ในช่วงปีที่ผ่านมาหลังวิกฤติด้านสาธารณสุขของโรคระบาดโควิด 19 ประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและผู้คนจำนวนมากได้กลับสู่ชีวิตเป็นปรกติแม้จะมีส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตหน้าที่การงานและมีอีกจำนวนหนึ่งที่เมื่อกลับไปอยู่บ้านในต่างจังหวัดช่วงการระบาดแล้วก็ไม่ได้กลับมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงอีกต่อไป
โดยในส่วนของภาคธุรกิจนั้น ยังมีความท้าทายอยู่อีกมากทั้งในบริษัทฯขนาดใหญ่ลงไปถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีซึ่งถือเป็นตัวจักรสำคัญด้านเศรษฐกิจฐานรากและเป็นกลุ่มธุรกิจที่เปราะบางขาดเงินทุนหมุนเวียน ขาดนวัตกรรม เผชิญความเสี่ยงต่างๆทั้งในด้านของทรัพยากร ความสามารถทางการแข่งขันตลอดจนค่าจ้างแรงงานที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆจนหลายธุรกิจอาจต้องเตรียมปิดตัวลง
ในภาคประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เรื่องของหนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ สังคมผู้สูงอายุ เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา คุณแม่วัยใส ยาเสพติด ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและอีกหลายๆเรื่องที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างทำให้ไม่สามารถจะเข้าใจเทรนด์ต่างๆในสังคมโลกได้ โดยเฉพาะในคำทับศัพท์สองคำคือ ESG และ Net Zero ที่ดูเหมือนในภาคธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลางต่างชูนโยบายทั้งสองเรื่องเป็นพันธกิจด้านความยั่งยืนของตนอยู่แทบทุกวันในสื่อต่างๆ ด้วยความตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจหรือไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ตาม
บทความนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ธุรกิจใหญ่ๆเองก็ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในคำทั้งสองคำนี้ ดังนี้
ESGย่อมาจาก Environment (สิ่งแวดล้อม) , Social (สังคม), และ Governance (การกำกับดูแล) ซึ่งมีที่มาจากแนวคิดจากทางตะวันตกของกิจการที่ผู้ลงทุนจะให้ความสนใจเลือกลงทุนภายใต้หลักของ Triple Bottom Line คือ Profits (กำไร) People (คน) และ Planet (โลก) หมายถึงการประกอบธุรกิจจะต้องเลิกคำนึงถึงกำไรแต่เพียงอย่างเดียวแต่ต้องให้ความใส่ใจและจัดทำรายงานซึ่งถูกเรียกว่ารายงานความยั่งยืนที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility หรือ CSR) และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน (Stakeholders) โดยเฉพาะพนักงาน ลูกค้าและชุมชนรอบข้างตลอดจนการปฏิบัติอย่างถูกกฎระเบียบ มีธรรมาภิบาล โดย ESG และ CSR ต่างก็ถูกมองว่าให้เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพัฒนาความยั่งยืนที่องค์การสหประชาชาติ ธนาคารโลก OECD และองค์การต่างๆทั่วโลกให้ความสนใจอย่างกว้างขวางแต่ถ้าถามกลับว่าความยั่งยืนที่แท้จริงอยู่ตรงไหน เชื่อว่าประชาชนและนักวิชาการก็อาจจะตอบหรือให้ความเห็นที่แตกต่างกันและยิ่งถ้าเอา ESG ไปอธิบายรวมกับความยั่งยืน (Sustainability) ในภาพที่ใหญ่กว่าด้วยแล้วก็ยิ่งจะเพิ่มความสับสนมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคประชาชนและกิจการเอสเอ็มอีซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังขาดความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้เพราะลำพังการหารายได้และมีกำไรบ้างก็ยากเย็นแสนเข็ญมากพอแล้ว
อีกคำหนึ่งคือ Net Zero คือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ที่รัฐบาลไปลงนามพันธสัญญาไว้ว่าจะทำให้สำเร็จได้ภายในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) และจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ก่อนเป็นอันดับแรกให้ได้ในปี พ.ศ.2593 (ค.ศ.2050) จึงเห็นว่ามีความเข้าใจผิดและสับสนระหว่าง Net Zero และ Carbon Neutrality อีกด้วยเพราะ Net Zero นั้นไม่สามารถจะใช้วิธีหักกลบด้วยคาร์บอนเครดิตได้เหมือนกับ Carbon Neutrality และยังต้องเป็นการจัดการก๊าซเรือนกระจกทุกประเภทไม่เฉพาะคาร์บอนเพียงประเภทเดียวแต่รวมถึงก๊าซมีเทน (Methane) จากการเลี้ยงสัตว์ที่มีความรุนแรงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงประมาณ 80 เท่าและก๊าซอื่นๆอีกด้วย
ดังนั้น แม้แต่กลุ่มทุนระดับใหญ่ๆยังเข้าใจคลาดเคลื่อนกันขนานใหญ่เรื่อง ESG และ Net Zero แล้วนับประสาอะไรกับกลุ่มเปราะบางอย่างเอสเอ็มอีตลอดจนประชาชนคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำจะเข้าใจและปฏิบัติได้ เรื่องนี้รัฐบาลและทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกรมน้องใหม่อย่าง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม (สืบค้นรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mnre.go.th ) คงต้องช่วยๆกันสร้างการรับรู้ในสังคมอย่างถูกต้องและร่วมด้วยช่วยกันทำทั้งประเทศอย่างเป็นระบบจึงจะสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
เวทีพิจารณ์นโยบายสาธารณะ
เทวัญ อุทัยวัฒน์
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สายแคมป์ปิ้งห้ามพลาด เช็กจุดกางเต็นท์ฟรี 37 จุดทั่วประเทศไทยช่วงปีใหม่
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน
GC จับมือ Honeywell ศึกษา พัฒนาเทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอนอย่างคุ้มค่า เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต และ Honeywell
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.ช่วยลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ลดดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
ครม. อนุมัติงบ 1.9 พันล้าน ช่วยบรรเทาค่าไฟกลุ่มเปราะบาง เดือน ก.ย.-ธ.ค.67
นายคารม พรพลกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 เคยอนุมัติหลักการช่วยบรรเทาค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง วันนี้ (11 ธ.ค.) ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณ 1,900 ล้านบาท
รัฐบาลตีปี๊บแถลงผลงาน 90 วัน 12 ธ.ค. มั่นใจประเทศไทยไปได้สวย
รัฐบาลแถลงผลงาน 90 วัน “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง“ พฤหัสนี้ มั่นใจประเทศไทยไปได้สวย หลังพบทุกมิติของประเทศคึกคัก คาดจีดีพีปีหน้าเติบโตสู้ประเทศในอาเซียนได้แน่