เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่ นครปูเน่ รัฐมหาราษฏระ อินเดีย เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการสร้างวัดแห่งแรกของชาวพุทธในอินเดีย ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งจากรัฐบาลแห่งรัฐมหาราษฏระ บนที่ดินของนักธุรกิจใหญ่ชาวฮินดูที่ได้มอบถวาย ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลที่เหมาะควรยิ่ง
ปัจจุบันได้ก่อสร้างพระสถูปทรงสาญจี กุฏิที่พัก วิหาร/อาคาร เสนาสนะ ที่พระสงฆ์และคณะศรัทธา-พุทธศาสนิกชน สามารถเข้าไปพำนักใช้สอยเพื่อปฏิบัติศาสนกิจได้ แม้กำลังอยู่ในห้วงเวลาของการก่อสร้าง
ด้วยความพรั่งพร้อมในศรัทธาของชาวพุทธในอินเดียและชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู .. ศาสนาเชน และอื่นๆ จึงมีการบริจาคเงินจำนวนมากพอสมควร เพื่อการสร้างวัดหรือสำนักศึกษาปฏิบัติธรรมแห่งนี้ให้แล้วเสร็จ ดังที่ปรากฏในนาม “Dhamma-Vinaya Monastery of Pune in India .. เรียกย่อๆ ว่า DVMP” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้พระธรรมวินัยจากพระพุทธพจน์ที่รวบรวมประมวลไว้สมบูรณ์แล้วในพระไตรปิฎก
แม้ว่าการสร้างวัดพุทธศาสนาในอินเดีย จะมีเกิดขึ้นมากมาย.. แต่การที่จะได้เห็นชาวพุทธในอินเดีย (โดยการสนับสนุนของรัฐบาลอินเดีย) พร้อมเพรียงกันในการร่วมกันสร้างวัด เพื่อเป็นศูนย์การศึกษาพระธรรมวินัยนั้น.. เกือบจะไม่ปรากฏ จะมีแต่สำนักเล็กๆ ของชาวพุทธตามหมู่บ้านต่างๆ ที่มีไว้เพื่อประกอบศาสนกิจตามประเพณีของชาวพุทธ.. ที่มีฆราวาสเป็นผู้สร้างและดูแล หรืออาจจะมีพระอินเดียประจำบ้างหรือไม่มี ก็เป็นเรื่องปกติ
ดังนั้น เมื่อมีการสร้าง DVMP หรือ Dhamma-Vinaya Monastery of Pune ขึ้น เพื่อจุดประสงค์ของการเป็นศูนย์การศึกษาปฏิบัติธรรม.. จึงเป็นข่าวใหญ่โตที่ชาวอินเดียให้ความสนใจยิ่ง.. จนนำไปสู่การสนับสนุนงบประมาณบางส่วนเพื่อการก่อสร้างอาคารสถานที่พัก.. แม้แต่หน่วยงานป่าไม้ของรัฐบาลอินเดียยังได้ส่งมอบการใช้สอยพื้นที่ป่าไม้ จำนวนประมาณ ๘๐ เอเคอร์ หรือประมาณ ๒๐๐ ไร่ ให้ DVMP ดูแลใช้สอยเพื่อเป็น สวนป่าวิปัสสนากรรมฐาน ได้ โดยมีข้อตกลงในการปลูกป่าและอื่นๆ ที่เป็นไปในการร่วมการสร้างป่า.. ดูแลป่า เพื่อประโยชน์ในทางสิ่งแวดล้อม จึงได้ตั้งชื่อสวนป่าดังกล่าวที่มีเนื้อที่ติดต่อกับ DVMP หรือวัดของชาวพุทธอินเดียว่า “Venuwan Park Meditation”
การไปปฏิบัติศาสนกิจในครั้งนี้ จึงได้มีโอกาสเป็นประธานเปิด สวนป่าเวฬุวันวิปัสสนา ขึ้น นอกจากการแสดงธรรมอบรมสั่งสอนชาวพุทธในอินเดียที่เดินทางมากจากหลายสถานที่
ต้องยอมรับว่า แม้ชาวพุทธในอินเดียจะด้อยโอกาสต่อการได้รับการเรียนรู้ทางพุทธศาสนาที่ถูกต้อง.. แต่ก็ไม่ใช่เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังในความศรัทธา.. และความเพียร
หากทำความศรัทธาให้ถูกต้อง ตรงตามพระธรรมวินัย.. เชื่อว่า ความเพียรของพวกเขาย่อมก่อให้เกิดผลยิ่งต่อการศึกษาปฏิบัติธรรม อันเป็นไปเพื่อการเพิ่มพูนทางปัญญา..
สิ่งที่สำคัญคือ การสั่งสอนและให้ข้อแนะนำที่ถูกต้อง ตรงตาม พระพุทธธรรม ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งแสดงความเป็นพระสัทธรรมแท้จริง...
การวางรากฐานการศึกษาอย่างเป็นไปตามลำดับในทำนอง อนุปุพพิกถา ที่พระพุทธเจ้าทรงนำมาใช้มากที่สุดในวิธีการสั่งสอนหมู่ชนทั้งหลายในสมัยพุทธกาล จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง..
การไปเทศนาธรรม.. ให้การอบรมสั่งสอนชาวพุทธในครั้งนี้ จึงต้องดึงกลับมาที่การเจริญ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ และสีลานุสติ ในกระบวนการของ การเจริญสติปัฏฐานธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาการก้าวกระโดดไปสู่การมุ่งเข้าไปศึกษาปฏิบัติธรรมชั้นสูง ที่นิยมชมชอบกันมากจนกลายเป็น แฟชั่น (Fashion) ในเรื่อง การปฏิบัติวิปัสสนาญาณ .. อย่างไม่รู้โครงสร้างการศึกษาของความเป็นไปเพื่อการเข้าสู่ วิปัสสนาญาณ
จริงๆ แล้ว การเผยแผ่วิธีการปฏิบัติธรรมชั้นสูงนั้นเป็นเรื่องดี หากการเผยแผ่นั้นเป็นไปสู่ผู้รับที่มีคุณภาพในฐานะพุทธบริษัท ที่ควรแก่การมีคุณสมบัติถึงพร้อมในการเข้าห้องเรียน เพื่อเป็นนักเรียนวิปัสสนากรรมฐาน.. ศึกษาธรรมปฏิบัติชั้นสูงในพระพุทธศาสนา
แต่เมื่อผู้เรียนไม่มีคุณสมบัติที่ควรแก่การจะเข้าสู่กระบวนการศึกษาในฐานะ ชาวพุทธโดยธรรม เรื่องของเรื่องจึงแปรผัน จากบวกให้เป็นลบ.. จากคุณให้เป็นโทษได้.. ดังที่ปรากฏในแวดวงศาสนาบ้านเรา
การหมิ่นเหม่.. การปรามาส.. การประมาท พระธรรมวินัย จึงเกิดขึ้น เมื่อหมู่ชนเหล่านั้นเข้าใจว่า วิปัสสนากรรมฐานสำเร็จด้วยวิธีการปฏิบัติแบบวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป ที่สามารถเข้าถึงธรรมชั้นสูงนี้ได้ด้วยความคิดนึก.. จนก่อเกิด ลัทธิวิปัสสนึก ขึ้นในหมู่นักปฏิบัติที่นิยมชมชอบ วิปัสสนาญาณ แบบไม่ยาก
การพูดคุย กล่าวอ้าง ว่า.. ผ่านการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน เป็นเวลา ๑๐ วัน ๒๐ วัน ๔๐ วัน.. ที่นั่นที่นี่.. มักจะเกิดขึ้นเมื่อได้พบกับบุคคลผู้นิยมชมชอบเหล่านั้น ที่มักจะกล่าวขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นนักวิปัสสนากรรมฐานแบบโลกนิยม..
การไปอินเดียในครั้งนี้ จึงแตกต่างไปจากทุกครั้ง ในการให้การอบรมสั่งสอนชาวพุทธในอินเดียที่มาจากเมืองต่างๆ... เพื่อจะได้เข้าใจ-เข้าถึงคุณสมบัติความเป็นชาวพุทธที่ถูกต้อง.. และเพื่อการสร้างคุณสมบัติของความเป็นพุทธบริษัทให้ถึงพร้อม
การสอนปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ จึงปูพื้นด้วยการศึกษาปฏิบัติตามหลัก เจริญอนุสติ ด้วย พุทธานุสติ ธัมมานุสติ และสังฆานุสติ...
แม้ว่าจะนำ อานาปานสติ.. มาเป็นแบบแผนในการเจริญสติปัฏฐานธรรม แต่การกำหนดให้ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ.. หรือการเจริญพระพุทธคุณ ๙ ประการ พระธรรมคุณ ๖ ประการ พระสังฆคุณ ๙ ประการ และคุณของศีลนั้น เป็นเรื่องที่ต้องกระทำ เพื่อให้จิตใจของชาวอินเดียมีพุทโธๆๆๆ ติดอยู่ในจิตใจตลอดไป
การสอนปฏิบัติด้วยการเจริญ พุทโธ จึงเหมาะที่สุด กับการนำมาใช้เผยแผ่พระพุทธศาสนาในเชิงปฏิบัติ โดยการปูพื้นฐานความศรัทธาให้เข้มแข็ง มั่นคง จนจิตแน่วแน่อยู่ในกระแส พุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ ก่อเกิดปีติ สุข เป็นอารมณ์กรรมฐานที่ทำให้จิตเข้าถึงความสงบสุข เพื่อเข้าสู่ความเป็นสมาธิ.. และยกสู่สมาธิชั้นสูง ด้วยการละวาง พุทโธ.. ละวาง ปีติ สุข.. เพื่อการเข้าสู่ความเป็น เอกัคคตาจิต-อุเบกขารมณ์ ซึ่งเป็นยอดสมาธิ.. เพื่อเป็นบาทฐานของวิปัสสนาญาณต่อไป..
การเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจในครั้งนี้ จึงนับได้ว่าเป็นไปเพื่อเผยแผ่พระศาสนาที่แท้จริง.. นอกจากนั้น ยังได้ไปเยี่ยมเยียนคณะศรัทธาชาวอินเดียที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ต่างๆ .. โดยทุกสถานที่ที่ไปจะได้พบกับชาวอินเดียที่มาจากทุกศาสนา จึงได้มีโอกาสให้ธรรมะตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ดีแล้วจากพระสูตรต่างๆ เช่น เมื่อได้รับการนิมนต์ไปเป็นมงคลในโครงการทางธุรกิจต่างๆ ก็จะอัญเชิญ มงคลสูตร ไปสวดสาธยายและแสดงธรรม หรือไปในสถานที่พักอาศัย ก็จะสวด รัตนสูตร เพื่อประกาศคุณพระรัตนตรัย.. พร้อมทั้งแสดงให้เห็นคุณของพระรัตนตรัยว่าล้ำเลิศประเสริฐ เหนือกว่าคุณของเทพยดา บุคคล สิ่งของในโลกนี้ อย่างไร
ในวันสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับ ก็ยังมีกิจนิมนต์เต็มตาราง.. โดยยามเช้ารับสังฆทาน ณ บ้านพักของ Former Chief Secretary ของรัฐบาลแห่งรัฐมหาราษฏระ อินเดีย ที่เป็นแกนหลักสำคัญคนหนึ่งของชาวพุทธ.. โดยมีบุคคลสำคัญชาวอินเดียและชาวพุทธมาร่วมกันจนเต็มบ้านพัก... จากนั้น ก็เดินทางไป มหาวิทยาลัยปูเน่ .. ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ ได้ชื่อว่าเป็น Oxford of the East โดยการนิมนต์ของ Dr. Mahesh Deokar แห่ง Pali Department โดยได้ไปบรรยายให้กับคณาจารย์-นักศึกษาได้ฟัง.. ตลอดจนถึงไปเป็นมงคลให้กับการเตรียมสร้างอาคารสถานที่ใหม่ของ Pali Department จะได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยใช้เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยปูเน่พอสมควร
เสร็จแล้ว ออกเดินทางไปเยี่ยมหมู่บ้านชาวพุทธที่อยู่ใกล้กับสนามบินปูเน่.. ก่อนขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับประเทศไทย..
โดยกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และได้เดินทางต่อไปพักที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อบิณฑบาต แสดงธรรม ให้กับนายอำเภอ ข้าราชการฝ่ายปกครอง ข้าราชการส่วนต่างๆ ตลอดจนถึงประชาชนในอำเภอแก่งกระจาน.. เนื่องในโครงการ ร้อยใจธรรม .. ร้อยอำเภอ “สืบสานราชธรรม” .. น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว.. ก่อนที่จะเดินทางกลับลำพูน เพื่อไปทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์.. และอธิษฐานจำพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ ณ วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน..
เจริญพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2
รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า
วิปริตธรรม .. ในสังคม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. เลียบบ้านแลเมือง มองดูเข้าไปในหมู่ชนของบ้านเรา.. ในยามที่นักการเมืองเป็นใหญ่ มีอำนาจวาสนาบริหารราชการแผ่นดิน จึงได้เห็นความไหลหลงวกวนของหมู่ชน ที่สาละวนอยู่กับการแสวงหา เพื่อให้ได้มาใน ลาภ สักการะ ยศ สรรเสริญ สุข.. ไม่เว้นแม้ในแวดวงนักบวชที่มุ่งแสวงหามากกว่าละวาง
ธุรกิจคาสิโนถูกกฎหมาย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักเกี่ยวพันผู้มีอำนาจทางการเมือง
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดงานเผยแพร่ผลการศึกษาผลกระทบของคาสิโนถูกกฎหมายต่อการฆาตกรรมและการข่มขืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก
แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง
ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..
รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ
เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก