บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๓)

เจริญพรสาธุชน ผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. เนื่องในปีมหามงคลครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา.. วันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว.. จักได้แจกแจงธรรม เพื่อความเป็นมงคล.. น้อมถวายเป็นพระราชกุศล “ขอจงทรงพระเจริญในราชธรรม”.. สืบตลอดไป

จากที่ได้กล่าวไปแล้วในสองตอนที่ผ่านมาว่า สืบเนื่องมาจากการบรรยายธรรมในหัวข้อ.. “จิตวิญญาณนักปกครอง .. สู่พลังธรรม เพื่อพลังแผ่นดิน” แก่ปลัดอำเภอรุ่นปี พ.ศ.๒๕๖๗ จำนวนร่วม ๒๐๐ คน ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ เป็นการบรรยายธรรมนำปฏิบัติ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล ของนายอำเภอ-ปลัดจังหวัดจากทั่วประเทศร่วมพันคน เมื่อ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ.. จึงนำมาสู่การเขียนบทธรรม.. ในหัวข้อ “ราชธรรม .. สู่ การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” อันเกิดจากความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การปฏิรูปการปกครองของสยามประเทศจาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์.. สู่ความเป็น ราชอาณาจักรไทย ที่ยึดหลัก ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข....  โดยประชาชนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า.. การปรับเปลี่ยนการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ.. นั้น เป็นฝีมือของคณะบุคคลกลุ่มหนึ่ง.. ซึ่งแท้จริง มีการวางแผนงานปฏิรูปการปกครองสืบเนื่องมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่เหตุการณ์ล่มสลายของระบอบการปกครองโดยกษัตริย์ในพม่า ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๒๗ ซึ่งตรงกับสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕...​

การพยายามสื่อข้อมูลด้านเดียว เพื่อเชิดชูบทบาทของกลุ่มบุคคลผู้ดำเนินการปฏิวัติ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ โดยการยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเปลี่ยนแปลงการปกครองของราชอาณาจักรสยาม จาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย... นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมต่อ.. ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทำหน้าที่ก่อร่างสร้างชาติ ทำนุบำรุงรักษา.. พัฒนาประเทศมายาวนาน.. จนเกิดปรากฏราชอาณาจักรสยามหรือประเทศไทยในแผนที่โลก เทียบเท่านานาอารยประเทศ.. มาจนถึงปัจจุบัน​

ด้วยเหตุที่เราถูกบังคับให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์หน้าเดียวมาโดยตลอด เกือบทุกยุคสมัย.. และปฏิเสธความจริงในประวัติศาสตร์หน้าตรงข้าม.. แม้เป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้..มายาวนาน จึงทำให้เกิดการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ไม่ตรงกับความเป็นจริงที่แท้จริง.. แม้กระทั่งเหตุการณ์ กรณีการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครอง เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕

จวบจนเข้าสู่.. ยุคการสื่อสารไร้พรมแดนในปัจจุบัน.. ด้วยอิทธิพลของสื่อไอทีเทคโนโลยีระดับสูง.. ทำให้การเข้าถึงชั้นข้อมูลที่เป็นความจริงในฐานของความจริงแท้ สามารถทำได้โดยง่าย จึงได้เห็นปรากฏการณ์ความเป็นจริงหลายประการ ซึ่งถูกปกปิดมายาวนาน.. ซึ่งเป็นความจริงที่อยู่ตรงข้ามกับ ประวัติศาสตร์หน้าเดียว ที่เราถือ..ท่องบ่นอยู่ในมือมาตั้งแต่เด็กๆ.. ว่า คณะราษฎร.. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง...

ดังในกรณี การยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ สมัย พ.ศ.๒๔๗๕... ที่เกิดขึ้นโดย กลุ่มนักเรียนและนักศึกษาทหาร ที่ศึกษาและทำงานอยู่ในทวีปยุโรป ซึ่งได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส ที่ระบุว่า.. “นักเรียน-นักศึกษาจากเมืองนอกเหล่านี้ เป็นพวกหัวก้าวหน้าทันสมัย ที่มีความเห็นว่า การปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น มีความล้าสมัย ไม่อาจนำพาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง.. ที่ไม่ได้รับการแก้ไขจากระบอบการปกครองแบบเดิม จึงคิดวางแผนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นรูปแบบใหม่ ที่เชื่อว่าสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว และจะนำพาให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ทัดเทียมอารยประเทศทางตะวันตกได้” .. ทั้งที่จริงๆ แล้ว กลุ่มนักเรียน-นักศึกษาทหารเหล่านี้.. ได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองประเทศในขณะนั้น เพื่อให้ไปศึกษาดูงาน.. จะได้กลับมาสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ.. เพื่อการเปลี่ยนผ่านสยามประเทศ ไปสู่ความเป็นราชอาณาจักรสยาม.. ที่เจริญก้าวหน้าในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม.. การเมือง และการทหาร... โดยกลุ่มดังกล่าว เรียกตนเองต่อมาว่า คณะราษฎร ช่วงแรกประกอบด้วยสมาชิกรวมทั้งสิ้น ๗ คน โดยคนแรกคือ นายปรีดี พนมยงค์ นักเรียนวิชากฎหมายจากฝรั่งเศส

นอกจากนั้น.. ก็เป็นบุคคลที่เป็น นักเรียนวิชารัฐศาสตร์จากฝรั่งเศส.. นักเรียนวิชาทหารจากฝรั่งเศส.. นักเรียนวิชาวิทยาศาสตร์จากสวิตเซอร์แลนด์ และเจ้าหน้าที่ทางสถานทูตสยามในประเทศฝรั่งเศส.. ซึ่งสรุปได้ว่า แนวคิดของผู้ก่อการปฏิวัติสยาม เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ ได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากการปฏิรูปสังคม การเมือง การปกครอง ในฝรั่งเศส.. โดยมีการวางแผนกันครั้งแรกที่บ้านพักนักเรียนไทยในฝรั่งเศส เมื่อ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙ เป็นเวลา ๕ วัน ๔ คืน .. มีข้อตกลงร่วมกันในการจะทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ .. โดยศึกษาแนวทางการปฏิวัติในฝรั่งเศสและรัสเซียเป็นแบบอย่าง ดังมีข้อตกลงในการใช้ วิธีการยึดอำนาจโดยฉับพลัน .. อันหมายถึง การโค่นล้มระบอบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นผู้ปกครองสูงสุดตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์.. โดยที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง นายปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้า.. ตามที่เราทั้งหลายทราบกันดี จากการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติดังกล่าว

สำหรับรายละเอียดในการก่อการปฏิวัติยึดอำนาจ เมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ที่อาศัยเวลาย่ำรุ่ง.. คือ เวลาที่ชาวบ้านกำลังนอนหลับสบาย ตรงกับ วันศุกร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ปีวอก ตรงกับ จ.ศ.๑๒๙๔ ในรัชสมัยของสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ในพระบรมราชจักรีวงศ์.. ซึ่งรายละเอียดคงจะไม่ขอนำมากล่าวในที่นี้.. แต่จะนำกลับไปสู่ความเป็นจริงบางกรณีที่ควรศึกษาอีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์สยามประเทศ ว่า...

แนวคิดการปฏิวัติหรือการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินสยาม ใช่เป็นความคิดเริ่มแรกจากคนกลุ่มนี้ ที่เรียกว่า คณะราษฎร.. จริงหรือ.!?

ดังที่กล่าวไปในตอนต้นว่า.. หากเราอ่านประวัติศาสตร์หน้าเดียว.. ก็จะพบความเป็นจริงในด้านของคณะบุคคล ที่พยายามสรุปเรื่องราวเพื่อให้เห็นประโยชน์ของการทำงานของฝ่ายปฏิวัติล้มล้างระบอบการปกครอง.. เพื่อนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองตามระบอบประชาธิปไตย.. ซึ่งความจริงดังกล่าว ที่สุดก็ปรากฏด้วยคณะบุคคลดังกล่าวไม่สามารถรักษาอำนาจ.. เพื่อการปรับเปลี่ยนประเทศชาติไปสู่เป้าหมายตามที่ระบุไว้ ๗ ข้อได้จริง.. ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นมีบทบาทสูงยิ่งในทางการเมือง-การปกครองของประเทศ.. โดยได้สิ้นสุดบทบาทในปลาย พ.ศ.๒๔๙๐ รวมระยะเวลาประมาณ ๑๕ ปี.. ด้วยการปฏิวัติรัฐประหารจากคณะนายทหาร ภายใต้การนำของ พลโทผิน ชุณหะวัน..

การเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เพื่อการเข้าถึง “ความจริง” .. ใน “ความเป็นจริงที่แท้จริง” นั้น นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อการศึกษาของทุกคน ดังที่พระพุทธศาสนาได้วางรากฐานการศึกษาไว้ที่ การพัฒนาจิต .. ให้ถึงพร้อมด้วย สติปัญญา เพื่อจักสามารถกระทำ โยนิโสมนสิการ.. ที่สามารถเข้าถึงชั้นความจริงแท้ได้..

สิ่งสำคัญที่จะเกื้อให้รู้เห็นตามความเป็นจริง คือ การรอบรู้.. ในธรรมและอรรถ.. ของเรื่องราวนั้นๆ ได้ในทุกมิติ.. เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า.. เหตุปัจจัยแท้จริงของการก่อการปฏิวัติล้มล้างการปกครองนั้น เป็นการกระทำที่ควรแก่ความชอบธรรม เพื่อประชาชน.. ประเทศชาติ จริงหรือ...

เรื่องดังกล่าวจึงต้องศึกษาลงไปให้รู้ถึงรากเหง้าของปัญหา.. ซึ่งจะพบความเป็นจริงว่า.. แท้จริง สถาบันพระมหากษัตริย์ในสมัยนั้น ได้วางแผนการปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองให้เหมาะสมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุอันสืบเนื่องมาจาก พ.ศ.๒๔๒๗ ตรงกับ ร.ศ.๑๐๔.. ที่ประเทศพม่าถูกอังกฤษยึดครองและล้มระบอบการปกครองโดยกษัตริย์.. พม่าสูญเสียเอกราช.. ซึ่งพระมหากษัตริย์ของสยามประเทศในสมัยดังกล่าว ได้เล็งเห็นภัยอันเกิดจากอิทธิพลประเทศมหาอำนาจทางโลกตะวันตก จึงได้มีพระราโชบายในการริเริ่มปฏิรูปการปกครอง.. โดยทรงคำนึงว่า “ถ้าคนไทยไม่มีการปรับปรุงตนเองให้เจริญก้าวหน้า ทัดเทียมกับอารยประเทศ จะเป็นข้ออ้างให้ประเทศตะวันตก เข้ามาใช้อิทธิพลรุกราน.. เพื่อยึดครองราชอาณาจักรสยามได้..”

ในปี พ.ศ.๒๔๓๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี จึงได้โปรดฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสด็จไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะเสนาบดีตามแบบยุโรปที่อังกฤษ.. หลังจากนั้นไม่นาน การปฏิรูปการปกครองในประเทศไทยก็เกิดขึ้น.. เพื่อวางรากฐานระบอบการปกครองแบบอารยประเทศ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข.. ที่คนไทยจะได้ใช้อำนาจแท้จริง ผ่านกระบวนการทางการปกครองที่ยึดหลักธรรมาธิปไตย... (ติดตามตอนต่อไป).

 

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ

“ศาสนกิจในอินเดีย .. ณ นครปูเน่” น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ๒๘ ก.ค.๖๗ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่ นครปูเน่ รัฐมหาราษฏระ อินเดีย เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการสร้างวัดแห่งแรกของชาวพุทธในอินเดีย

อังคณา สว. 2567 ภารกิจ-สิ่งท้าทาย สภาสูง กับโมเดลข้อเสนอ สภาเดี่ยว

การทำงานของสมาชิกวุฒิสภาชุดล่าสุด ที่เรียกกันว่า "สว. 2567" กำลังจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ คาดหมายกันว่า การนัดประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือก

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๗)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. พระพุทธเจ้าได้ตรัส หลักการปกครองตามแบบธัมมิกสูตร ว่า..

ดร.มานะ-ว่าที่ สว. 2567 ความเป็นอิสระไม่มีอยู่จริง เรื่องใบสั่งก็คงมีบ้าง ไม่มีบ้าง

หนึ่งในผู้ผ่านการคัดเลือก 200 รายชื่อให้เตรียมเข้าไปทำหน้าที่ "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ ที่น่าสนใจ ก็คือ "ดร.มานะ มหาสุวีระชัย อดีต สส.ศรีษะเกษ" ที่เคยสังกัดพรรคพลังธรรมและพรรคประชาธิปัตย์ตามลำดับ

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๖)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ได้เขียนคำกล่าวสอนใจไว้บทหนึ่งว่า.. ถึงมีอำนาจ วาสนา สักปานไหน