เราแบกความหวัง 14 ล้านเสียง แต่กลับจะถูกยุบด้วยองค์กร ที่อาจขาดความยึดโยงกับประชาชน

ยิ่งทำกับเรา ประชาชนยิ่งเห็นความผิดปกติของสังคมนี้ เพราะมันขัดกับความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก สิ่งที่เราเดินหน้าทำตามกระบวนการทางกฎหมาย กลายเป็นผลออกมาว่ายุบพรรค โดยที่พรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากว่า 14 ล้านเสียง เรากำลังแบกความหวังของประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง แต่กลับจะถูกยุบด้วยองค์กรที่อาจขาดความยึดโยงกับประชาชน ก็อาจทำให้ประชาชนได้เห็นความผิดปกติมากขึ้น

ในช่วงนับถอยหลังรอลุ้นผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคก้าวไกล วันพุธที่ 7 สิงหาคม ก็มีมุมมอง-ทัศนะจากหนึ่งในนักการเมืองหน้าใหม่พรรคก้าวไกล ที่ถูกจับตามองและถูกพูดถึงอย่างมาก ถึงบทบาท-การทำหน้าที่ทั้งการอภิปรายในสภาฯและการแสดงความเห็นในเรื่องต่างๆ ผ่านสื่อมวลชนว่าทำได้อย่างโดดเด่น เป็นนักการเมืองหน้าใหม่-ยังบลัดของพรรคก้าวไกลที่มีคุณภาพ เป็นความหวังของพรรคก้าวไกลในระยะยาว

นั่นก็คือ "พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 พรรคก้าวไกล"โดยเธอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค. ก็จะไม่มีผลกระทบทางการเมืองกับพรรคก้าวไกลแน่นอน โดยเฉพาะการเดินหน้าปักธงความคิดและการขับเคลื่อนพรรค เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างให้กับประเทศ

"พนิดาหรือผึ้ง"ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2566 ก็เอาชนะบ้านใหญ่ปากน้ำ-สมุทรปราการ มาได้แบบขาดลอย กล่าวถึงเส้นทางการเมืองในการมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกลว่า เป็นคนที่ติดตาม-สนใจการเมืองและสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม เราผ่านช่วงรัฐประหารมาสองครั้งในชีวิต(ปี 2549,ปี2557)ซึ่งเป็นช่วงที่เรากำลังเรียนจบ-เริ่มต้นทำงาน เราก็รู้สึกหมดหวังกับประเทศ คิดว่าการเมืองอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกอย่าง ก็เลยตั้งใจทำงาน

 จนเมื่อมี"พรรคอนาคตใหม่"เกิดขึ้น ทำให้เรากลับมาสนใจการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เราติดตามเอาใจช่วย คอยช่วยเชียร์พรรคอนาคตใหม่ โดยเริ่มจากการเป็นโหวตเตอร์ และทำให้เรารู้สึกว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองที่เราฝากความหวังไว้ได้ เป็นพรรคการเมืองที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงได้

... แต่หลังจากนั้นมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ สถานการณ์การเมืองช่วงนั้น เกิดไฟลามทุ่ง  ผู้ชุมนุมทางการเมืองถูกทำร้าย ถูกการจัดการอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ เรารู้สึกโกรธมากๆ ทำให้เราอยากเข้ามาทำการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างด้วยตัวเองก็เลยสมัครเข้าไปเป็นผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตที่จังหวัดสมุทรปราการ เขต 1กับพรรคก้าวไกล เพราะเราเห็นว่าพรรคก้าวไกล นำเสนอความก้าวหน้าแบบใหม่ที่เราไม่เคยมาก่อนในเวทีการเมือง เราไม่เคยเห็นพรรคการเมืองที่ประกาศกร้าวต่อทหารว่าเราจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร จะปฏิรูปกองทัพให้อยู่ภายในรัฐบาลพลเรือน จะต่อต้านรัฐประหารทุกทาง จะทำเรื่องสวัสดิการเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับอย่างเสมอภาคเท่าเทียม จะยกระดับสิทธิเสรีภาพในประเทศ

..ทั้งหมดคือการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ทำให้เราสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนมากว่า ถ้าพรรคก้าวไกล ผลักดันนโยบายได้สำเร็จ ประเทศไทยจะมีหน้าตาอย่างไร ทุกอย่างเห็นภาพที่ชัดเจน ไม่ใช่นโยบายที่ทำเฉพาะหน้า นโยบายที่ทำออกมาเพื่อเรียกคะแนนความนิยมเฉพาะช่วง แต่มันคือการเสนอนโยบายที่ทำให้เห็นภาพถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศไทย จากแบบเดิมไปเป็นความปกติใหม่อย่างที่ควรจะเป็นและเราอยากเห็น

-การตัดสินคดี 7 สิงหาคม มีการมองว่าก้าวไกลอาจจะแพ้คดี อาจถูกยุบพรรคก้าวไกล ถ้าเกิดขึ้น ทิศทางพรรคก้าวไกล ส.ส.ทั้งหมด จะไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ด้วยกันทั้งหมดหรือไม่ จะมีแตกแถวหรือไม่?

ในฐานะส.ส. เรามีแพลนการทำงานของเราล่วงหน้าไว้เป็นเดือนๆ ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบทั้งการทำงานในพื้นที่และการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร -งานสร้างพรรคและงานท้องถิ่นที่เรากำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ ยืนยันได้ว่าไม่มีผลกระทบ

 แต่สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวก็คือ กระบวนการในการเข้าไปสู่พรรคการเมืองใหม่ -การเกาะเกี่ยวกับสมาชิกพรรคก้าวไกลเดิมไว้และทำให้ทุกคนเข้าใจว่า มันหมดสถานะสมาชิกพรรคก้าวไกลแล้ว ต้องไปเริ่มใหม่ด้วยกัน วิธีการสมัครสมาชิกพรรคใหม่จะต้องทำอย่างไร ก็เป็นงานที่ต้องทำเพิ่มเติมจากงานปกติที่เราวางแผนไว้เพื่อทำอยู่แล้ว

ส่วนส.ส.ทั้งหมดของพรรคก้าวไกลที่เราเกาะกลุ่ม-เกาะเกี่ยวกันไว้ ด้วยการยึดโยงทางจิตวิญญาณและอุดมการณ์ของพวกเรา เราเชื่อมั่นว่าส่วนใหญ่จะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน

 เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่เป็นแบบตอนมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่ตอนนั้นเหมือนกับว่าทุกคนงง ไม่รู้จะจัดการกันอย่างไร ก็อาจมีแพแตกบ้างเป็นบางช่วง แต่ครั้งนี้เรารู้อยู่แล้วว่า เราจะเดินหน้าไปในทิศทางใด เรากำลังจะเจอกับอะไร และทุกคนก่อนที่จะเข้ามาทำงาน เป็นส.ส.ของพรรคก้าวไกล ต่างก็รู้อยู่แล้วว่า ตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ เราเคยโดนกับอะไรมา จึงมีความเป็นไปได้อยู่แล้วกับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

 อย่างไรก็ตาม เราก็พยายามสื่อสารกับประชาชนเต็มที่ว่าพรรคก้าวไกลเราสู้ในทุกทางที่เราจะสามารถสู้ได้ ข้อโต้แย้งในการสู้คดีต่างๆ ที่หัวหน้าพรรคและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค(นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) ได้นำเสนอต่อสาธารณะและต่อสังคม เราคิดว่าหากวัดกันด้วยข้อกฎหมาย เรามั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบพรรค

-กระบวนการสู้คดีของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา ทั้งในชั้นกกต.ที่ก็ไม่ได้เรียกตัวแทนพรรคไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หรือการที่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เปิดห้องไต่สวนพิจารณาคดีเพื่อเรียกพยานไปให้ถ้อยคำ คิดว่าพรรคก้าวไกลได้รับโอกาสในการสู้คดีมากน้อยแค่ไหน?

เป็นไปตามข้อโต้แย้งของพรรคก้าวไกล ที่เรามองว่ากระบวนการพิจารณาคำร้องของกกต. ทำผิดกระบวนการอย่างที่ควรจะทำ

ทางพรรคก้าวไกลได้มีการยื่นเอกสารในการสู้คดีเพิ่มเติม มีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดี โดยมีการเสนอรายชื่อพยานบุคคลไปให้พิจารณา แต่ก็ไม่ได้มีการเรียกตัวแทนจากพรรคก้าวไกลไปชี้แจงให้ถ้อยคำ ที่ก็น่าเสียดายที่พรรคไม่ได้มีโอกาสดังกล่าว แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเป็นทิศทางที่เป็นลบขนาดนั้น เพราะอย่างการที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่ามีข้อเท็จจริงครบถ้วนสมบูรณ์ มันก็อาจเป็นการรับไว้ซึ่งข้อมูลที่เราได้แถลงต่อสาธารณะด้วยเช่นกัน ต้องรอติดตามว่าผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะหากบอกว่าข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือก็คือการวินิจฉัย-การให้ความเห็น และตัดสินว่า พรรคก้าวไกล ควรจะดำรงอยู่ต่อไปหรือไม่ อย่างไร

เมื่อถามถึงว่ามองว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องของกกต.ที่ว่า มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ จากเหตุต่างๆ เช่นส.ส.พรรคก้าวไกลสมัยที่แล้วมีการลงชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 หรือการที่ส.ส.ใช้ตำแหน่งส.ส.ไปยื่นขอประกันตัวผู้ถูกดำเนินคดี 112 หรือการที่พรรคเสนอนโยบายแก้ 112 ตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา คิดว่าเรื่องเหล่านี้มีน้ำหนักถึงขั้นศาลรธน.เอามาใช้เป็นเหตุยุบพรรคได้หรือไม่ "พนิดา-ส.ส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล"ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ จริงๆ ต้องแยกออกเป็นสองกรณี ก็คือ กรณีแรก คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 (คดีล้มล้างการปกครองฯ) ที่มีการบอกว่า การเสนอแก้ไขดังกล่าว(เสนอแก้ 112) และมีพฤติกรรมประกอบต่างๆ และให้พรรคเลิกการกระทำ แปลว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ปิดช่องทางในการแก้ไขกฎหมายข้อนี้ แต่ต้องทำโดยฝ่ายนิติบัญญัติโดยชอบ ซึ่งเรามองว่า การเสนอแก้ไขกฎหมายเข้าสภาฯ ก็ไม่ได้ผิดอย่างเดียวแต่ต้องดูองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย

หากพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรธน.ในคดี 3/2567  ซึ่งก็อาจแยกเป็นกรณีกัน กับคำร้องที่กกต.ยื่นต่อศาลรธน. โดยใช้เหตุตามคำวินิจฉัยที่ 3/2567 แต่เราก็มีข้อโต้แย้งต่างๆ เช่นกระบวนการของกกต.ในการยื่นยุบพรรคก้าวไกล เราก็มองว่าทำผิดขั้นตอน เพราะสองคดีดังกล่าว แยกจากกันโดยชัดเจน เป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ และวิธีการก็แตกต่างกัน พรรคก้าวไกลมีข้อโต้แย้งที่บอกกับกกต.และสังคมไปว่า สิ่งที่ทำมันผิดกระบวนการและไม่ชอบธรรมกับพรรคก้าวไกล

อีกทั้งในฐานะส.ส.ที่ทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ เรามองว่า กฎหมายทุกฉบับ ย่อมถูกเสนอแก้ไข-ปรับปรุงได้ ส่วนการที่อดีตส.ส.พรรคก้าวไกลสมัยที่ผ่านมา มีการใช้ตำแหน่งส.ส.ไปยื่นประกันตัวผู้เคยถูกดำเนินคดี 112 ก็เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวของส.ส.ที่สามารถทำได้ ที่ไม่ใช่เพียงแค่กรณีนี้กรณีเดียวเหมือนกัน ส่วนภายในพรรคก้าวไกลเอง ตอนนี้ กำลังใจของคนในพรรคดีมาก ต่างมีความมั่นใจ เรามองหน้ากัน ก็ยังมีความเชื่อมั่นในกันและกันอยู่ว่าเราจะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน

-หากวันที่ 7 ส.ค.มีการยุบพรรคก้าวไกล การปักธงความคิดทางการเมือง ของพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร จะสะดุดหรือไม่?

ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ร่างพรบ.ที่ส.ส.พรรคก้าวไกลเสนอและค้างการพิจารณาอยู่ในสภาฯ ก็จะมีการร่วมกันลงชื่อแล้วยื่นเข้าสภาฯ ใหม่อีกครั้ง ที่มีทั้งสิ้น 54 ฉบับ โดยบางฉบับก็เป็นร่างพรบ.การเงินฯที่รอให้นายกรัฐมนตรีเซ็นเข้าสภาฯ ก็จะยื่นเข้าไปเหมือนเดิมเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานแล้ว อาจจะมีความยุ่งยากทางธุรการ แต่ไม่ได้ทำให้สะดุดล้มลงหรือเว้นช่วงไป แต่สิ่งที่จะเสียประโยชน์ก็คือ ร่างพรบ.บางฉบับที่สภาฯ เตรียมพิจารณาแล้ว ซึ่งหากมีการยุบพรรคไป ก็ต้องมายื่นร่างพรบ.ฯเสนอกลับเข้าไปใหม่ ก็เสียโอกาสสำหรับประชาชนในการพิจารณาร่างกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

-ที่คนพูดกันว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรค จะยิ่งทำให้ ยิ่งยุบยิ่งโต คนจะเห็นใจ พรรคและกลายเป็นบัตรลงคะแนนให้กับผู้สมัครของก้าวไกลทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ มองว่าจริงหรือไม่อย่างไร?

ยิ่งยุบยิ่งโต เราคงไม่การันตี แต่ว่ายิ่งทำกับเรา ประชาชนยิ่งเห็นความผิดปกติของสังคมนี้ เพราะมันขัดกับความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก สิ่งที่เราเดินหน้าทำตามกระบวนการทางกฎหมาย กลายเป็นผลออกมาว่ายุบพรรค โดยที่พรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากว่า 14 ล้านเสียง เรากำลังแบกความหวังของประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง แต่จะกลับถูกยุบด้วยองค์กรที่อาจขาดความยึดโยงกับประชาชน ก็อาจทำให้ประชาชนได้เห็นความผิดปกติมากขึ้น และอาจทำให้รู้สึกถึงความจำเป็นต่อการออกมาใช้สิทธิใช้เสียงและมอบความไว้วางใจให้คนของพรรคก้าวไกล-พรรคการเมืองแบบก้าวไกล ที่ทำงานอย่างมีวาระ-มีประเด็นที่จะผลักดันสังคมได้เข้าไปทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง

-ที่ก้าวไกลมีการเผยแพร่คลิปออกมาสองคลิปโดยมีนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคจำนวนสี่คนอยู่ในคลิปดังกล่าวรวมถึงตัวส.ส.พนิดาด้วย ตรงนี้พรรคก้าวไกลมีความพร้อมของบุคลากรที่จะมารับไม้ต่อจากนายพิธาและชัยธวัชหรือยัง?

พรรคก้าวไกลมีคนเก่งๆ จำนวนมากทั้งที่อยู่ในคลิปของพรรค และคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมแสดงความเห็นในคลิป โดยในคลิปดังกล่าว มองว่าเป็น Massage ของการสื่อสารว่าก้าวไกลมีคนทุกแบบที่เคยสู้มาตั้งแต่ยุบพรรคอนาคตใหม่ และวันนี้ก็ยังสู้อยู่ในนามของพรรคก้าวไกล เราเคยมีตัวแทนของคนที่เคยร่วมทำงานกับพรรคการเมืองอื่น แต่วันนี้ตัดสินใจมาทำงานกับพรรคก้าวไกล

เรามีตัวแทนแบบตัวเราเอง ที่เป็นคนหน้าใหม่ ที่เป็นคนธรรมดาๆ  แล้วเข้ามาทำงานเป็นส.ส.ของก้าวไกล เรามีคนแบบนี้อยู่เป็นจำนวนมาก และมีคนเก่งอีกมากที่พร้อมจะรับหน้าที่ตรงนี้และพาทีมเดินหน้าต่อไป โดยได้รับความเชื่อมั่นจากคนในพรรคว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคที่ดีได้ 

แต่หากวันที่ 7 ส.ค. พรรคก้าวไกลชนะคดี ไม่ถูกยุบพรรค เราก็ทำหน้าที่การเป็นพรรคฝ่ายค้านต่อเนื่องไป เดินหน้าทำงานต่อตามโรดแมปที่วางไว้ วันรุ่งขึ้น 8 ส.ค. นายชัยธวัช หัวหน้าพรรคก็จะตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีในประเด็นที่ได้เตรียมไว้กลางที่ประชุมสภาฯต่อไป

โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุทธัจจะ .. ในวังวนแห่งการตื่นธรรม .. ยุคไอที!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระรัตนตรัย... สัทธายะ ตะระติ โอฆัง.. บุคคลข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา.. โอฆะ หมายถึง ห้วงน้ำ ที่มีกระแสเชี่ยวกราก พัดพาสัตว์ทั้งหลายให้ตกไปในกระแสน้ำนั้น ยากจะข้ามฝั่งไปได้

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท   

รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง