แก้วสรร อดีต สว. 2543 มองโฉมหน้าสภาสูง 2567 เรื่องน่าวิตก-ซื้อตัวตอนท้าย

กระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้านี้

โดยช่วงวันที่ 20-24 พ.ค. 2567 จะเป็นการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครคัดเลือกเป็น สว.ในระดับอำเภอ จากนั้นจะมีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ วันที่ 9 มิ.ย.  2567 และเลือกในระดับจังหวัด วันที่ 16 มิ.ย. 2567 ปิดท้ายด้วยการเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิ.ย. 2567 โดยกกต.วางไทม์ไลน์ไว้ว่าจะประกาศรับรอง สว. 200 คนภายในวันที่ 2 ก.ค. 2567

โฉมหน้าของวุฒิสภา 2567 ตลอดจนกระบวนการเลือก สว.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ที่ดีไซน์การเลือก สว.ครั้งนี้ มีทัศนะจาก "แก้วสรร อติโพธิ อดีต สว.กรุงเทพมหานคร ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนเมื่อปี 2543, อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2540, อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" ที่มีประสบการณ์โดยตรงในการเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ได้ให้ความเห็นผ่านรายการ “ไทยโพสต์  อิสรภาพแห่งความคิด” โดย "สำราญ รอดเพชร” และมีเนื้อหาบางช่วงตอนที่น่าสนใจ ดังนี้

แก้วสรร อดีต สว.ปี 2543” บอกว่า การเลือก สว.ครั้งนี้ไม่ได้ลงสมัครด้วย เพราะไม่รู้ว่าลงสมัครไป ตัวผมจะเป็นตัวแทนของใคร ผมจะฟังใคร ผมเคยลงสมัคร สว.เลือกตั้งลงที่กรุงเทพมหานคร ก็มีคนไว้ใจเรา เลือกเรา  เราก็คิดว่าจะเข้าไปทำงานให้สมกับที่เขาต้องการ เป็นเกียรติที่ได้รับใช้ แต่หากผมลงสมัคร สว.ครั้งนี้ ผมไม่รู้ว่าผมจะผูกพันกับใคร จะเป็นตัวแทนใคร ผมไม่รู้ว่าเป็นตัวแทนอะไร

-ตัวแทนกลุ่มอาชีพ?

ไม่มีนะ อย่างถ้าบอกว่าให้กลุ่มชาวนาส่งคนมา แบบนี้ยังมีความผูกพัน ว่ามีสมาชิก มีคนหนุนเข้ามา ต้องทำเพื่อชาวนา นโยบายอะไรที่ชาวนาถูกทอดทิ้งก็ว่าไป แต่คอนเซปต์ตัวนี้คือไม่ไว้ใจระบบผู้แทนของเรา ต้องมีการกลั่นกรอง ต้องมีองค์กรอิสระ คอยถอดถอนคอยจัดการอะไรได้  เป็นเปาบุ้นจิ้นเหมือนกัน มีเปาบุ้นจิ้นมาเลือกเปาบุ้นจิ้น  มากลั่นกรอง เหมือนมาช่วยหาเทวดาสักจำนวนหนึ่ง  แล้วจะหาได้อย่างไร ใช้ระบบเลือกตั้งก็แล้ว (สว.เลือกตั้ง) ก็มีคนดีๆ ก็มีอยู่ ไม่ใช่คนจากพรรคการเมืองก็มีอยู่ แต่อยู่ๆ ไปก็เสือกรับเงินเดือนทักษิณก็มี สมัยผมนะ ที่เลือกตั้งกันเป็นจังหวัด ในที่สุดก็แพ้เงิน รับเงินเดือน ทีแรกก็ห้าหมื่นบาท

-นึกโฉมหน้า สว.ที่จะเลือกกันออกหรือยัง?

ผมไม่แน่ใจว่าระบบแบบนี้จะมีความคงทน ทำให้ซื้อกันไม่ได้หรือเปล่า สว.รุ่นผมขนาดไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง ตอนแรกสู้กับรัฐบาลคุณชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ก็สนุก เป็นอิสระ ใช้ความรู้ความสามารถ ผมมีความสุขมาก  แต่พอเริ่มให้เขามาซื้อได้ ให้เงินเดือนกันได้ มันก็เห็น

เพราะฉะนั้น โดยระบบวุฒิสภาที่เราคิดขึ้นมา ไม่ว่าจะระบบอะไรก็แล้วแต่ สิ่งแรกที่ต้องวิตกก็คือแม่งซื้อตอนท้าย บอกว่าจงเลือกคนที่ซื้อไม่ได้ ก็ไม่รู้จะเลือกยังไง หรือว่าจะมาซื้อกันตอนเลือก สว.ในระดับประเทศ มันทนเงินกันไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ติดพื้นที่ อาจจะไม่ใช่บ้านใหญ่ ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่น้องเมียอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมว่าเงินมันจะเข้า แล้วในแง่ความหมายที่คนจะหนุน คนจะคุ้มกัน มันก็ไม่มีคอนเนกชันกับชาวบ้าน เพราะฉะนั้นแรงหนุนที่จะเป็นแรงหนุนสาธารณะเข้ามาช่วย เข้ามาเสนออะไรต่างๆ มันไปไม่ได้  ความคิดอย่างการเอาเป็นกลุ่มเข้ามา เคยทำได้อย่างเก่ง และสมเหตุสมผล ก็ตอนเลือกสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (รัฐธรรมนูญปี 2540 ) ที่เป็นที่ปรึกษา แต่ไม่ได้มีอำนาจ อะไรที่มีตำแหน่งสันดานไทย ก็จะวิ่งกัน มันก็บิดกันหมด

คือความคิดกับความเคลื่อนไหวในบ้านเมืองเรา มันยังไม่โตพอที่จะมีผู้แทนที่ทำงานได้ ก็เลยมาหลงกับการออกแบบ สร้างองค์กรอิสระ สร้างวุฒิสภา แล้วก็หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา

 เพราะฉะนั้นทิศทางหลักกับวิธีคิดมันไม่ใช่แล้ว แล้วก็มาให้เลือกกัน รอบหนึ่ง รอบสอง ก็สุดจะทำความเข้าใจ จงเลือก สว.ที่ซื้อไม่ได้ แล้วคิดออกมาแบบนี้ได้ โอ้โห แต่ก็มีการห้ามหาเสียง ห้ามแนะนำตัว ต้องไม่เป็นเครือญาติอะไรต่างๆ เลือกรอบเดียวไม่ได้ต้องเลือกหลายรอบ เลือกเสร็จต้องเลือกไขว้อีก ชาวบ้านนอกจากไม่เข้าใจแล้ว เขาก็จะบอกว่าเขาไม่เกี่ยว

-มีการพูดกันว่า สุดท้าย สว.ที่ประกาศรายชื่อมา  ตอนท้ายก็จะไปแพ้คนที่คอยช้อนซื้อ สว.?

ไม่รู้ แล้วแต่เขาจะซื้อตอนไหน ก็แล้วแต่เลือกเอา ตอนนี้ระบบผู้แทนในโลกมีปัญหาหมด ในสหรัฐอเมริกาก็เหมือนกัน นโยบายต่างประเทศทั้งอิสราเอล ทั้งยูเครน  ชาวบ้านเขารู้ความจริงก็ให้ของลับทั้งนั้น มีประท้วงกันตามมหาวิทยาลัยเหมือนกันทั่วโลก

เรามาถึงทางตัน ของการเขียนรัธรรมนูญ

แก้วสรร-อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี  2540" ยังกล่าวถึงภาพรวมการเมืองไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมองว่าเรามาถึงทางตันของการเขียนรัฐธรรมนูญ เพื่อจะแก้สร้างบ้านเมืองที่อยากจะให้เป็น คือปัญหาบ้านเมืองต้องแก้ที่คน ไม่ใช่มาหาตรัสรู้สร้างระบบใหม่ๆ ที่เป็นรัฐธรรมนูญขึ้นมา แล้วก็หวังว่ามันจะดี แต่คนมันก็ไม่เปลี่ยน

อย่างตอนช่วงปี 2540 ที่ตอนนี้มีคนบอกว่าจะปฏิรูปบ้านเมือง โดยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่เอาเข้าจริงมันแค่การปฏิรูปรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองก็ไม่ได้เปลี่ยน แย่กว่าเดิมด้วยซ้ำไป ไม่ได้มีการปฏิรูปบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองมีความคิด มีความเคลื่อนไหว มีตัวระบบ เมื่อความคิด-ความเคลื่อนไหวมันไม่เปลี่ยน คุณจะเขียนระบบยังไง แต่มันก็ไม่สามารถจะสนธิออกมาเป็นผลที่เรามีความสุข พัฒนาได้อยู่ได้ วันนี้ก็กำลังจะทดลองของใหม่ กำลังจะเลือก สว.ด้วยวิธีที่บอกว่าเป็นนวัตกรรมขึ้นมาอีก

คือระบบผู้แทน เรารู้สึกว่าในระบบมันทำงานไม่ได้  เพราะมันแทนอะไรก็ไม่รู้ แทนบ้านใหญ่ แทนการอุปถัมภ์  แล้วก็ไม่มีเสถียรภาพ จากสมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา, พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ ก็เลยมีความคิดกันว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้บ้านเมืองดีขึ้น ความคิดดังกล่าวนี้ที่เกิดขึ้นมา ก็มีนักเทคนิค นักกลไกที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญ โดยสายฝรั่งเศส (นักกฎหมาย-นักวิชาการ) มี ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นหัวเรือ แล้วก็มีคนอื่นๆ เช่น คุณอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ นายอุทัย พิมพ์ใจชน  อดีตประธานรัฐสภา และนักวิชาการต่างๆ ก็สเกตช์ออกมาเป็นรัฐธรรมนูญ

 ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 ร่างขึ้นมาจากสมมุติฐานที่ว่า  ระบบผู้แทนกับระบบราชการมันดูแลตัวเองไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาไม่จริงจัง ก็เกิดองค์กรอิสระขึ้น เช่นคณะกรรมการป.ป.ช. ที่ตอนนั้นหวังให้เป็นเปาบุ้นจิ้นให้บ้านเมือง แล้วก็เกิดองค์กรอิสระด้านการเงิน ก็มีการเสริมอำนาจให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

ส่วนเรื่องการดูแลการเลือกตั้ง ที่เคยเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ก็ให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้งขึ้นมา การให้มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงองค์กรอื่นๆ คือ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นกลไกที่สร้างขึ้นมา จนมาไปบนฟ้าก็มีอาทิตย์หลายดวง

ตอนนั้นก็ถกเถียงกันเยอะ ตอนที่ผมอยู่เป็นสมาชิกสภาร่าง รธน. ว่ามันจะเวิร์กหรือไม่ จะเกิดความสับสนหรือไม่

พอเริ่มมีการนำมาใช้ ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็ 20 กว่าปี หากถามว่าองค์กรเหล่านั้นมีความเป็นอิสระหรือไม่ ทำอะไรได้บ้าง เกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง ก็อย่างที่แลเห็น เช่น กกต. รุ่นแรกเลย มีการตรวจเช็ก มีการให้ใบเหลือง โดนกันทีเป็นฝูงเลย เป็นเข่ง ให้เลือกใหม่ แล้ววันนี้เป็นยังไง ตรวจทานกันจริงจัง กล้ากันขนาดไหน

-ก็ให้ใบแดง สส.ไปสองใบ?

ก็ป่านนี้แล้ว ผ่านมาหนึ่งปีมาสอยทีหลัง ก็นาน ทำไมมาเลือกปฏิบัติกันแบบนี้ เคยสงสัยกันไหม ก็มีการร้องไปที่กกต.กันเป็นร้อย ทำไมเลือกปฏิบัติกันแบบนี้ โดนไปสองคน แล้วที่เหลือทำไมไม่โดน มันเป็นยังไง ปิดสำนวนกันหรือยัง

หรืออย่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. นักโทษไม่ติดคุก บอกว่าป่วยออกมาแล้วเดินปร๋อ คุมประพฤติบอกยังเป็นนักโทษอยู่ ไปเท่าที่จำเป็น ไปไหนต้องบอก แต่นี่ไปทั่วเลย  ไปภูเก็ต แล้วก็มีไปร่วมเจรจาพม่าอีก สังขารแข็งแรง แล้วป.ป.ช.ทำอะไร พวกหมอ กรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ทำอะไรอยู่

ตอนนี้ ป.ป.ช.กลายเป็นที่หมกคดีคอร์รัปชัน ล้นเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นการหวังพึ่งองค์กรอิสระโดยไม่ดูปัญหาให้มันครบ

หลักและวิธีคิดที่บอกจะปฏิรูปบ้านเมือง โดยการเขียนรัฐธรรมนูญ มันเริ่มตั้งแต่ปี 2540 และก็ยังมีสืบต่อมาถึงปัจจุบัน มันเหมือนกับยังหารัฐธรรมนูญที่ดีไม่ได้ โดยยังเชื่อว่ามันมีอยู่ในโลก แต่ยังสร้างมันไม่ได้ ก็สร้างไปเรื่อย ปรับไปเรื่อย โดยไม่ได้มองที่ปัญหาจริงๆ การแก้ปัญหา

รัฐธรรมนูญปี 2540 ไปส่งเสริมพรรคการเมืองให้มีสส.ปาร์ตี้ลิสต์ มีเงินอุดหนุน แล้วก็ขัง สส. โดย สส.คนไหนลาออกก็ขาดสมาชิกภาพ ลงทุนกัน กลายเป็นรัฐธรรมนูญไปประกันการลงทุนให้กับนักลงทุนทางการเมือง

เมื่อก่อนพวกจะทำมาหากินกับอำนาจรัฐก็คอยไปซื้อรัฐมนตรีทีหลัง ไปให้เงินทีหลัง แต่มาบัดนี้ 20 ปีผ่านไป มันกลายเป็นว่าทุนพลังงานก็ต้องไปลงทุนกับพรรคการเมือง บางพรรคการเมืองอยู่ด้วยทุนจากพลังงาน นายทักษิณเป็นคนบุกเบิก สมัยผมเป็นกรรมการ คตส.ผมเคยตรวจสอบทรัพย์สินเขา พบว่าตอนเลือกตั้ง มีการเบิกเงินจากธนาคารมาใส่ชื่อคุณหญิง แล้วก็ใส่รถออกไปทุกวัน  เลือกตั้งเสร็จหมดพอดี นี้ยังไม่รวมตอนไปซื้อพรรคอื่นมาควบรวมอีก นวัตกรรมของเขาเหมือนเซเว่นฯ เขาจะไปหาทำเลดีๆ ตามตรอกซอกซอย ก็คือไปหาผู้กว้างขวางที่เป็นสส. หาบ้านใหญ่ต่างๆ แล้วก็ให้มาร่วมลงทุนกับเขา โดยเขาเปิดกิจการเป็นพรรคการเมืองขึ้นมา แล้วก็มีนโยบายที่ทุกร้านเซเว่นฯ เอาไปขาย มันเป็นการจัดการซึ่งพรรคการเมืองอื่นๆ เช่น ประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยไม่มี ก็เลยตายหมดเมื่อเจอการจัดการแบบนี้

...ชะตากรรมของระบบผู้แทนไทยก็ไปหลงอยู่กับการสร้างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้แก้อะไรได้จริง แล้วก็มีตัวแทรกเข้ามาโดยตัวทุนและความโลภ และซ้ำเข้ามาด้วยความเกลียดชัง นี้คือปัจจุบัน มันคือชะตากรรมที่ว่าทำไมเราไม่สามารถแก้อะไรได้ เพราะเราไปบ้าเห่อกับการคิดว่า แก้รัฐธรรมนูญไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีเอง

-จากที่มีการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 มาถึงวันนี้  มองเห็นมิติบวก?

ผมกำลังเห็นความล่มสลาย เพราะเศรษฐกิจขาดการดูแลมากๆ ตลาดแทบจะเจ๊งแล้วทุกวันนี้ เงินมันอยู่ไหน  แต่ไม่ใช่การมาแจกเงิน อย่างที่เรียกว่าจีดีพี มันไม่ได้อยู่ในประเทศ 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มาหมุน ธนาคารตอนนี้หลายแห่งต่างชาติถืออยู่ ก็เอาเงินออกไป สิ่งเหล่านี้คือปัญหาของประเทศ พรรคการเมืองต้องตอบ ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้บริหารประเทศ มันบริหารอำนาจทั้งนั้นตอนนี้ ไม่มีใครตอบปัญหาของประเทศ ประชาชนก็เหมือนกัน ก็คิดว่าแล้วจะให้อะไรบ้าง ที่บอกจะให้หมื่นบาทเมื่อไหร่จะให้ แล้วยังมาประกาศจะส่งข้าวเน่าไปแอฟริกา มึงบ้าหรือเปล่า  ตลาดข้าวไม่เจ๊งตายห่าหรือแบบนี้ เป็น รมว.พาณิชย์ต้องดูแลบ้านเมืองให้ขายข้าวได้ แต่คุณกลับทำลายข้าว

-คิดว่าดรามาข้าวครั้งนี้จะโยงไปถึงคนที่ก่อคดีจำนำข้าวหรือไม่ให้กลับบ้านหรือไม่?

แต่ผมฟังมาอีกอย่าง อันนั้นอาจจะมีเหตุผล แต่อีกอย่างก็คือ ป.ป.ช.เขาจะลงมติจำนำข้าวภาคสอง จำเลย 50 กว่าคน แล้วมีเจ๊อ้วนหน้าซาลาเปาอยู่ด้วย ที่มีบุญทรง  (อดีต รมว.พาณิชย์) ถูกกันเป็นพยาน เห็นว่าชินวัตรคนหนึ่งจะถูกกล่าวหาด้วย อันนี้ดูใกล้กว่า ส่วนกรณีปู (ยิ่งลักษณ์) ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยกันได้อย่างไร เพราะต้องคดีไปแล้ว

ถอดสมการดิจิทัลวอลเล็ต ตามรอยสหรั'นิวดีล-ยุรูสเวลต์'

-ที่เคยเขียนบทความ "ทักษิโณมิกส์ + X =  โครงการแจกเงินดิจิตอล" ในส่วนของ x ดังกล่าวคืออะไร?

คือโครงการนี้ก็มีคนถามว่าทำไมต้องเป็นดิจิทัล หากจะแจกเงินก็แจกเลย จะผ่านแอปเป๋าตังก็ได้ นี้คือคำถามว่า x คืออะไร คือ "ทักษิโณมิกส์" ยังไง ต้องแจก เช่นอาจจะแจกเงินหรือขึ้นค่าแรง หรืออาจจะจำนำข้าว คือมันต้องแจก ที่เราเรียกว่าประชานิยม ซึ่ง "ทักษิโณมิกส์" ก็จะบอกว่า พอแจกแล้วเงินมันจะหมุนไป ซึ่งผมก็เคยถามนักเศรษฐศาสตร์ว่า มันมีตัวอย่างที่ไหนในโลกหรือไม่ เขาบอกคุณทักษิณหรือที่ปรึกษาเขา น่าจะเอาจากนิวดีล สมัย สหรัฐฯ ที่เศรษฐกิจตกต่ำ แล้วประธานาธิบดีสหรัฐฯ รูสเวลต์ก็อัดฉีดเพื่อกระตุ้นการบริโภค ด้วยช่องทางต่างๆ  แต่ของคุณทักษิณทำไม่ตรง เพราะของสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่ฉีดเงินเข้าไปเฉยๆ แต่มีการสร้างการผลิต มีการลงทุนขนานใหญ่เป็นตัวบวก แล้วก็เอาเงินใส่กระเป๋าคนเพื่อให้ไปบริโภคการผลิตใหม่นั้นเพื่อเป็นตัวคูณ มันถึงได้เกิดความมั่งคั่ง นิวดีล ก็คือมองใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ ที่เขาเอามาใช้ อย่างยุคทักษิณ 1 ก็อัดเงินก่อน ที่ตอนนั้นทักษิณพูดถึงเรื่องการผลิต เช่นเรื่องครัวโลก เขาคิดว่าจะทำเหมือนรูสเวลต์ แต่พอมาเป็นเศรษฐา 1 หรือทักษิณ/7 ก็ไม่รู้ ซึ่งตรงนี้การผลิตที่โฆษณาไว้มันไม่ใช่การผลิตที่เงินมันจะหมุนไป

เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ต้องมองให้ออกว่ามันเป็นนิสัยทางการเมืองของเขา เขาต้องอัด ซึ่งมันจะมีเงินดิจิทัล ก็เป็นมาตรการหนึ่ง หลังจากที่จะให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทไปแล้ว แต่เฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต มีสองประเด็นคือ หนึ่ง ทำไมถึงเป็นดิจิทัล อันนี้คือ x ซึ่งอันนี้ผมเห็นแค่ความเป็นไปได้ แต่ว่ามันน่าจะเป็นหรือไม่ ต้องดูพฤติกรรม รายละเอียดโครงการอีกที

ถ้าคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ ถ้าเขาได้ข้อมูลจากระบบดิจิทัลที่เขาสร้างขึ้นมา ว่าคนนี้อายุเท่าไหร่ เบอร์โทรศัพท์ที่ใช้เบอร์อะไร มีอาชีพอะไร ที่อยู่ ใช้อีเมลอะไร ตอนช่วงลงทะเบียน ถ้าเขาสามารถได้อันนี้(ข้อมูล) แล้วใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาซ้ำ อย่างที่ชุมพร การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ขนาดที่อยู่บนเขา ซึ่งมี ส.ป.ก.เยอะ สามารถสร้างโปรแกรมหาเสียงในระดับพื้นที่ได้ว่า เลิก ส.ป.ก.จะได้เอกสารเป็นโฉนด แล้วทำได้แม่นยำในกลุ่มเป้าหมายในตำบลนั้นเลย ซึ่งอย่างสมมุติ ถ้าผมได้ข้อมูลอันนี้ ในทุกอำเภอ นี่คือว่าทำไมเขาต้องทำเป็นอำเภอ ผมสามารถเข้าไปในหูของผู้คน เป็นอำเภอๆ เฉพาะเรื่องเฉพาะราว จัดตั้งคนนั้นคนนี้ได้ แทบไม่ต้องเดินหาเสียงเลย แล้วจะเก่งกว่าก้าวไกลเยอะ

ทักษิณเข้ามาเขาบอกว่าต้องชนะก้าวไกลให้ได้ เขาเจ็บใจมากๆ เพราะเขาใช้โซเชียลไม่ทันก้าวไกล โดยเลือกตั้งที่ผ่านมามองว่าเขาแพ้ ความเกลียดชังกับโซเชียลมีเดีย โซเชียลบวกกับความเกลียดชัง เขาสร้างมวลชนทางโซเชียลมีเดียขึ้นมาได้ ว่าเกลียดอันนี้ๆ แล้วรวมกันเข้ามา หมูหมากาไก่ก็เลือกหมด ซึ่งหากทักษิณจะชนะ ที่ผมไม่รู้ว่าเขาจะเอาเรื่องความเกลียดชังด้วยหรือไม่ ปกติเขาจะมีแต่ประชานิยม เขาจะเอาความเกลียดชังมาไหม เอาความเบื่อหน่ายมาด้วยหรือไม่ มีทะลุวัง ทะลุบ้าน

เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ปัญหาคือเขาจะเอาเงินจากไหน  คือพอเขาได้เป็นรัฐบาลช่วงสิงหาคม-กันยายน 2566 ก็ไม่ได้เร่งทำงบประมาณแผ่นดิน ไม่เร่งคลอด พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เลย งบรายจ่ายปี  67 ก็เพิ่งเริ่มใช้ หลังเสียเวลาไปหลายเดือน แล้วที่บอกว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะนำมาจากงบ 67 ประมาณ 175,000 ล้านบาท ก็แสดงว่าเขาตั้งใจให้งบ 67 เหลือจ่าย เพราะคลอดช้ามาก พอถึงตุลาคม ต้องให้เหลืองบไว้ประมาณ 175,000 ล้านบาท ซึ่งปกติงบคลอดล่าช้าขนาดนี้ เหลือเวลาใช้ประมาณหกเดือน ครม.ต้องมีมติแล้วว่า ทุกส่วนราชการที่มีงบลงทุนต้องทำแผนใช้จ่ายงบออกมาให้เสร็จ ให้ทัน ถามว่ามีหรือไม่ มีมติอันนี้ไหม มีแผนใช้จ่ายงบหรือไม่ ความหมายอยู่ตรงนี้

แล้วดีไม่ดีที่บอกว่าจะไปเอาเงิน ธ.ก.ส. อาจเป็นการสับขาหลอก จริงๆ อยู่ที่งบ 67 หากดึงให้ถึงที่สุด ดึงได้ถึงสองแสนล้านบาท ถามว่าผิดหรือถูก

นอกจากนี้ ที่บอกว่ากระตุ้นการบริโภค ในทางเศรษฐศาสตร์หมายถึงเป็นเงินใหม่ เพื่อนผมเทียบให้ มันมีโรคอันหนึ่งที่ไขสันหลังไม่ทำงานเท่าที่ควร พอไขสันหลังไม่ทำงานเท่าที่ควร เม็ดเลือดแดงก็ออกมาน้อย ก็ทำให้การขนส่งออกซิเจน ธาตุอาหารไปยังเซลล์ต่างๆ มันก็ไม่พอ ร่างกายก็โทรมตาย เพราะฉะนั้นต้องมีการรับเลือด เติมเลือด เพื่อนผมก็ต้องทำทุกเดือน หากไม่มีเงินก็ตายไปแล้ว

บ้านเราตอนนี้เป็นแบบนี้ เม็ดเลือดแดงน้อย ถ้าจะเอาเงินเข้ามาต้องเป็นเงินใหม่ ไม่ใช่ว่าเอาเงินจากแขนซ้ายไปใส่แขนขวา เงินในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ก็คือเงินที่อยู่ในร่างกายอยู่แล้ว เป็นเม็ดเลือดที่มีอยู่แล้ว ถ้าจะอัดเงินต้องเป็นเงินใหม่ ต้องกู้ เงินที่มันควรจะวิ่งตั้งนาน มีอยู่แล้ว (งบ 67) แต่ไม่วิ่ง กักมันไว้ให้ถึงสิ้นปี มันเสียหายไปเท่าไหร่ ในนามของการช่วยประชาชน แต่คุณทำให้เงินขาดตลาด อันนี้คือความเสียหายของการเอาการเมืองเป็นการลงทุน แล้วดูทำหน้าที่กันหรือไม่ อย่างสื่อ ทางสื่อก็โดนซื้อไปเยอะ ต้องบี้ถามรัฐมนตรี งบรายจ่ายกระทรวงคุณ เช่นมีอยู่สามหมื่นล้าน จะใช้ทันหรือไม่ทัน สื่อก็ต้องบี้ถาม ก้าวไกลก็บี้สิ มัวแต่หมกมุ่นเรื่องบุ้งเรื่องอะไรอยู่ บี้เข้าไปสิ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นัดประชุมวุฒิสภา 8 ก.ค. ถกญัตติด่วน 'สมชาย' ตั้งกมธ.ศึกษาผลการเลือก สว.67

ความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา ชุดที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธานวุฒิสภา ว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นายพรเพชร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ได้เรียกประชุมวิปวุฒิสภา เพื่อหารือถึงการนัดประชุม ในวันที่ 8 ก.ค.

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๖)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ได้เขียนคำกล่าวสอนใจไว้บทหนึ่งว่า.. ถึงมีอำนาจ วาสนา สักปานไหน

จับตา กกต.เลื่อนรับรอง สว. เตรียมปล่อยผีสอยทีหลัง

นับได้ว่าขณะนี้ ถนนการเมืองได้คลอดว่าที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 200 คน และสำรอง 100 คน ที่เตรียมพร้อมจะเข้าทำงานในสภาเพื่อประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

'ปิยบุตร' หนุน 'กกต.' เร่งประกาศรับรองผล 'เลือก สว.' ก่อนค่อยสอยทีหลัง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการเลือก สว.ว่า ผลที่ออกมาแปลกประหลาดมาก ซึ่งหากมีปัญหาเช่นนี้ก็ไม่สอด