ตลาดหุ้นกู้ กับ การสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทเอกชนเข้ามาระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้กันมากขึ้น ตลาดหุ้นกู้จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีมูลค่าคงค้างราว 4.5 ล้านล้านบาท  จำนวนบริษัทที่ออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนก็เพิ่มขึ้นมาก  ไม่จำกัดอยู่เพียงบริษัทขนาดใหญ่เหมือนแต่ก่อน  แต่มีทั้งบริษัทขนาดกลางขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้บางรายเริ่มมีปัญหาในการชำระหนี้  บางรายต้องขอเลื่อนการชำระ หรือ ยืดอายุหนี้ออกไป บางรายกลายเป็นหุ้นกู้ผิดนัดชำระ (Default)  บางรายต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และยังปรากฎว่าบริษัทบางแห่งมีการตกแต่งบัญชีเพื่อลวงนักลงทุนให้เข้าใจผิดว่ามีผลประกอบการที่ดี  สิ่งเหล่านี้จึงส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตลาดหุ้นกู้  และสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน   

จุดเปราะบางของตลาดหุ้นกู้ไทย

แม้ว่าอัตราการผิดนัดชำระหุ้นกู้ (Default rate) ของไทยยังถือว่าค่อนข้างต่ำ กล่าวคือ เพียง 0.9% (ข้อมูลเฉลี่ยปี 2562 -2566) เมื่อเทียบกับอัตราการผิดนัดในสหรัฐอเมริกาที่ 2% (ข้อมูลเฉลี่ยปี 2562 -2566 จาก Moody’s)  แต่จุดเปราะบางของตลาดหุ้นกู้ไทย คือ นักลงทุนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่คือ “นักลงทุนบุคคล” ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth: HNW) หรือรายย่อย (Retail) เพราะในประเทศไทย นักลงทุนบุคคลเป็นผู้ลงทุนหลักที่ถือครองหุ้นกู้โดยตรงถึง 40% ของมูลค่าตลาด ในขณะที่นักลงทุนสถาบันอย่าง กองทุนการออมระยะยาว และ กองทุนรวม มีสัดส่วนถือครองหุ้นกู้เพียง 12% และ 7.8% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2566)  เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ก็เป็นการยากสำหรับนักลงทุนบุคคลในการติดตามทำความเข้าใจข้อมูลข่าวสารและสิ่งที่จะต้องดำเนินการ   ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นกู้ในต่างประเทศที่นักลงทุนบุคคลจะลงทุนในหุ้นกู้ผ่านกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนจะทำหน้าที่ดูแลติดตามแทน  

ยิ่งไปกว่านั้น พบว่า หุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตยิ่งต่ำหรือไม่มีเรทติ้ง  จะยิ่งมีสัดส่วนการถือครองโดยนักลงทุนบุคคลมากขึ้น   โดยกว่า 80% ของหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง (High yield) ซึ่งหมายถึงหุ้นกู้ที่ไม่ได้จัดเรทติ้ง หรือ เรทติ้งตั้งแต่ BB+ ลงมา จะเป็นการถือครองโดยนักลงทุนบุคคล HNW   ในขณะที่หุ้นกู้ที่มีเรทติ้งยิ่งสูง จะยิ่งมีสัดส่วนของนักลงทุนสถาบันมากขึ้น  โดยหุ้นกู้เรทติ้ง AA- ขึ้นไป มีสัดส่วนการถือครองโดยนักลงทุนสถาบันสูงถึง 72%  เป็นต้น

ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ยังมีบทบาทจำกัด

ตั้งแต่ปี 2561 สำนักงาน กลต. ได้กำหนดให้หุ้นกู้ที่เสนอขายต่อนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุน HNW           จะต้องจัดให้มี “ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้” เพื่อทำหน้าที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ทั้งปวง  ในกรณีที่บริษัทผู้ออกผิดนัดชำระหนี้ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนักลงทุนในการดำเนินการต่างๆ  

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันขอบเขตการทำหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ยังมีค่อนข้างจำกัด  เช่น ไม่มีอำนาจต่อรองเงื่อนไขทางการเงินในข้อกำหนดสิทธิที่จะช่วยปกป้องผู้ลงทุนได้ดีขึ้น   หรือ กรณีที่ผู้ออกหุ้นกู้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ก็ไม่สามารถดำเนินการต่างๆแทนผู้ถือหุ้นกู้ทั้งปวงได้ เช่น  การยื่นคำขอรับชำระหนี้  ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละคนจะต้องไปดำเนินการด้วยตัวเอง ให้ทันภายใน 1 เดือนตามที่กฎหมายกำหนด  มิฉะนั้นจะหมดสิทธิในการได้รับชำระหนี้  ซึ่งทำให้เกิดความสับสนอลหม่านในหมู่นักลงทุนซึ่งมีหลักพันคนในแต่ละรุ่น  

มาตรการที่ควรเร่งดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดหุ้นกู้

  1. การยกระดับการกำกับดูแล และเสริมสร้างคุณภาพของผู้ระดมทุน  

ในปี 2567 สำนักงาน กลต. ได้ทยอยปรับปรุงเกณฑ์กำกับดูแลการเสนอขายหุ้นกู้  เช่น ปรับปรุงเกณฑ์การจัดทำงบการเงินสำหรับบริษัทที่เสนอขายหุ้นกู้ต่อนักลงทุน HNW ให้เทียบเท่านักลงทุนทั่วไป  (มาตรฐาน PAE)  นอกจากนั้น บริษัทที่มีหุ้นกู้ที่อยู่ระหว่างการยืดอายุ  หรือผิดนัดชำระหนี้ จะออกหุ้นกู้รุ่นใหม่ได้เฉพาะหุ้นกู้ด้อยสิทธิเท่านั้น

ในด้านคุณภาพของผู้ระดมทุน สำนักงาน กลต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับปรุงคุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนให้มีฐานะการเงินที่แข็งแรงมากขึ้น เช่น เพิ่มกำไรและส่วนของผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับวันที่ 1 มกราคม 2568  เป็นต้นไป  

2. การดูแลนักลงทุนไม่ให้ถูกเอาเปรียบ และให้มีข้อมูลครบถ้วน 

ในต่างประเทศ หุ้นกู้ผลตอบแทนสูง (High Yield) จะมีการกำหนดกรอบการปฏิบัติทางการเงิน (Bond covenant) ที่เข้มงวดมาก เพื่อจำกัดมิให้บริษัทกระทำการใดๆ ที่ส่งผลกระทบความสามารถในการชำระหนี้หุ้นกู้ เช่น จำกัดการก่อหนี้เพิ่มจนเกินความสามารถในการชำระคืน  จำกัดการจำหน่ายถ่ายโอนทรัพย์สิน  จำกัดการจ่ายเงินบางประเภทก่อนการชำระหนี้หุ้นกู้  แต่ในประเทศไทยพบว่า  หุ้นกู้ผลตอบแทนสูงมีการกำหนด Covenant ที่ค่อนข้างหละหลวมจึงช่วยปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนได้ไม่มากนัก  ดังนั้น สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) จึงเตรียมจัดทำแนวปฎิบัติของ High Yield Bond Covenant  ซึ่งจะนำเสนอสำนักงาน กลต. ต่อไป   นอกจากนั้น ThaiBMA ยังได้จัดทำค่าเฉลี่ยอัตราส่วนทางการเงินของอุตสาหกรรม เพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้เปรียบเทียบฐานะการเงินของผู้ออกหุ้นกู้แต่ละรายกับค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมได้     

3. ปรับปรุงแก้ไข พรบ. ล้มละลาย  

ปัจจุบัน พ.ร.บ.ล้มละลายไม่ได้บัญญัติให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิต่างๆ แทนเจ้าหนี้ได้  กรมบังคับคดีจึงกำหนดให้ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายต้องดำเนินการด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจเป็นรายๆ ดังนั้น จึงควรมีการปรับปรุงกฎหมายให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถมีอำนาจดำเนินการต่างๆ   ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการหรือล้มละลายแทนผู้ถือหุ้นกู้ทั้งปวงตามเจตนารมย์ของการมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้   ซึ่งจะช่วยลดความโกลาหลของการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ถือหุ้นกู้ในการว่าจ้างทนายดำเนินการแทน และที่สำคัญลดโอกาสที่ผู้ถือหุ้นกู้อาจเสียสิทธิจากการยื่นไม่ครบถ้วน

4.เพิ่มความเข้มแข็งของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

 เพื่อให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนักลงทุนได้อย่างแท้จริง  ควรพิจารณาให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ทำหน้าที่เพิ่มเติมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ก่อนการผิดนัด เช่น การเจรจาต่อรองเงื่อนไขที่กำหนดในข้อกำหนดสิทธิ รวมถึงสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นกู้ เป็นต้น 

5.เพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินคดีและลงโทษผู้กระทำผิดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

การบังคับใช้กฎหมายที่ล่าช้า และไม่สามารถลงโทษผู้บริหารที่กระทำผิดภายในเวลาที่เหมาะสม  ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและอาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ  ดังนั้น ควรปรับปรุงกระบวนการทางกฎหมาย หรือให้อำนาจสำนักงาน กลต. ซึ่งมีความเชี่ยวชาญคดีตลาดทุน มีอำนาจเป็นพนักงานสอบสวนและดำเนินคดีเองได้

โดยสรุป ตลาดหุ้นกู้ที่เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีจุดเปราะบางและความท้าทายบางอย่าง ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งไม่จำกัดเพียงหน่วยงานในตลาดทุนเท่านั้น จำเป็นต้องประสานงานกันอย่างบูรณาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินการในตลาด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่น และการเติบโตของตลาดอย่างยั่งยืนต่อไป

คอลัมน์ เวทีพิจารณ์นโยบายสาธารณะ

อริยา ติรณะประกิจ

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กลุ่มบริษัท อีสท์ วอเตอร์ ยืนยันฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีเงินสดพร้อมชำระคืนหุ้นกู้ 1,200 ล้านบาท

กลุ่มบริษัท อีสท์ วอเตอร์ ชี้แจงการบริหารจัดการด้านการเงินมีเสถียรภาพที่ดีพร้อมชำระคืนหุ้นกู้ปัจจุบันมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วน พร้อมเดินหน้าให้บริการน้ำเต็มรูปแบบ เสริมความมั่นคง

IRPC ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท

นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บัญชีและการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ “IRPC” เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ของ IRPC ครั้งที่ 1/2568 จำนวนรวม 6 ชุด

GULF ประสบความสำเร็จเกินคาด ในการเสนอขายหุ้นกู้ 30,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เผยยอดจองซื้อสูงถึง 2.2 เท่า พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าเสนอขายรวม 30,000 ล้านบาท

เปิดปัจจัยหนุนหุ้นกู้ GULF พร้อมเสนอขาย 27 กุมภาพันธ์นี้ ธุรกิจมั่นคง อันดับเครดิตดี จ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอ 3.00 - 3.55% ต่อปี

GULF เสนอขายหุ้นกู้ระหว่างวันที่ 27 - 28 กุมภาพันธ์ และ 3 มีนาคม 2568 พร้อมเปิดปัจจัยที่สนับสนุนการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากความมั่นคงทางธุรกิจของ GULF

ทศวรรษนานาชาติแห่งวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่รณรงค์กันมายาวนานต่อเนื่อง...และจะยังคงต้องรณรงค์กันต่อไป และ...วิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นเรื่องที่จะต้องรณรงค์คู่ขนานกันกับการพัฒนา