ประเทศไทยจะอยู่กับวิกฤติการเมืองที่เลวร้าย หรือจะก้าวต่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า 2เส้นทางเดินสำคัญที่คนไทยจะต้องเลือกเดิน คือ…1.เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไป คนไทยต้องเปลี่ยนตาม(When the world changes and we change with it.) หรือ 2.เมื่อคนไทยเปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยก็จะเปลี่ยนตาม(When we change, the world changes.)
ประโยคแรกนั้นดูเหมือนจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบันที่คนไทยกำลังถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่สับสนเลวร้ายส่วนประโยคหลังเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ตามใจของเราเพื่อให้เห็นภาพดังกล่าว จะขอยกกระแสความเปลี่ยนแปลงที่กำลังถาโถมพัดพาสังคมไทยไปในจุดที่ไม่ถนัด 2 ประเด็นคือ 1.กลุ่มคนที่อ้างตนเป็นคนรุ่นใหม่ที่พยายามเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไปแนวทางของตน 2.การที่คนไม่ดีกลับมามีอำนาจทำให้ประเทศชาติเสียหาย..
สำหรับประเด็นแรก เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดขึ้นในทุกประเทศที่คนรุ่นใหม่ต้องการให้ประเทศชาติดีขึ้น แต่สำหรับกรณีย์นี้ดูเหมือนจะตั้งความหวังให้เกิดสัมฤทธิ์ผลอย่างฉับพลันทันที โดยพยายามกดดันสังคมให้มีการเปลี่ยนแปลงแบบสุดขีดถอนรากถอนโคน (Radical Change)ในลักษณะเร่งรีบ/รุนแรง/ทำลายล้าง คู่ขนานไปกับการการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ถึงแม้ว่าอาจจะมีเจตนาดีอยู่บ้าง ก็ยากที่สังคมส่วนใหญ่จะคล้อยตามได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมอนุรักษ์ที่มีประสบการณ์ และยิ่งถ้าผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีวาระซ่อนเร้น ก็ยากยิ่งที่สังคมไทยจะยอมรับ ถึงว่าแม้พรรคการเมืองของคนเหล่านั้นได้ถูกยุบไปหลายครั้ง ปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยดังกล่าวก็ใช่ว่าจะหมดไป แต่การไม่คล้อยตามของสังคมไทยที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ใช่จะยั่งยืนเช่นนี้ตลอดไป
ถ้าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองให้ได้รับการยอมรับและไว้เนื้อเชื่อใจจากสังคมไทยทุกกลุ่มอายุ…มีคำกล่าวว่า..”ทุกคนคิดแต่จะเปลี่ยนแปลงโลกแต่ไม่มีใครคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง” Everyone thinks of changing the world but no one thinks of changing himself.(Leo Tolstoy) ผู้ฉลาดที่แท้จริง จักต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงโลก เมื่อวันวานที่ฉันคิดว่าฉันฉลาดดังนั้นฉันต้องการเปลี่ยนแปลงโลกแต่วันนี้เมื่อฉันมีสติปัญญารู้แจ้งฉันจึงเปลี่ยนแปลงตัวฉัน Yesterday I was clever. So I wanted to change the world…Today I am wise, so I am changing myself. โดยสรุปก็คือ ถ้าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นไปแบบมีวุฒิภาวะ รู้จักประเมินสังคมไทยให้ลึกซึ้งกว่านี้ มีบรรยากาศสร้างสรรค์มากกว่าการทำลายล้าง รู้จักลำดับความสำคัญก่อนหลัง รู้จักกาลเทศะ มีความสามารถครองใจผู้คนได้ทุกฝ่ายโดยปราศจากวาระซ่อนเร้น ก็น่าจะไปสู่เป้าหมายได้
ส่วนประเด็นหลัง เป็นผลจากคนไม่ดีกลับมามีอำนาจ คือการกลับมาของนักโทษเด็ดขาดทำให้กฎหมายเป็นอัมพาตประเทศชาติเสียหาย..ได้เกิดปรากฏการณ์…เมื่อนักโทษได้กลับบ้านเบิกบานกันทั่วคนเลวเปิดตัวคนชั่วเพ่นพ่านนักโทษสั่งการทุกหน่วยงานรับฟังยุติธรรมโดนพังเข้าทางนักโทษ…ความศักดิ์สิทธิ์ของระเบียบ/กฎหมายถูกทำลายจนหมดสิ้น แถมยังสามารถครอบงำการบริหารประเทศชาติได้อย่างเบ็ดเสร็จถึงขั้นที่เรียกว่า นักโทษครองเมือง แต่ทั้งหมดนั้นมิใช่คนไม่ดีที่ทำได้แต่เพราะมีคนเห็นแก่ได้ให้การสนับสนุน
ประเทศชาติเราจะดีขึ้นได้ถ้าคนไทยยอมเปลี่ยนแปลงตนเอง(กันบ้าง) “เมื่อไรก็ตามที่เราประมาทลืมการเปลี่ยนแปลงรอบตัวเราเราจะถูกกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดพาเราไปในจุดที่ไม่ถนัด.” (Andrew Grove) เราจะต้องไม่ยอมจำนนต่อกระแสความเลวร้ายที่กำลังพัดพาสังคมไทยไปในจุดที่ไม่ถนัดถ้าเราไม่รีบเปลี่ยนแปลงก่อนเราก็จะถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง Change before you’re forced to change! แต่ถ้าเมื่อไรที่เราเปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยก็จะเปลี่ยนตามเรา
ประเด็นการเปลี่ยนแปลงตนเองมากมายที่คนไทยส่วนใหญ่ทราบว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตนเองและประเทศชาติ แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังลังเลใจ หรือต้องรอให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงก่อน แบบนี้เรียกว่า Non-Proactive แต่การเปลี่ยนแปลงอีกประเภทหนึ่งที่คนไทยถนัด คือประเภท ไฟไหม้ฟาง และวัวหายแล้วล้อมคอก คือเมื่อเกิดเรื่องจึงสนใจรีบแก้ไข แบบชั่วครู่ชั่วยาม ประเดี๋ยวประด๋าว (for a short period) แบบนี้เรียก Reactive แต่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นคุณแก่ประเทศชาติยามนี้คือการกระทำในเชิงรุก ได้แก่ Be Proactive คืออะไรที่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ให้รีบกระทำทันทีโดยไม่ลังเลใจ เช่นการมีจิตสำนึกที่ดีต่อชาติ การไม่เห็นแก่ได้ การรังเกียจการทุจริตคอร์รัปชัน การไม่ยอมรับคนโกง การส่งเสริมคนดี ฯลฯ ฝันอยากเห็นสังคมไทยเป็น Proactive Society คนไทยจงอย่าคิดว่าลำพังเราคนเดียวจะไปช่วยชาติได้อย่างไรก็คนที่ทำให้ประเทศชาติพังเสียหายอยู่ทุกวันนี้ก็แค่คนคนเดียวมิใช่หรือการทำในสิ่งที่ถูกแม้ไม่มีใครทำมันก็ถูกวันยังค่ำเพราะถูกก็คือถูกการทำในสิ่งที่ผิดแม้ทุกคนชอบทำมันก็ผิดวันยังค่ำเพราะผิดก็คือผิด“Right is right even if no one is doing it; wrong is wrong even if everyone is doing it.” (Saint Augustine)ทุกวันนี้ที่เมืองไทยวิปริตเพราะการทำผิดให้เป็นถูก..
ประเด็นสำคัญที่คนไทยพึงเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างเร่งด่วน ได้แก่การมีจิตสำนึกที่ดีต่อชาติการยึดประโยชน์ของชาติเป็นศูนย์กลางการไม่เห็นแก่ได้การไม่เห็นแก่ตัวการแยกชั่ว–ดีให้ออกการมีวิจารณญาณดูคนดีจอมปลอมและคนชั่วในคราบคนดีให้ออกการไม่หูเบาเชื่อง่ายการเคารพกฎหมายการส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดการส่งเสริมและปกป้องคนดีการไม่ยกย่องคนชั่วไม่เกรงกลัวคนเลวการไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจระบบการศึกษาต้องเน้นการสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง/ไม่ต้องสร้างคนที่ฉลาดแต่ไม่เฉลียว/ไม่ต้องเรียนรู้มากมายจนไร้สามัญสำนึก (Too much education can spoil common sense) ต้องมีความรักชาติภูมิใจในชาติรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างถ่องแท้ต้องกล้าร้องเรียนในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคมโดยเฉพาะการมีจิตสำนึกที่ดีต่อชาติ เพราะปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ รู้ดีรู้ชั่วหมดแต่อดไม่ได้รู้ว่าผิดไปแต่ใจถลำรู้ทุกข์รู้โทษแต่ถูกครอบงำรู้ว่าเป็นกรรมแต่สุดห้ามใจโดยสรุปคือ คนไทยพึงปรับปรุงตนเองด้วยการทำหน้าที่พลเมืองดีให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
การมีเป้าหมายร่วมกันคือหนทางสู่ความสำเร็จ คนไทยเรานั้นเป็นชนชาติของคนดีที่มีศักยภาพสูงชาติหนึ่งถ้าเรามีเป้าหมายการทำความดีร่วมกันที่ชัดเจน เราจะสามารถทำได้อย่างดี การรวมพลังแสดงความคิดเห็นจำนวนมากทางโลกโซเชียลอย่างต่อเนื่องก็คือการต่อสู้รูปแบบหนึ่งที่มีพลังมิใช่น้อย…ผู้มีประสบการณ์ อาจแสดงข้อคิดเห็นเสนอแนะและการจูงใจคนไทยให้มีจิตสำนึกที่ดีต่อประเทศชาติ ตลอดจนต่อต้านคัดค้านพฤติกรรมที่ทำลายสังคมและประเทศชาติ เชื่อว่าทุกความคิดเห็นที่แสดงออกมานั้น มันคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่จะเรียกสติและจิตสำนึกที่ดีของคนไทยให้กลับคืนมา ประเด็นสำคัญที่ควรกระทำควบคู่กันไปคือการส่งเสริมคนดี..”ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดีไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมดการทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดีหากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้…”(พระบรมราโชวาทในหลวงร.9)
ถ้าเราสามารถปลูกฝังทัศนคติของคนในชาติให้มีความรักชาติ มีจิตสำนึกที่ดีต่อชาติ ยึดประโยขน์ของชาติเป็นศูนย์กลาง มีความซื่อสัตย์สุจริต รังเกียจการคดโกง ไม่เห็นแก่ได้..ศักดิ์ศรีคนไทยคือ “ไม่โกง” ประเทศไทยจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้แน่นอน… แม่ชีเทเรซ่ากล่าวว่า “เราไม่สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้กันทุกคนแต่เราทุกคนสามารถทำสิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่ได้ด้วยหัวใจและความรัก”(Not all of us can do great things. But we can do small things with great love. -Mother Teresa) คนไทยจะต้องไม่ปล่อยให้โชคชะตาประเทศไทยต้องล่องลอยไปตามอำเภอใจนักการเมืองอีกต่อไป…วิลเลี่ยมเชคสเปียร์กล่าวว่าโชคชะตาอยู่ที่ตัวเรามิใช่ดวงดาวนำทาง (It is not in the stars to hold our destiny but in ourselves.)
สรุป: การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองด้วยมโนธรรมสำนึกที่ดีต่อชาติของสังคมไทยคือความหวังของชาติเพราะการจะทำให้ประเทศชาติเราเป็นนรกหรือสวรรค์นั้นต่างกันแค่จิตสำนึกของคนในชาติเราเท่านั้นเอง…ประเทศชาติจะเปลี่ยนไป เมื่อคนไทยเปลี่ยนแปลง
(คอลัมน์ เวทีพิจารณ์นโยบายสาธารณะ)
โดยนายแพทย์ชำนาญ ภู่เอี่ยม
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประเทศไม่ใช่ของเล่น! ‘สาธิต’ ลั่นขอทำหน้าที่ตรวจสอบ ‘นายกฯ’ ในฐานะประชาชน
สาธิต ลั่นประเทศไทยเรา ไม่ใช่ของเล่น หรือของใครคนใดคนหนึ่ง นายกรัฐมนตรีต้องบริหารประเทศเพื่อประชาชน
ปฎิรูปการศึกษา: กุญแจสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ไม่ทราบจะเรียกว่าเป็นวิกฤตได้ไหม เมื่อผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ประจำปี 2565 ของนักเรียนไทยออกมาต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ในทุกทักษะ ทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน
สังคมไทยภายใต้กระบวน การยุติธรรมหลาย มาตรฐาน
ต้องยอมรับว่าหลายๆ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นทำให้ระบบสังคมโดยเฉพาะระบบย่อยหลายระบบ เช่น เศรษฐกิจ ครอบครัว สาธารณสุข ความเชื่อและศาสนามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเจริญเติบโตด้านวัตถุ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า หรือการนำปัญญาประดิษฐมาประยุกต์ใช้งานและธุรกิจต่างๆ
เศรษฐกิจไทย วิกฤติ หรือ ไม่วิกฤติ
วิกฤติหมายถึงอะไร ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่ ขณะนี้มีความสับสนอย่างมากในสังคมไทยในการใช้คำว่า วิกฤติ
โฉนดเพื่อเกษตรกรรมกับปัญหาการลักลอบเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน
สืบเนื่องจากนโยบายปัจจุบันของรัฐบาล ที่ได้ผลักดันให้มีการออกโฉนดเพื่อเกษตรกรรมให้กับที่ดินเกษตรกรรม ส.ป.ก. โดยคาดหวังว่า นโยบายนี้จะช่วยเพิ่มความมั่งคั่งทางทรัพย์สินให้กับเกษตรกรที่ยากจนได้ และในขณะเดียวกัน ก็จะสามารถอนุรักษ์รูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินเกษตรกรรมเอาไว้ด้วยนั้น
นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกรรอบใหม่ : ทำอย่างไรไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) รอบใหม่นี้นับเป็นครั้งที่ 14 ในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา คำถามคือการพักชำระหนี้ครั้งนี้จะช่วยลดยอดหนี้คงค้างของเกษตรกรลงสู่ระดับที่เกษตรกรสามารถผ่อนชำระได้ตามปรกติโดยไม่เดือดร้อนได้หรือไม่