงตั้งใจอ่านในทุกคำ จะมีประโยชน์ยิ่ง.. ต่อแนวทางการศึกษาประพฤติธรรม.. ที่รวมความลงที่ อย่าได้ประมาทในธรรม...

 

เจริญพร

dhamma_araya@hotmail.com

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว ! ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” ในเอกสารแนบท้าย MOU 2544

เขียนและพูดเรื่อง MOU 2544 มาหลายปี หลากมุมมอง ล่าสุดช่วงนี้ก็จำแนกข้อดีข้อเสีย รวมทั้งส่วนที่จะได้และส่วนที่จะเสียหากเจรจาสำเร็จ ล้วนหนัก ๆ ทั้งนั้น .

ไม่เลิก MOU 44 ได้สอง-เสียสาม !

คำถามของท่านนายกรัฐมนตรึเมื่อวันก่อนที่ว่าถ้าเราเลิก MOU 2544 แล้วจะ “ได้” อะไร ดูเหมือนท่านจะเห็นว่าเราจะ “ไม่ได้” อะไรเลยละกระมัง จึงสรุปว่าจะไม่เลิกและจะเดินหน้าต่อ

พฤศจิกายน ศาลรธน. รับคำร้องคดี ทักษิณ-พท. ล้มล้างการปกครองฯ

ความคืบหน้าคำร้องคดีสำคัญทางการเมือง กรณีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1

ไปแอ่วหละปูนกันเต๊อะ ยลมหานครโคมโลก !

ประเด็น "การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล" ในไหล่ทวีป 26,400 ตารางกิโลเมตร ระหว่างไทย-กัมพูชา กลับมาเป็นเรื่องร้อนๆ ที่ถูกพูดถึงทางการเมืองอีกครั้ง

ความโง่ .. ศัตรูตัวทำลายให้สิ้นศาสนา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ๔-๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมประชุมพุทธศาสนาระดับนานาชาติ ที่นครเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งจัดโดย International Buddhist Confederation / IBC ร่วมกับ

พล.ร.อ.พัลลภ อดีตเสธ.ทร. ผ่ากับดัก MOU 44 บันไดสามขั้น เสี่ยงทำไทย สูญเสียดินแดน

ประเด็น "การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล" ในไหล่ทวีป 26,400 ตารางกิโลเมตร ระหว่างไทย-กัมพูชา กลับมาเป็นเรื่องร้อนๆ ที่ถูกพูดถึงทางการเมืองอีกครั้ง