เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ผ่านเข้ามาถึงเดือนตุลาคม.. วิกฤตการณ์น้ำท่วมภาคเหนือก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ.. ล่าสุดพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนก็อ่วมอรทัยตาม จ.เชียงรายไปอย่างไม่น้อยหน้า เล่นเอาชาวบ้านตาดำๆ สะบักสะบอมไปตามกันกับอิทธิฤทธิ์ของภัยธรรมชาติ ที่ก่อเกิดมาจากภัยของมนุษย์ที่สั่งสมมายาวนาน ในการตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกที่ดินลำห้วย ลำธาร หนอง คลอง บึง.. ขุด โค่น ทำลาย ป่า ภูเขา.. จนธรรมชาติสูญเสียระบบนิเวศ.. ขาดความสมดุล อะไรๆ จึงเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น.. ดังที่ปรากฏ
คำกล่าวว่า.. สัจธรรม ย่อมปรากฏ เมื่อมีการกระทำ.. หากขาดการกระทำ ไม่ว่าทางกาย วาจา หรือใจ สัจธรรมก็ย่อมสงบนิ่ง อยู่ในความเป็นภาวะปกติ ที่เรียกว่า ธรรม..
หากต้องการเข้าใจ เข้าถึง ในสัจธรรม.. จึงต้องศึกษาจากการกระทำของคนเรา ที่จักสะท้อนผลแห่งการกระทำตอบแทนคืนเจ้าของผู้กระทำนั้น..
กฎการกระทำ จึงมี กฎเกณฑ์กรรม เข้ามาควบคุม เพื่อการแสดงความดำรงอยู่ของ อำนาจธรรม ที่ควบคุมทุกสรรพสิ่งให้อยู่ในอำนาจอย่าง ยุติธรรม..
การศึกษาของมนุษยชาติ.. จึงมุ่งสู่การศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์เป็นพื้นฐาน เพื่อจัดความสัมพันธ์กับสังคม สิ่งแวดล้อม ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีดุลยภาพ ภายใต้ กรรมนิยาม และ ธรรมนิยาม ที่ควบคุม จิตนิยาม ให้ส่งผลสัมพันธ์กับ พีชนิยาม และ อุตุนิยาม
การค้นหา สัจธรรม ของชีวิต.. เพื่อนำไปสู่การมีปรัชญาชีวิตที่เป็นเลิศ.. จึงกลายเป็นหลักการศึกษาของมนุษยชาติ.. ที่มุ่งแสวงหาอารยธรรม.. ความเจริญก้าวหน้า.. และความผาสุก
ปัญหาของมนุษยชาติ.. จึงขึ้นอยู่กับการมีพื้นฐานชีวิตที่ถูกต้องตรงตามสัจธรรม หรือไม่.... ซึ่งหากถูกต้องตรงตามหลักธรรม.. ที่เป็นจริง อันปรากฏมีอยู่ในธรรมชาติ ก็ไม่แปลก.. ไม่วิบัติ.. แต่หากไม่ถูกต้องตรงตามธรรม.. มีการปฏิเสธสัจธรรม.. กลายเป็นถือ อคติธรรม.. ก่อวิปลาสธรรม.. ความหายนะ ความบรรลัย ก็ย่อมจักเกิดขึ้นอย่างมิต้องเรียกร้อง
โลกจึงประสบความหายนะ.. เมื่อจิตใจของมนุษยชาติถูกครอบงำด้วยอำนาจกิเลส จนยากที่จะเยียวยาด้วยธรรมโอสถ นี่เป็น สัจธรรม
การทำชั่วช้าสามานย์ จะปรากฏแพร่หลายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ไม่เว้นแม้ในหมู่นักบวช บรรพชิต ที่จะพากันทำลายคำสอนในศาสนาของตนให้สูญสิ้นไป ด้วยทิฏฐิวิบัติและการปฏิบัติที่ปราศจากศีลธรรม
การประกอบกรรมชั่วร้ายนานาประการ จึงเกิดขึ้นด้วย กาย วาจา ใจ ที่โคตรทุจริต ไม่รู้จักศีล ไม่รู้จักธรรม.. ไม่รู้จักบุญ ไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักคุณของ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรผู้เคยอุปการะเลี้ยงดูมา
ไม่เข้าหาสมณพราหมณ์ ไม่รู้จักผู้ทรงธรรม ปฏิเสธหลักธรรมคำสั่งสอน ที่สุดแม้ในขั้นพื้นฐานที่ว่าด้วยกฎเกณฑ์กรรม.. ก็ไม่เชื่อว่าการกระทำมีผล.. ไม่เชื่อว่าผลเกิดจากการกระทำ.. หนักที่สุด คือ ไม่เชื่อทั้งเหตุและผล.. จึงไม่แปลกที่จะก่อเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นในหมู่มนุษยชาติ
ซึ่งเหตุเภทภัยทั้งปวง ที่ก่อเกิดในรูปวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กล่าวเรียกว่า ภัยธรรมชาติ นั้น.. แท้จริง มาจากภัยที่มนุษย์กระทำขึ้น.. ดังที่กล่าวเรียกกันมาว่า.. มนุษยภัย
จึงนำไปสู่ความเสื่อมสูญศีลธรรม และไม่แปลกที่ทุกก้าวย่างของคนในสังคมนั้น.. ประกอบอยู่กับความคิดที่มุ่งหวังประโยชน์ตนเป็นใหญ่.. มีการเอารัดเอาเปรียบกันทุกรูปแบบ.. มีความ ริษยาและมัจฉริยะ เป็นเครื่องแสดงออกของคนในสังคมนั้นๆ
การประทุษร้าย.. การทำร้าย.. การก่ออาชญาให้กันและกัน จึงเกิดขึ้น อย่างไม่เลือกว่าใคร..เป็นใคร การมุ่งหวังแสวงหา อำนาจ.. กาล ผลประโยชน์ ชื่อเสียง ยศศักดิ์ กลายเป็นเรื่องใหญ่ของคนในสังคมยุคคุณธรรมความดีย่อยสลาย.. ไม่เว้นแม้ในหมู่บรรพชิตที่บวชเข้ามาไม่ใช่เพื่อละวาง.. แต่กลับเข้ามาเพื่อแสวงหาอย่างมากมาย..
เมื่อโลกธรรมเป็นใหญ่เหนือจิตใจของคนเรา กิเลสจึงเป็นใหญ่ครองโลก.. นี้เป็น สัจธรรม ที่เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด.. ทุกสมัย..
การปลูกสร้างศีลธรรม.. คุณธรรมความดีให้เกิดขึ้นในจิตวิญญาณของมนุษยชาติ.. จึงเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่งของ มนุษยชาติ เพื่อการอยู่ในกระแสโลกธรรม.. อย่างไม่เป็นโทษภัย จนเกินที่จะรับได้.
พระพุทธศาสนา.. จึงชี้เปรี้ยงไปที่จิตวิญญาณของมนุษยชาติ.. ที่จักต้องปลูกฝัง สติปัญญา .. ให้ดำรงอยู่อย่างสืบเนื่องห้ามขาดตอน.. ทั้งนี้ เพื่อป้องกันกิเลสเข้ามาถือครอง เพื่อไม่ชักนำไปสู่อำนาจฝ่ายต่ำที่ยกวัตถุกามเป็นใหญ่.. จนสรรเสริญว่า วัตถุธรรมคือเทพเจ้าในชีวิต...
การมุ่งสู่ภายนอก.. มากกว่า การเดินทางสู่ภายใน จึงเป็น สัจธรรม ของสัตว์โลกในทุกยุคสมัยที่เสื่อมถอยจาก สติปัญญา และความเพียรชอบ
ผลกรรม จึงเป็นไปในทางบาป .. อกุศล ที่ชักนำไปสู่การก่อเภทภัย ให้เกิดความหายนะไปทั่วโลก วิกฤตการณ์ทางธรรมชาติ.. จึงเป็น สัจธรรม ที่ก่อเกิดปรากฏ เพื่อตักเตือนจิตใจของมนุษยชาติว่า.. อย่าปรามาสธรรม อย่าดำรงตนอยู่ในความประมาท อย่าขาดสติปัญญา...
เพราะเมื่อภัยพิบัติ.. ก่อเกิดขึ้น เป็นผลปรากฏ นั่นหมายถึง สภาวธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ต้องให้ปรากฏ ได้เกิดขึ้นแล้วตามสัจธรรมที่กล่าวว่า.. มันต้องเป็นเช่นนี้ เป็นธรรมดา
จึงไม่แปลกที่โลกจะก่อเกิด ไฟบรรลัยกัลป์.. น้ำบรรลัยกัลป์ และลมบรรลัยกัลป์ ตั้งขึ้น.. ทั้งนี้ เพื่อแสดง สัจธรรม ว่า.. มันเป็นความจริงแท้ที่ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้จักต้องอยู่ภายใต้ ธรรมนิยาม อันเดียวกัน
ธรรมนิยาม จึงเป็น สัจธรรม ตัวแท้จริง ที่ไม่มีอำนาจใดๆ ไปลบล้างได้... ไม่ว่าอะไรๆ ในโลกนี้ จึงต้องอยู่ภายใต้ ธรรมนิยาม
ดังนั้น.. เมื่อวิกฤตการณ์ใดๆ ทางธรรมชาติเกิดขึ้น.. พึงสันนิษฐานได้เลยว่า.. นั่นเพราะการผิดพลาดต่ออำนาจแห่งธรรม ที่กำลังแสดง สัจธรรม ในธรรมนิยามให้ประจักษ์.. ทั้งนี้ เพื่อจะได้ทบทวนการดำเนินชีวิต หมายถึง การประกอบกาย วาจา ใจ ของตน ว่า.. มันผิดพลาด คลาดเคลื่อน วิบัติ.. วิปลาสไปจากธรรมอันใดบ้าง...
ทำไม น้ำป่าไหลหลากท่วมทับถมไปทั่วแผ่นดิน
ทำไม ชาวไร่ ชาวนา ที่ทำไร่ไถนา ปลูกพืช จึงไม่ได้ผลดังแต่ก่อน..
ทำไม ฝนไม่ตกตามฤดูกาล มีแต่เสียงฟ้าร้องคำราม.. แล้วก็หายไป จนพืชพรรณ ข้าวกล้า ไร่นา เหี่ยวแห้งเฉาตายเหมือนถูกไฟลน
ทำไม.. ทุกขเวทนาล้นแผ่นดิน.. หมู่ชนได้รับความทุกข์ทั่วหัวระแหง
ทำไม.. หน้าหนาวก็หนาวจัด.. หน้าแล้งก็แล้งจัด.. หน้าฝน น้ำก็หลั่งไหลมามากมาย.. จนก่อเกิดวิกฤตการณ์ภัยธรรมชาติ
สิ่งเหล่านี้กำลังบอกถึง สัจธรรม ในธรรมชาติ.. ที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง เพื่อจักได้เข้าถึงเข้าใจในสัจธรรมของธรรมชาติ.. ว่า... ทุกสรรพสิ่งต้องแปรปรวน เปลี่ยนแปลง เกิดดับไปตามเหตุปัจจัย.. ยากต้านทาน ก่อเกิดทุกข์.. ไร้ภาวะอัตตาตัวตนบังคับบัญชา..
ที่แสดงความเป็นจริงของทุกชีวิตว่า ในที่สุดต้องแตกสลายไป แม้แต่ภพภูมิที่ตั้งขึ้น ดำรงอยู่.. ซึ่งวันหนึ่งต้องพินาศไปด้วย ไฟ น้ำ ลม.. ดังสัจธรรมที่กล่าวว่า โลกนี้ย่อมพินาศวอดวายด้วยธรรมชาติ ๓ อย่าง คือ พินาศไปด้วยไฟ พินาศไปด้วยน้ำ และพินาศไปด้วยลม..
โดยพระพุทธองค์ทรงแสดงสัจธรรมไว้ว่า.. เมื่อมนุษย์มีจิตใจตกต่ำถึงขีดสุด ภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัว ๓ รูปแบบจะเกิดปรากฏ ได้แก่
๑.ไฟบรรลัยกัลป์.. มีสาเหตุมาจากกิเลสตระกูลโทสะของมนุษย์..
๒.น้ำบรรลัยกัลป์ล้างโลก.. มีสาเหตุมาจากกิเลสตระกูลราคะของมนุษย์..
๓.ลมบรรลัยกัลป์ล้างโลก.. มีสาเหตุมาจากกิเลสตระกูลโมหะของมนุษย์ เมื่อเหล่ามนุษย์มีความลุ่มหลงมัวเมา ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ จะเกิดลมบรรลัยกัลป์ล้างโลก ซึ่งมีอำนาจทำลายยิ่งกว่า ไฟและน้ำ สามารถทำลายโลกมนุษย์ สวรรค์ และรูปพรหมอีก ๙ ชั้น จนหมดสิ้น
วันนี้ เรากำลังเจอวิกฤตการณ์ภัยธรรมชาติ ที่กำลังดาหน้าเข้ามาตามฤดูกาลที่ผันผวนแปรเปลี่ยนไป จนยากจักควบคุม.. เพื่อแสดงสัจธรรมให้มนุษยชาติได้เรียนรู้เชิงประจักษ์
จึงควรตั้งสติ.. เจริญปัญญากันให้มากๆ.. เพื่อจะได้รู้ เข้าใจ ให้ตรงกับ “สัจธรรม” ว่า.. แท้จริง เรากำลังต่อสู้กับสิ่งใด.. เพื่อค้นหาเหตุปัจจัยแท้จริง ที่นำมาสู่ความหายนะ.. อันนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ถูกตาม สัจธรรม!!.
เจริญพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
’ห้าพันตารางกิโลเมตร‘ เท่ากับกี่ตารางนิ้ว ? เงื่อนตายของ MOU 2544 ?
MOU 2544 ไม่ใช่กรอบการเจรจาเพื่อหาข้อตกลง ”แบ่งผลประโยชน์(ปิโตรเลียม)“ เท่านั้น แต่หาข้อตกลง “แบ่งเขตแดน(ทะเล)“ ด้วย !
คำนูณ ผ่าปม 2 ได้ 3 เสีย ถ้าไม่ยกเลิก MOU 2544
ความเคลื่อนไหวและการแสดงความคิดเห็นเรื่อง MOU 2544 ที่เชื่อมโยงถึงเกาะกูด, การหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา ที่มีการประเมินกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท ยั
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???
อย่าได้ประมาทในธรรม.. “เมื่อใจตรง .. จะตรงใจ”..
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. เดินทางกลับมาจากอินเดีย เมื่อ ๗ พ.ย.๒๕๖๗.. ถึงกรุงเทพฯ ๘ พ.ย.๒๕๖๗ หลังจากไปร่วมประชุม “The First Asian Buddhist Summit 2024” ที่นิวเดลี งานนี้จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของรัฐบาลอินเดีย
ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว ! ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” ในเอกสารแนบท้าย MOU 2544
เขียนและพูดเรื่อง MOU 2544 มาหลายปี หลากมุมมอง ล่าสุดช่วงนี้ก็จำแนกข้อดีข้อเสีย รวมทั้งส่วนที่จะได้และส่วนที่จะเสียหากเจรจาสำเร็จ ล้วนหนัก ๆ ทั้งนั้น .
ไม่เลิก MOU 44 ได้สอง-เสียสาม !
คำถามของท่านนายกรัฐมนตรึเมื่อวันก่อนที่ว่าถ้าเราเลิก MOU 2544 แล้วจะ “ได้” อะไร ดูเหมือนท่านจะเห็นว่าเราจะ “ไม่ได้” อะไรเลยละกระมัง จึงสรุปว่าจะไม่เลิกและจะเดินหน้าต่อ